Responsive image

Tuesday, 15 Jul 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


เลขาธิการ คปภ. แจงความคืบหน้าการช่วยเหลือด้านประกันภัยแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากเหตุกราดยิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จังหวัดหนองบัวลำภู เผยบริษัทประกันภัยทยอยจ่ายค่าสินไหมแล้ว

Sun 09/10/2565


กรณีเกิดเหตุกราดยิงที่จังหวัดหนองบัวลำภู ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ซึ่งสำนักงาน คปภ. ได้ติดตามและลงพื้นที่แล้ว รวมทั้งได้มีการตั้งศูนย์เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้ประสบเหตุที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ และได้มีการรายงานการช่วยเหลือด้านการประกันภัยไปแล้วนั้น

 

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ห่วงใยในเรื่องนี้อย่างมากและได้กำชับให้สำนักงาน คปภ. เข้าไปช่วยเหลือดูแลอย่างเต็มที่

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินการช่วยเหลือด้านประกันภัยนั้น หลังจากที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กได้ทำประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่ม ไว้กับบริษัท ชับบ์สามัคคีประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งกรมธรรม์ประกันภัยยังไม่หมดอายุ โดยคุ้มครองกรณีการเสียชีวิต รายละ 50,000 บาท และคุ้มครองกรณีค่ารักษาพยาบาลต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง 5,000 บาทต่อราย โดยมีผู้เสียชีวิตที่ได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ จำนวน 17 ราย รายละ 50,000 บาท ผู้บาดเจ็บที่ได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ 3 ราย ๆ ละ 5,000 บาท ซึ่งจากการประสานงาน บริษัทผู้รับประกันภัยได้นัดจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิต ในวันที่ 8 ตุลาคม 2565 เวลา 14.00 น. ณ หอประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์ อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู

นอกจากนี้ บริษัท ชับบ์สามัคคีประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบเงินช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ ในวงเงิน 820,000 บาท สำหรับผู้ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บทุกราย โดยเฉลี่ยจ่ายให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิต จำนวน 36 ราย ๆ ละ 20,000 บาท สำหรับผู้บาดเจ็บ จำนวน 10 ราย ๆ ละ 10,000 บาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารของทายาท หากได้รับเอกสารครบถ้วนบริษัทฯจะเร่งดำเนินการจ่ายโดยเร็ว

จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่ามีผู้เสียชีวิต 3 ราย ทำกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลไว้กับ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) จำนวน 3 ราย ซึ่งมีความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต เป็นเงิน 50,000 บาท จำนวน 1 ราย และคุ้มครองการเสียชีวิต จำนวน 2 ราย รายละ 100,000 บาท โดย บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการจ่ายโดยโอนเงินเข้าบัญชี (วันที่ 7 ตุลาคม 2565) เรียบร้อยแล้ว

ส่วนรถยนต์ของผู้ก่อเหตุที่เฉี่ยวชนประชาชนรอบบริเวณที่เกิดเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และผู้บาดเจ็บ 5 ราย ตรวจสอบพบว่า ในขณะที่ถูกเฉี่ยวชนอยู่ในระหว่างขับขี่และโดยสารรถจักรยายนต์ ซึ่งมีการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ จำนวน 1 ราย กับบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด โดยบริษัทฯ ได้จ่ายค่าเสียหายให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิต จำนวน 1 ราย เป็นเงิน 35,000 บาท เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2565 สำหรับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ซึ่งอยู่ในรถจักรยานยนต์ที่ไม่ได้จัดทำประกันภัยภาคบังคับ ทายาทสามารถรับเงินค่าเสียหายเบื้องต้นจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย สำหรับค่าปลงศพ จำนวน 35,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 30,000 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างที่ทายาทติดต่อขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นจากกองทุนฯ โดยสำนักงาน คปภ. จะเร่งให้กองทุนฯ จ่ายเงินค่าเสียหายเบื้องต้นให้โดยเร็ว

และยังพบว่ามีผู้เสียชีวิต 4 ราย ทำกรมธรรม์ประกันชีวิตไว้กับ บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้ประสานบริษัทเพื่อให้ดำเนินการชดใช้ โดยบริษัทได้โอนเงินเข้าบัญชีผู้รับประโยชน์ทั้ง 4 ราย จำนวนเงิน 1,200,500 บาท (วันที่ 7 ตุลาคม 2565) เรียบร้อยแล้ว

นอกจากนั้นกลุ่มตัวแทนบริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จํากัด (มหาชน) จังหวัดหนองบัวลำภู ได้ช่วยเหลือเป็นค่าปลงศพให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิต จำนวน 36 ราย ๆ ละ 1,000 บาท รวม 36,000 บาท เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2565 เรียบร้อยแล้ว

“สำนักงาน คปภ. ได้เร่งระดมสรรพกำลังบุคลากรของสำนักงาน คปภ. เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในครั้งนี้อย่างเต็มกำลังความสามารถ อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก สำนักงาน คปภ. ยังคงเร่งติดตามตรวจสอบการประกันภัยที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอย่างใกล้ชิด และจะดำเนินการอย่างเต็มที่และสุดความสามารถเพื่อให้ผู้บาดเจ็บและครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม ทั้งนี้หากมีความคืบหน้าในการช่วยเหลือด้านประกันภัยเพิ่มเติมจะได้แจ้งให้สาธารณชนทราบต่อไป” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

 


Tags : คปภ. เลขาธิการ คปภ. ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ ช่วยเหลือด้านประกันภัย จ่ายสินไหมทดแทน จ่ายสินไหมเหตุกราดยิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หนองบัวลำภู ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จ.หนองบังลำภู


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank โดย นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 MCOT HD เมื่อเร็ว ๆ นี้      

14 Jul 2025

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้ธนาคารออมสินจัดทำมาตรการแก้ไขหนี้รายย่อยในโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยประชาชนในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยไม่มีหลักประกัน ที่มีสถานะหนี้เสีย (NPLs) จำนวนรวมกว่า 500,000 บัญชี ให้สามารถหลุดพ้นจากประวัติหนี้เสีย โดยธนาคารจะดำเนินการทันทีเพื่อที่ในอนาคตลูกหนี้จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้นเมื่อมีความจำเป็น โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการปิดบัญชีหนี้ ตัดหนี้สูญ และไม่ติดตามหนี้ ของลูกหนี้ NPLs จำนวนกว่า 200,000 บัญชี ในโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐที่ได้รับงบประมาณชดเชยแล้ว ระยะที่ 2 ธนาคารจะทยอยดำเนินการปิดบัญชีหนี้แก่ลูกหนี้ NPLs โครงการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 จำนวนกว่า 300,000 บัญชี ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับมาตรการปลดหนี้สินเชื่อตามโครงการของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้แล้วเป็นจำนวนกว่า 1.3 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมกว่า 11,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้รายย่อย และช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางให้สามารถประคับประคองสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวให้เดินต่อได้ มุ่งเน้นดำเนินการเพียงครั้งเดียวเพื่อไม่ให้ลูกหนี้ต้องเสียวินัยทางการเงิน และยังสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้อีกในอนาคต  

07 Jul 2025

...

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ปรับปรุงแนวทางการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาประกันภัยระยะสั้น พร้อมทั้งทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณเงินกองทุนด้านความเสี่ยง เพื่อยกระดับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นการพิจารณาข้อมูลในระดับประเภทการรับประกันภัยแทนการพิจารณาภาพรวมทั้งบริษัท เพื่อให้การประเมินภาระผูกพันและการจัดสรรเงินกองทุนมีความละเอียด แม่นยำ และสอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยงที่แท้จริงยิ่งขึ้น โดยระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง และจัดการประชุมชี้แจงไปเมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2568 รวมทั้งได้จัดการประชุมกลุ่มย่อยเชิงเทคนิค (Focus Group) เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้งนี้ ในการประชุมฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับสำรองเบี้ยประกันภัย ได้แก่ 1. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย 2. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต และ 3. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดประเภทและชนิดของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคำนวณเงินกองทุนของบริษัทประกันวินาศภัย สำหรับหลักการที่ได้มีการปรับปรุง คือ ปรับปรุงวิธีการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัย และเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงจากสำรองเบี้ยประกันภัย จากเดิม พิจารณาที่ระดับผลรวมทั้งหมดของสัญญาประกันภัยระยะสั้น เปลี่ยนเป็น พิจารณาที่ระดับประเภทการรับประกันภัย  ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะเผยแพร่ประกาศอย่างเป็นทางการในลำดับถัดไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ดังนั้น บริษัทประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันเริ่มมีผลบังคับใช้

07 Jul 2025

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner