Responsive image

Tuesday, 15 Jul 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


อลิอันซ์ อยุธยา โชว์ความสำเร็จ 8 เดือนดันเบี้ยยูนิตลิงค์ เติบโต 83% รุกตลาดต่อเนื่อง มุ่งสร้างที่ปรึกษาทางการเงิน ปลุกกระแสด้วยเรียลลิตี้ The Master FA

Sun 02/10/2565


บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ประกาศความสำเร็จสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในตลาดยูนิตลิงค์ ใช้โอกาสช่วงวิกฤติเดินหน้าสร้างที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor) เจาะตลาดลูกค้าผู้สนใจการลงทุนควบคู่ประกัน โดยในช่วงสิงหาคม 2565 สร้างเบี้ยเติบโตแล้วกว่า 83% พร้อมเดินหน้าต่อด้วยแคมเปญยิ่งใหญ่ไม่เหมือนใคร The Master Financial Advisor หวังสร้างการเติบโตแบบดับเบิ้ลภายในสิ้นปีนี้

นายวิรงค์ พัฒนกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารตัวแทน บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ และมีการคาดการณ์ว่าผู้สูงอายุอาจมีสินทรัพย์ไม่เพียงพอต่อการดูแลชีวิตในยามเกษียณ ทำให้ในปัจจุบันผู้ใหญ่และวัยทำงานต่างให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงินซึ่งถือเป็นเมกาเทรนด์ของเศรษฐกิจไทย อลิอันซ์  อยุธยา ในฐานะผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตของไทย มองเห็นถึงโอกาสในการพัฒนายกระดับตัวแทนให้เป็น “ที่ปรึกษาทางการเงิน” เพื่อสามารถให้คำปรึกษาและช่วยวางแผนให้กับลูกค้าของเราในสถานการณ์นี้ได้ผ่านการเสนอขายประกันชีวิตควบการลงทุน หรือ ยูนิต ลิงค์ โดยใน 8 เดือนที่ผ่านมา เราประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจในการเพิ่มจำนวน “ที่ปรึกษาทางการเงิน” ปัจจุบันเรามีผู้ที่สามารถให้คำปรึกษาทางการเงิน และนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อการวางแผนการเงิน ให้กับลูกค้าได้กว่า 900 ท่าน อีกทั้ง ที่ปรึกษาทางการเงินกลุ่มนี้ ยังสามารถสร้างผลงานเบี้ยประกันภัยปีแรก (ANP) ในส่วนของยูนิตลิงค์ โดยจากตัวเลข ณ เดือนสิงหาคม  2565 เติบโตกว่า 83% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ความสำเร็จทั้งหมดดังกล่าว สะท้อนถึงการฝึกอบรมที่มีคุณภาพของบริษัทรวมถึงกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อพัฒนาตัวแทนไปสู่ที่ปรึกษาทางการเงิน อาทิ Road to Financial Advisor กิจกรรมเพื่อการแชร์ประสบการณ์ เส้นทางการเป็นที่ปรึกษาการเงิน จาก GM/AVP/AL ที่เป็นวิทยากรของบริษัท Open House กิจกรรมเตรียมความพร้อม และก้าวสู่การมีใบอนุญาต IC และ Active Unit Link Club กิจกรรมเพื่อพร้อมลงสนามการขาย Unit-linked สำหรับผู้มีใบอนุญาตใหม่

ขณะเดียวกัน ในด้านของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยูนิตลิงค์ บริษัทฯยังได้คัดเลือกกองทุนที่น่าสนใจ หลากหลายประเภท ตั้งแต่ กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมตราสารทุน และอื่นๆ เพื่อเป็นทางเลือกในการกระจายความเสี่ยง ล่าสุดได้คัดเลือกกองทุนที่เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งในไทยและต่างประเทศ ครอบคลุมการลงทุนในหุ้นทั่วโลกและตลาดเกิดใหม่ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า ในการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ลูกค้ารับได้ ทั้งยังมีกองทุนที่เน้นด้าน ESG เพื่อสอดรับกับเทรนด์ของโลกและนโนบายหลักด้านความยั่งยืนของอลิอันซ์

นอกจากการพัฒนาตัวแทนและผลิตภัณฑ์เพื่อรุกตลาดยูนิตลิงค์ แล้ว ในด้านการตลาดเอง ยังได้ทำแคมเปญเพื่อส่งเสริมและสร้างกระแสอย่างต่อเนื่อง นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารงานลูกค้า อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า “ในส่วนของด้านการตลาดเอง เราก็มีการส่งเสริมด้วยแคมเปญออนไลน์ ในแนวคิด “ให้เงินดูแลสุขภาพคุณ” เพื่อให้ลูกค้าเล็งเห็นความสำคัญของการวางแผนการเงินควบคู่กับค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ ซึ่งที่ผ่านมา แคมเปญได้รับเสียงตอบรับที่ดี มียอดเข้าถึงผู้ชม (reach) ถึงกว่า 2.9 ล้าน หลังจากเปิดตัวเมื่อเดือนที่ผ่านมา

อีกความพิเศษของปีนี้ คือ การที่เราร่วมมือกับทางฝ่ายตัวแทนในการหันมาทำแคมเปญเพื่อกระตุ้นทางฝั่งผู้ขาย ซึ่งก็คือเหล่าที่ปรึกษาทางการเงิน จากการทดลองไอเดียในช่วงไตรมาสสอง ด้วยการทำโครงการ 12x12 UL League ซึ่งประสบความสำเร็จ ล่าสุด บริษัทฯจึงเดินหน้าเปิดตัวแคมเปญใหม่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ภายใต้ชื่อ The Master Financial Advisor ภารกิจพิชิตเงินล้าน กิจกรรมแข่งขันการสร้างผลงานรูปแบบเรียลลิตี้โชว์ เพื่อพิชิตภารกิจเงินรางวัลรวมกว่า 1.4 ล้านบาท โดยมีการแบ่งทีมที่ปรึกษาทางการเงินเป็น 28 ทีม เพื่อมาแข่งขันชาเลนจ์พิเศษแต่ละเดือน ควบคู่กับการสร้างผลงานตลอดระยะเวลา 3 เดือน เพื่อคว้ารางวัลใหญ่ไปครอง เรียกได้ว่าเป็นการปลุกกระแส และเป็นอีกแรงผลักสำคัญที่ทำให้เกิดการเติบโตของยูนิตลิงค์ ในปีนี้

 “อลิอันซ์ อยุธยา ภาคภูมิใจกับความสำเร็จในการขับเคลื่อนและผลักดันความสำเร็จในผลิตภัณฑ์ยูนิตลิงค์ เป็นอย่างมากเพราะถือเป็นตลาดที่แข่งขันสูง แต่เราก็ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถพัฒนายกระดับตัวแทนสู่การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินได้สำเร็จ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าให้วางแผนการเงินเพื่ออนาคตให้กับพวกเขาได้ เรายังคงเดินหน้าต่อทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยูนิตลิงค์ เพิ่มทางเลือกด้วยกองทุนที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ครบวงจร และด้วยศักยภาพทั้งหมดดังกล่าว เชื่อว่าจะทำให้อลิอันซ์ อยุธยา สามารถเพิ่มเบี้ยประกันจากผลิตภัณฑ์ยูนิตลิงค์ ได้เป็น 2 เท่าภายในสิ้นปีนี้”  วิรงค์ กล่าวสรุป


Tags : อลิอันซ์ อยุธยา พัชรา ทวีชัยวัฒนะ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต วิรงค์ พัฒนกำจร ยูนิต ลิงค์


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank โดย นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 MCOT HD เมื่อเร็ว ๆ นี้      

14 Jul 2025

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้ธนาคารออมสินจัดทำมาตรการแก้ไขหนี้รายย่อยในโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยประชาชนในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยไม่มีหลักประกัน ที่มีสถานะหนี้เสีย (NPLs) จำนวนรวมกว่า 500,000 บัญชี ให้สามารถหลุดพ้นจากประวัติหนี้เสีย โดยธนาคารจะดำเนินการทันทีเพื่อที่ในอนาคตลูกหนี้จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้นเมื่อมีความจำเป็น โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการปิดบัญชีหนี้ ตัดหนี้สูญ และไม่ติดตามหนี้ ของลูกหนี้ NPLs จำนวนกว่า 200,000 บัญชี ในโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐที่ได้รับงบประมาณชดเชยแล้ว ระยะที่ 2 ธนาคารจะทยอยดำเนินการปิดบัญชีหนี้แก่ลูกหนี้ NPLs โครงการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 จำนวนกว่า 300,000 บัญชี ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับมาตรการปลดหนี้สินเชื่อตามโครงการของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้แล้วเป็นจำนวนกว่า 1.3 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมกว่า 11,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้รายย่อย และช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางให้สามารถประคับประคองสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวให้เดินต่อได้ มุ่งเน้นดำเนินการเพียงครั้งเดียวเพื่อไม่ให้ลูกหนี้ต้องเสียวินัยทางการเงิน และยังสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้อีกในอนาคต  

07 Jul 2025

...

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ปรับปรุงแนวทางการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาประกันภัยระยะสั้น พร้อมทั้งทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณเงินกองทุนด้านความเสี่ยง เพื่อยกระดับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นการพิจารณาข้อมูลในระดับประเภทการรับประกันภัยแทนการพิจารณาภาพรวมทั้งบริษัท เพื่อให้การประเมินภาระผูกพันและการจัดสรรเงินกองทุนมีความละเอียด แม่นยำ และสอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยงที่แท้จริงยิ่งขึ้น โดยระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง และจัดการประชุมชี้แจงไปเมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2568 รวมทั้งได้จัดการประชุมกลุ่มย่อยเชิงเทคนิค (Focus Group) เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้งนี้ ในการประชุมฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับสำรองเบี้ยประกันภัย ได้แก่ 1. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย 2. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต และ 3. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดประเภทและชนิดของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคำนวณเงินกองทุนของบริษัทประกันวินาศภัย สำหรับหลักการที่ได้มีการปรับปรุง คือ ปรับปรุงวิธีการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัย และเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงจากสำรองเบี้ยประกันภัย จากเดิม พิจารณาที่ระดับผลรวมทั้งหมดของสัญญาประกันภัยระยะสั้น เปลี่ยนเป็น พิจารณาที่ระดับประเภทการรับประกันภัย  ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะเผยแพร่ประกาศอย่างเป็นทางการในลำดับถัดไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ดังนั้น บริษัทประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันเริ่มมีผลบังคับใช้

07 Jul 2025

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner