Responsive image

Tuesday, 02 Dec 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จับมือ SCB เปิดตัวบริการ “FWD Utmost” มอบเอกสิทธิ์เหนือระดับแก่ลูกค้ากลุ่มเวลธ์ที่ซื้อประกันยูนิตลิงค์

Mon 29/08/2565


เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต สร้างความแตกต่าง  ด้วยบริการเหนือระดับที่มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงค์) ร่วมกับ ธนาคารไทยพาณิชย์  เปิดตัวบริการใหม่ “FWD Utmost” เอกสิทธิ์ดูแลสุขภาพและการใช้ชีวิตเหนือระดับ สำหรับลูกค้ากลุ่มที่มีความมั่งคั่งสูง (Wealth) ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ยูนิตลิงค์ ผ่านช่องทางธนาคารไทยพาณิชย์ทั่วประเทศ ด้วยการคัดสรรบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟครอบคลุมทั้งการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม  พร้อมมอบประสบการณ์ที่เติมเต็มการใช้ชีวิตอีกระดับทั้งการเดินทาง ไลฟ์สไตล์ และบริการผู้ช่วยส่วนตัว โดยมอบสิทธิระดับสมาชิก Ruby ที่มีเบี้ยประกันภัยรวมต่อปี 2,000,000 – 4,999,999 บาท และระดับสมาชิก Diamond เบี้ยประกันภัยรวมต่อปี ตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป 

นายเดวิด โครูนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (“เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต”  หรือ “FWD ประกันชีวิต”) เปิดเผยว่า เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและดีที่สุดโดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก (customer-led) เราทำการศึกษาและวิเคราะห์ลูกค้ากลุ่ม Wealth เพื่อเข้าใจสิ่งที่ลูกค้ามองหาที่มากกว่าการประกันชีวิต ซึ่งครอบคลุมถึงการดูแลสุขภาพและกิจกรรมที่ชื่นชอบตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ด้วยบริการเหนือระดับ ล่าสุดเราได้เปิดตัว “FWD Utmost” บริการใหม่พร้อมเอกสิทธิ์ต่างๆ สำหรับลูกค้ากลุ่ม Wealth ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงค์) ผ่านช่องทางธนาคารไทยพาณิชย์  ซึ่งเป็นการดูแลสุขภาพของลูกค้าควบคู่กับการบริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟเพื่อตอบทุกมิติของการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่เหมาะสม

ดร.ยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า “ธนาคารมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างมากในการสร้างขีดความสามารถในการให้คำปรึกษาทางการเงินที่ครบวงจร และเน้นพัฒนา สรรหา ผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการลงทุน  ให้มีความหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มตามเป้าหมายทางการเงินของลูกค้า โดยผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงค์) ถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่เราให้คำปรึกษาในการวางแผนการลงทุน แบบ asset allocation และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ากลุ่ม Wealth ในปีที่ผ่านมา SCB WEALTH ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำด้านวางแผนการลงทุนให้แก่ลูกค้าผ่านธุรกิจประกันแบบยูนิตลิงค์ เพื่อสร้างความคุ้มครองประกันชีวิตควบการลงทุนเพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้กับลูกค้า Wealth”

ทั้งนี้ บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกัน และบริการจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก  เป็นผู้บุกเบิกในการสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต  ทำให้ธนาคารสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ประเภทยูนิตลิงค์ ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้ากลุ่ม Wealth  เพื่อวางแผนการลงทุนให้มีความหลากหลายในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ  โดยประกันชีวิตสามารถสร้างหลักประกันทางการเงิน หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้  ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับทั้งความมั่งคั่งและความมั่นคงในชีวิตอย่างยั่งยืน โดยเอฟดับบลิวดี ประกันชีวิตมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผนวกกับธนาคารมีจุดแข็งในการให้บริการและช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีศักยภาพสูง รวมถึงทีมที่ปรึกษาทางการเงิน (RM) ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า จึงมั่นใจได้ว่า FWD Utmost จะช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า Wealth ได้อย่างแท้จริง

นางณาตยา สุขุม รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานผลิตภัณฑ์ประกัน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงค์) เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองชีวิตสูงพร้อมโอกาสในการได้รับผลตอบแทนการลงทุนจากกองทุนที่ได้คัดสรรมาแล้ว อีกทั้งประกันชีวิตยังสามารถเข้ามาช่วยสร้างหลักประกันทางการเงินเวลาเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ ในปัจจุบันตลาดยูนิตลิงค์ถือว่ามีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากสมาคมประกันชีวิตไทย ระบุว่า เบี้ยประกันภัยรับรวมของยูนิตลิงค์ในช่วง 5 เดือนของปี 2565 อยู่ที่ 7,876 ล้านบาท โดยเฉพาะเบี้ยประกันแบบรายปี  เติบโตสูงถึงร้อยละ 23.84 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ซึ่งเบี้ยประกันภัยยูนิตลิงค์ผ่านช่องทางของธนาคารมีทิศทางการเติบโตสอดคล้องกับตลาดเช่นเดียวกัน จากศักยภาพของช่องทางการจำหน่ายผ่านธนาคาร ผสานกันกับจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ประกันของ FWD ประกันชีวิต

“ภายใต้ยุทธศาสตร์ในการเป็น “ธนาคารที่ดียิ่งขึ้น” (To Be A Better Bank) ธนาคารมุ่งเน้นการนำเสนอการให้บริการและคัดสรรผลิตภัณฑ์ประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละเซกเมนต์  โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง (Wealth) ที่ให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงค์) ซึ่งจะได้รับบริการ FWD Utmost ที่ครอบคลุมการดูแลสุขภาพอย่างเฉพาะบุคคล พร้อมเอกสิทธิ์พิเศษระดับเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตตามไลฟ์ไตล์ของลูกค้า ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า FWD Utmost จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจด้านการดูแลสุขภาพและไลฟ์สไตล์ได้อย่างตรงใจ เพื่อให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายความสำเร็จในชีวิตไปจนถึงการสร้างความมั่งคั่งได้เป็นอย่างดี” นางณาตยา กล่าว   

สำหรับ บริการ “FWD Utmost”  เป็นการมอบเอกสิทธิ์พิเศษให้กับลูกค้ากลุ่มที่มีความมั่งคั่งสูง (Wealth) 2 ระดับ ด้วยกัน คือ ระดับสมาชิก Ruby เบี้ยประกันภัยรวมต่อปี 2,000,000 – 4,999,999 บาท และระดับสมาชิก Diamond สำหรับเบี้ยประกันภัยรวมต่อปี ตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป พร้อมการบริการที่ครอบคลุมครบทั้ง 4 ด้าน

•           Caring your health   บริการสุขภาพเหนือระดับ ดูแลสุขภาพองค์รวมตามความต้องการเฉพาะบุคคล ทั้งบริการตรวจสุขภาพ และเข้ารับบริการเพื่อดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร ตลอดจนการบริการเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

•           Beyond your experience ประสบการณ์แห่งการเดินทางเหนือระดับ ด้วยบริการรถลีมูซีน รับ – ส่งสนามบินทั้งในและต่างประเทศ คุณภาพระดับมาตรฐานสากล

•           Enrich your lifestyle บริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟในหลากหลายรูปแบบเพื่อส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับและเติมเต็มความสุขตามไลฟ์สไตล์ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น อาทิ ห้องรับรองพิเศษระหว่างรอเข้ารับบริการในโรงพยาบาล ส่วนลดพิเศษในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ รวมทั้งสิทธิพิเศษเมื่อเข้าพักโรงแรมชั้นนำ การใช้บริการสนามกอล์ฟ ร้านอาหารและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วโลก

•           Private personal assistant บริการผู้ช่วยส่วนตัวที่พร้อมให้คำแนะนำในทุกกิจกรรม และตอบสนองความต้องการทางด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์อย่างมืออาชีพ

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงค์) สามารถติดต่อผ่าน Wealth relationship manager และสาขาของธนาคารไทยพาณิชย์ หรือสอบถามเพิ่มเติม SCB Call Center โทร. 02-777-7777 


Tags : เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต FWD เดวิด โครูนิช ดร.ยรรยง ไทยเจริญ ณาตยา สุขุม ธนาคารไทยพาณิชย์ SCB


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ทิพยประกันภัยเดินหน้าต่อยอดประสบการณ์ด้านประกันภัยรถยนต์ เปิดตัวแคมเปญใหญ่ “TIP MOTOR EXTRA PRO ประกันรถสุดปัง อลังการสุดโปร” ในงาน Motor Expo 2025 เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มองหาความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ครบวงจร พร้อมคัดสรรผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์หลากหลาย อาทิ TIP Premium Garage Plus, TIP Lady, TIP Rainbow, TIP Up to Mile และประกันรถยนต์ 2+ คุ้มทุน พร้อมทีมให้คำปรึกษา คำนวณเบี้ย และบริการต่ออายุกรมธรรม์ภายในงาน แคมเปญ “TIP MOTOR EXTRA PRO” มอบข้อเสนอสุดคุ้มสำหรับลูกค้า อาทิ • ส่วนลดเบี้ยประกันภัยสูงสุด 15% สำหรับลูกค้าใหม่ • รับของสมนาคุณ รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท • ลุ้นรับรถยนต์ MITSUBISHI XFORCE รุ่น ULTIMATE มูลค่า 1,059,000 บาท • ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน • พิเศษ! ลูกค้าที่ต่ออายุประกันภัยรถยนต์ภายในงาน รับ บัตร Lotus’s มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท ทิพยประกันภัยขอเชิญทุกท่านร่วมรับข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะงาน Motor Expo 2025 ได้ที่บูธ V07–V08 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568

30 Nov 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือ โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ ระหว่าง ธนาคารออมสิน และ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อศึกษาความเป็นอยู่และพฤติกรรมทางการเงินของกลุ่มครัวเรือนฐานรากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการเงินในระบบ ที่จะนำไปสู่การต่อยอดองค์ความรู้ จากการวิจัยในการพัฒนาระบบการเงินที่เหมาะสม ช่วยยกระดับเศรษฐกิจและความเข้มแข็งทางการเงินของภาคครัวเรือนไทย โดยมี นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และ ดร.โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่   นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ภายใต้บทบาทการเป็น Social Bank ที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางการเงินและสร้างการเข้าถึงแหล่งทุนที่เป็นธรรม ธนาคารเดินหน้าภารกิจหลักที่ 1 ในการสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงิน ซึ่งหากพิจารณาจากสถานการณ์การเข้าถึงสินเชื่อของคนไทย ปัจจุบันยังพบว่าครัวเรือนกว่าร้อยละ 30 ยังอยู่ในกลุ่ม Unserved และ Underserved โดยเป็นผู้มีรายได้น้อยและ/หรือรายได้ไม่แน่นอน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบจากการขาดประวัติเครดิตทางการเงิน และกว่าครึ่งยังต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้นและต้องเผชิญภาระดอกเบี้ยสูง ดังนั้น เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนบทบาทการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ธนาคารจึงได้จัดตั้งสถาบันวิจัยเศรษฐกิจฐานรากขึ้นเป็นครั้งแรก และได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อคิกออฟงานวิจัย “โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ” โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายของการศึกษาเป็นผู้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ที่ธนาคารได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 2568 เพื่อปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ที่มีรายได้ แต่ไม่เคยมีประวัติเครดิตทางการเงิน หรือไม่เคยใช้บริการสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินอย่างน้อย 2 ปี ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของโครงการนี้มีลักษณะตัวตน หรือ Customer Persona ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของงานศึกษาวิจัยครั้งนี้ ทั้งนี้ ธนาคารหวังว่าจะสามารถนำผลลัพธ์ของงานวิจัยไปออกแบบเครื่องมือทางการเงิน หรือมาตรการสินเชื่อที่ตรงจุด สามารถตอบโจทย์ความคาดหวัง และสร้างระบบการเงินที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมาย SDGs และสอดคล้องตามบทบาทของธนาคารเพื่อสังคม   ดร. โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เปิดเผยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการศึกษาข้อมูลเชิงลึกของลูกหนี้ภายใต้โครงการ “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” ของธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นต้นแบบสินเชื่อดิจิทัลที่เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้แต่ไม่เคยเข้าถึงสินเชื่อในระบบสามารถกู้เงินได้เป็นครั้งแรก โดยธนาคารออมสินได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยคนไทยสร้างประวัติเครดิตทางการเงินไปแล้วกว่า 200,000 ราย สะท้อนถึงความต้องการเข้าถึงสินเชื่อในระบบที่ยังมีอยู่จำนวนมาก การศึกษาครั้งนี้จึงมุ่งขยาย “ประตูสู่ระบบการเงิน” ให้กว้างขึ้น ผ่านการเก็บข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มคนที่อยู่นอกระบบเป็นครั้งแรก ใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) ปัญหาเศรษฐกิจการเงิน พฤติกรรมและความต้องการทางการเงิน 2) โมเดลผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้ลูกหนี้ชำระคืนได้จริง 3) การทดลองใช้ข้อมูลใหม่และข้อมูลทางเลือกเพื่อค้นหาตัวชี้วัดความเสี่ยงที่แม่นยำยิ่งขึ้นให้กับสถาบันการเงิน 4) การติดตามผลการเข้าถึงสินเชื่อต่อรายได้และคุณภาพชีวิตของลูกหนี้ตลอดระยะเวลา 1 ปี เพื่อนำไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสม ซึ่งผลการศึกษาจะช่วยให้ธนาคารออมสินออกแบบผลิตภัณฑ์และกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับศักยภาพของลูกหนี้ และเพิ่มโอกาสในการชำระคืน   ขณะเดียวกัน สถาบัน ฯ จะมีองค์ความรู้เชิงลึกเพื่อนำไปสนับสนุนนโยบาย Your Data และโครงการ Risk-Based Pricing ของธนาคารแห่งประเทศไทย ช่วยให้สถาบันการเงินประเมินความเสี่ยงได้โปร่งใส เป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ “เคยถูกมองไม่เห็น” เข้าสู่ระบบการเงินได้มากขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนงานวิจัยให้เกิดผลจริงต่อประชาชนฐานราก เสริมรากฐานระบบการเงินที่เข้าถึงง่าย ยั่งยืน และช่วยยกระดับศักยภาพและคุณภาพชีวิตของครัวเรือนไทยได้อย่างมั่นคงในระยะยาว  

30 Nov 2025

...

จากสถานการณ์อุทกภัยส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ของภาคใต้ โดยขณะนี้จังหวัดสงขลาประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน จึงขอแจ้งปิดทำการกรุงเทพประกันภัย สาขาหาดใหญ่ เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยลูกค้าสาขาหาดใหญ่และใกล้เคียงสามารถติดต่อบริการด้านประกันภัยได้ที่ กรุงเทพประกันภัย สาขาสุราษฎร์ธานี โทร. 0 7727 3806 ทั้งนี้ กรุงเทพประกันภัยขอแสดงความห่วงใยและเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ และเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อรับคำปรึกษาต่างๆ และแจ้งเคลมสินไหมทดแทนสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยและสถานประกอบการ รวมถึงประกันภัยรถยนต์ หรือรับบริการรถยกเพื่อเคลื่อนย้ายรถไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้ - LINE @bangkokinsurance - โทร. 1620 ตลอด 24 ชั่วโมง

25 Nov 2025

...

นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อช่วยยกระดับความสามารถในการหารายได้ของผู้ประกอบการรายเล็กบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งที่เป็นทักษะความรู้ด้านการเงินและด้านดิจิทัล โดยรัฐบาลสนับสนุนเงินเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท/ราย สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ Upskill/Reskill และได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งโครงการดังกล่าวมีหน่วยงานพันธมิตรหลายรายเป็นผู้ให้บริการเรียนรู้และพัฒนาทักษะแก่ร้านค้า โดยมีธนาคารออมสินรับผิดชอบการพัฒนาทักษะแก่ผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย “ประเภทบุคคลธรรมดา” หลักสูตร “Smart Finance Upskill : การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัส” สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าบุคคลธรรมดา เน้นให้ความรู้ทางการเงินที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการร้านค้ายุคใหม่ ประกอบด้วยเนื้อหาสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ การทำบัญชี การคิดต้นทุน เทคนิคการตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ พร้อมแบบจำลองการยื่นกู้ให้ผู้ประกอบการได้ฝึกเรียนรู้ด้วยตนเอง และสามารถนำแบบจำลองนั้นไปใช้ประกอบการยื่นกู้กับสถาบันการเงินได้ โดยผู้ที่ได้สมัครเรียนและผ่านการทดสอบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองการผ่านหลักสูตรเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการรับสิทธิ์เงินเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท ร้านค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าเรียนได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - 19 ธันวาคม 2568 ที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชม. โดยผู้ที่สำเร็จหลักสูตรตามเงื่อนไขที่กำหนด จะมีการแจ้งผลการรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ ผ่านแอปถุงเงินและข้อความ SMS ในวันที่ 23 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ธนาคารขอแนะนำโปรดหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น ซึ่งอาจทำให้ประสบปัญหาเว็บไซต์ตอบสนองช้ากว่าปกติได้ กรณีประสบปัญหาการใช้บริการ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส สามารถติดต่อที่ GSB Contact Center โทร.1115 กด 7 ตลอด 24 ชม.   นอกจากนี้ ผู้ประกอบการที่สำเร็จหลักสูตร Smart Finance Upskill แล้ว ยังมีสิทธิ์ยื่นขอกู้เงื่อนไขพิเศษกับสินเชื่อ “สร้างงานสร้างอาชีพ พลัส” โดยกดยื่นขอกู้ได้จากหน้าเว็บไซต์หลังเรียนจบหลักสูตร เพื่อเชื่อมต่อกระบวนการยื่นขอกู้ทางแอป MyMo ได้โดยสะดวก ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) = 0.75% ต่อเดือน แบบไม่มีหลักประกัน (Clean Loan) ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ธนาคารพิจารณาให้กู้ตามความจำเป็นเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนหรือเสริมสภาพคล่อง และตามความสามารถในการชำระคืน ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th    

23 Nov 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner