Responsive image

Saturday, 27 Jul 2024

หน้าแรก > ECONOMY-FINANCE/เศรษฐกิจ-การเงิน


“เคทีซี” เร่งปรับใหญ่สู่รากฐานองค์กรที่แข็งแกร่ง ตั้งเป้าปี’66 ดันพอร์ตสินเชื่อรวมเติบโต 15% เกินแสนล้านบาท

Wed 04/01/2566


เคทีซีเตรียมปรับใหญ่ปี 2566 สู่รากฐานองค์กรที่แข็งแกร่ง “A Transition to the New Foundation” พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและเท่าทันความคาดหวังของลูกค้า ตอกย้ำความเป็น Trusted Organization ตั้งเป้าปี 2566 ทำกำไรนิวไฮต่อเนื่อง ดันพอร์ตสินเชื่อรวมเติบโต 15% เกินแสนล้านบาท ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโต 10% พอร์ตสินเชื่อบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” โต 7% ยอดอนุมัติสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” เพิ่ม 9,100 ล้านบาท สินเชื่อกรุงไทยธุรกิจ ลีสซิ่งเพิ่ม 3,000 ล้านบาท และ NPL อยู่ในอัตราที่ต่ำกว่าปี 2022 พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจอย่างรับผิดชอบเพื่อความยั่งยืน ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาให้ดีขึ้นทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม

นายระเฑียร ศรีมงคล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปี 2566 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเคทีซี ทั้งโครงสร้างองค์กร กลยุทธ์ กระบวนการ เทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อขับเคลื่อนเคทีซีไปสู่รากฐานองค์กรที่แข็งแกร่ง ภายใต้แนวคิด “A Transition to the New Foundation” โดยเฉพาะการพัฒนา Mindset ของคนในองค์กรให้มีดีเอ็นเอเดียวกัน ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ที่เราพยายามดูแลและพัฒนามาตลอดตั้งแต่เข้ามาร่วมงานกับเคทีซี โดยนอกจาก 3 ค่านิยมองค์กรหลัก (Core Value) ที่คนเคทีซียึดถือเป็นแนวทางในการทำงาน อันได้แก่ 1. กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง 2. ทำให้ง่าย ไม่ซับซ้อน และ 3.ทำสิ่งที่มีความหมายและเป็นประโยชน์ จากนี้เราจะมุ่งสร้างวัฒนธรรมองค์กรแห่งความไว้วางใจ (Trusted Organization) ภายในองค์กรให้แกร่งยิ่งขึ้น เพื่อส่งต่อความไว้วางใจนี้ไปสู่สมาชิก องค์กร ผู้ถือหุ้นและสังคม”  

“ในปี 2566 เคทีซีจะเริ่มปรับเปลี่ยนเพื่อเตรียมองค์กรให้เป็นโครงสร้างแบบแนวราบ (Flat Organization) และมีหน่วยงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้น อีกทั้งจะบูรณาการไอที (Information Technology) เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์องค์กรสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมทั้ง 3 มิติ คือ Enterprise Architecture การจัดการโครงสร้างให้สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งด้านธุรกิจ ด้านไอทีและระบบปฏิบัติการ Enterprise Skill Assets ส่งเสริมให้คนเคทีซีได้พัฒนาทักษะสำคัญด้านต่างๆ ที่สร้างความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและเป็นประโยชน์กับองค์กร และ Enterprise Data Assets การบริหารจัดการข้อมูลที่ครอบคลุมทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การวางแผน การจัดเก็บ การเข้าถึงข้อมูลไปจนถึงการทำลายข้อมูล เน้นความปลอดภัย ถูกต้องและโปร่งใส เพื่อให้เคทีซีมีฐานข้อมูลคุณภาพ สนับสนุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ”

“สำหรับการดำเนินธุรกิจของเคทีซีจากนี้จะแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มธุรกิจหลัก (Existing) ได้แก่ ธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อไม่มีหลักประกันที่มีพอร์ตสินเชื่อในระดับหมื่นล้านบาทขึ้นไป กลุ่มธุรกิจใหม่ที่คาดว่าจะสร้างรายได้แบบก้าวกระโดด (New SCurve) ได้แก่ สินเชื่อรถแลกเงิน เคทีซี พี่เบิ้ม และสินเชื่อกรุงไทยธุรกิจ ลีสซิ่ง และกลุ่มโมเดลธุรกิจที่อยู่ในระหว่างการบ่มเพาะ (Incubator) เช่น MAAI - Loyalty Platform เป็นต้น”

 

นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” กล่าวว่า “ธุรกิจบัตรเครดิตยังเป็นธุรกิจหลักที่เคทีซีให้ความสำคัญมาตลอด โดยสถานการณ์ตอนนี้เกือบทุกหมวดใช้จ่ายมีการเติบโตสูงกว่าปี 2019 ซึ่งเป็นปีก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดรุนแรงของโควิด-19 สำหรับแผนกลยุทธ์การตลาดบัตรเครดิตในปี 2566 จะเน้นแนวคิด Less is MORE หรือการทำสิ่งที่สำคัญเพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด โดยปรับกระบวนการทำงานในทีมการตลาดให้กระชับคล่องตัวมากขึ้น บน 5 แกนสำคัญ คือ 1) การบริหารพอร์ตลูกค้าให้มีคุณภาพมากที่สุด ด้วยการสร้างสรรค์โปรแกรมการตลาดเพื่อให้ลูกค้าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง และการนำระบบออโตเมชั่น (Automation) เข้ามาใช้ในกระบวนการของการบริหารความสัมพันธ์กับสมาชิกบัตร  2) การเน้นขยายฐานลูกค้ากลุ่มรายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 50,000-200,000 บาทขึ้นไป ด้วยสิทธิพิเศษด้านไลฟ์สไตล์ที่ตรงใจ  3) จัดโปรแกรมกระตุ้นการใช้จ่ายที่ตอบโจทย์ฐานสมาชิกบัตรเคทีซี เน้น 3 หมวดใช้จ่ายหลัก คือ หมวดร้านอาหารและร้านอาหารในโรงแรม (Dining & Hotel Dining) หมวดช้อปปิ้งออนไลน์และหมวดท่องเที่ยว นอกจากนี้เคทีซียังคงเดินหน้าความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจอื่นๆ ที่มีเป้าหมายทางธุรกิจเดียวกัน ในการทำกิจกรรมการตลาดที่ตอบโจทย์ทุกหมวดใช้จ่ายสำคัญของสมาชิก และเพื่อสร้างการจดจำและผูกพันกับแบรนด์  4) ร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นในการจัดแคมเปญการตลาดและกิจกรรมการขยายฐานสมาชิกบัตรในต่างจังหวัด 5) บริหารจัดการการสื่อสารการตลาด (Marketing Communications)ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด โดยเน้นการทำคอนเทนท์ มาร์เก็ตติ้ง (Content Marketing) ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์เคทีซีให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยในปี 2566 ตั้งเป้ามีสมาชิกสมัครบัตรใหม่ 180,000 ใบ และคาดว่าจะมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโต 10% จากปี 2565 หรือประมาณ 264,000 ล้านบาท”

นางสาวเรือนแก้ว เกษมสวัสดิ์ศรี ผู้บริหารสูงสุด สายงานสินเชื่อรถยนต์ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สำหรับธุรกิจสินเชื่อหลังจากการเปิดประเทศสู่ภาวะปกติ เราพบว่าผู้บริโภคมีความต้องการสินเชื่อสูงขึ้นต่อเนื่องเพื่อนำไปใช้ลงทุนและใช้จ่าย อีกทั้งยังมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอีกมากที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบ จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” และ “เคทีซี พราว” ในการเข้าไปเติมเต็มความต้องการของกลุ่มคนเหล่านั้น อย่างไรก็ดี เรายังต้องสังเกตสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากตลาดสินเชื่อมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและแข่งขันรุนแรงจากผู้ประกอบการธนาคารและนอนแบงค์ สำหรับแผนกลยุทธ์ของ “เคทีซี พี่เบิ้ม” ในปี 2566 จะเน้นขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ ทั้งการให้วงเงินใหญ่สูงสุด 1 ล้านบาท อนุมัติใน 1 ชั่วโมง รับเงินทันที และเปิดโอกาสให้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่มีข้อจำกัดด้านเอกสารและรายได้ สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น โดยธนาคารกรุงไทยกว่า 900 สาขาทั่วประเทศ จะเป็นช่องทางหลักในการรับสมัคร ซึ่งเราได้ปรับรูปแบบบริการให้เจ้าหน้าที่ธนาคารฯ สามารถทำรายการผ่านแท็บเล็ตในการรับสมัครสินเชื่อให้กับลูกค้าและอนุมัติแบบครบวงจรภายใน 1 ชั่วโมง พร้อมรับเงินทันที รวมทั้งจะเน้นการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ "เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ไปยังแพลทฟอร์มหลักต่างๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด  สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเคทีซี พี่เบิ้ม ตามที่เราวางบทบาทเป็นสินเชื่อทางเลือกคนไม่ท้อ เราจึงเปิดรับทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะคนทำมาหากินที่สู้ชีวิต และผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อก้อนใหญ่จากสถาบันการเงินอื่น โดยคาดว่าสิ้นปี 2566 จะมียอดอนุมัติสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” เพิ่ม 9,100 ล้านบาท”

นางสาวพิชามน จิตรเป็นธรรม ผู้บริหารสูงสุด สายงานสินเชื่อบุคคล บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในส่วนของธุรกิจสินเชื่อบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” (KTC PROUD) เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีการพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการใช้สินเชื่อได้ครบทุกฟังก์ชัน จนวันนี้บัตรใบเดียวก็สามารถทำได้ทั้งการเบิกใช้วงเงิน รูด โอน กด ผ่อน และแผนกลยุทธ์ในปี 2566 เราจะพัฒนาไปในทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อตอบรับกับพฤติกรรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เริ่มที่การเปิดช่องทางให้ลูกค้าสามารถขอสินเชื่อออนไลน์ได้ด้วยตนเองผ่านโมบายแอปฯ ในรูปแบบของใบสมัครออนไลน์ (Electronic Application) และช่องทางการเบิกถอนเงินสดออนไลน์ผ่านทางแอปฯ KTC Mobile ให้สะดวกขึ้น โดยเพิ่มบัญชีพร้อมเพย์ในการโอนเงิน นอกเหนือจากที่โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารได้ 15 แห่ง และเพิ่มช่องทางเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการใช้สินเชื่อด้วยต้นทุนรับสมัครที่ต่ำแต่ได้ผลดี รวมทั้งเดินหน้าสร้างความผูกพันระหว่างเคทีซีกับกลุ่มสมาชิก ด้วยการต่อยอดกิจกรรมสัมมนาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ และการส่งเสริมวินัยในการชำระ ผ่านโครงการเคลียร์หนี้เกลี้ยง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เพราะเป็นความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า จากการศึกษาลูกค้าผ่านการทำ Empathy เราจึงจัดต่อเนื่องและจะครบ 14 ครั้ง ในปี 2566 และคาดว่าเมื่อสิ้นปี 2566 พอร์ตลูกหนี้สินเชื่อบุคคลจะเติบโต 7% และมีสมาชิกใหม่ “เคทีซี พราว” 110,000 ราย”

“นอกจากนี้ เคทีซีจะมุ่งบริหารต้นทุนทางการเงินให้มีประสิทธิภาพ ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้และเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ โดยจะมีการระดมเงินกู้ยืมระยะยาวประมาณ 15,000 ล้านบาท เพื่อรองรับหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปี 2566 จำนวน 4,640 ล้านบาท รวมทั้งสนับสนุนการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อเคทีซี ทั้งนี้ คาดว่าเมื่อสิ้นปี 2566 เคทีซีจะมีสัดส่วนเงินกู้ยืมระยะสั้นต่อเงินกู้ยืมระยะยาว (Original Term) 20:80 และต้นทุนการเงินอาจเพิ่มขึ้นตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจากปี 2565 อยู่ที่ 2.5%-3.0%”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” กล่าวสรุปว่า “เคทีซียังเดินหน้าแผนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนอย่างรับผิดชอบ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและยกระดับองค์กรให้แข็งแกร่ง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรคุณภาพและเคารพสิทธิมนุษยชน รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสีย ควบคู่กับการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดำเนินธุรกรรมในยุคดิจิทัลให้กับสมาชิกและผู้บริโภค ตลอดจนสร้างโอกาสให้คนในสังคมสามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน โดยเคทีซีได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนของ THSI (Thailand Sustainability Investment) เป็นปีที่ 4 และติดอันดับ ESG 100 ตั้งแต่ปี 2559 อีกทั้งได้รับการจัดอันดับ MSCI ระดับ A และยังได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนระดับโลก “FTSE4 Good Index Series”

 


Tags : เคทีซี KTC บัตรกรุงไทย ระเฑียรศรีมงคล ประณยานิถานานนท์ พิชามนจิตรเป็นธรรม เรือนแก้วเกษมสวัสดิ์ศรี


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน มอบรางวัลทองคำแท่งหนัก 10 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 26.5 ล้านบาท (ราคา ณ วันที่ 23 เมษายน 2567) ให้แก่ คุณกานดา กาญจนเพิ่มพูน ลูกค้าธนาคารออมสิน สาขาด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี โดยเป็นผู้โชคดีจากการถูกรางวัลสลากออมสินพิเศษ 1 ปี งวดที่ 606 หมวดอักษร G หมายเลขสลาก 8178397 เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 111 ปี ซึ่งมีการออกรางวัลไปเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยคุณกานดา เป็นลูกค้าธนาคารออมสิน และมีการออมเงินกับธนาคารมาอย่างต่อเนื่อง แต่ได้มีการฝากสลากออมสินเพียง 4 ปี หลังทราบข่าวว่ามีการลุ้นรางวัลใหญ่ และเป็นการเก็บออมเงินด้วย จึงอยากเชิญชวนประชาชนให้มาออมเงินด้วยการฝากสลากออมสิน     นอกจากจะได้ลุ้นรางวัลแล้ว การเป็นลูกค้าธนาคารออมสินเท่ากับเราได้ช่วยสังคม ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 สำหรับสลากออมสินพิเศษ 1 ปี หน่วยละ 100 บาท ไม่จำกัดวงเงินรับฝากสูงสุด เมื่อฝากครบกำหนด 1 ปี จะได้รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยหน่วยละ 0.25 บาท และยังมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลที่ 1 มูลค่า 10 ล้านบาท และรางวัลอื่น ๆ ได้ทุกวันที่ 16 ของทุกเดือน รวม 12 ครั้ง ผู้สนใจสามารถฝากสลากออมสินได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ และแอป MyMo  

26 Jul 2024

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่สมัครและชำระค่าเบี้ยผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบรายปีในปีแรก ตามแผนประกันที่เข้าร่วมรายการ ของ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ผ่านสาขาธนาคารกรุงศรีอยุธยา ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 – 30 กันยายน 2567 และคำขอเอาประกันได้รับการอนุมัติภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 จะได้รับเงินคืนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ตามรายละเอียดดังนี้   เบี้ยประกันชีวิต (บาท) ต่อ 1 กรมธรรม์ เงินคืนตามแผนประกัน (บาท) ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ร่วมรายการ ผลิตภัณฑ์ประกัน* 20/5(+), 20/10(+), 18/5, 90/5, 90/10 8,000 - 99,999 300 300 100,000 – 399,999 1,000 1,500 400,000 – 699,999 5,000 15,000 700,000 – 999,999 10,000 20,000 ทุก ๆ 1,000,000 25,000 50,000   นอกจากนี้ ยังจะได้รับสถานะ KRUNGSRI EXCLUSIVE หรือ KRUNGSRI PRIME เมื่อสมัครและชำระเบี้ยประกันชีวิตปีแรกตั้งแต่ 2 แสนบาทขึ้นไป โดยมีรายละเอียดดังนี้ -รับสถานะ KRUNGSRI EXCLUSIVE เป็นระยะเวลา 3 ปี พร้อมรับเอกสิทธิ์เทียบเท่าลูกค้ายอดเงินฝาก และ/หรือเงินลงทุนตั้งแต่ 10 ล้านบาท เมื่อสมัครและชำระเบี้ยประกันชีวิตปีแรก ตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป ภายในปีปฏิทินเดียวกัน และภายใต้ชื่อผู้เอาประกันภัยเดียวกัน -หรือรับสถานะ KRUNGSRI PRIME เป็นระยะเวลา 3 ปี พร้อมรับเอกสิทธิ์เทียบเท่าลูกค้ายอดเงินฝาก และ/หรือเงินลงทุนตั้งแต่ 1 ล้านบาท เมื่อสมัครและชำระเบี้ยประกันชีวิตปีแรก ตั้งแต่ 2 แสนบาทแต่ไม่ถึง 5 แสนบาท ภายใต้ชื่อผู้เอาประกันภัยเดียวกันและกรมธรรม์เดียวกัน              

14 Jul 2024

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากปัญหาภัยทุจริตทางการเงินที่มีประชาชนได้รับความเสียหายจากการถูกมิจฉาชีพหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันและถูกดูดเงินออกจากบัญชีธนาคาร ทำให้ต้องสูญเสียทรัพย์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แม้ธนาคารและหน่วยงานต่าง ๆ ได้มีการเตือนภัยประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อช่วยลูกค้าประชาชนลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกลวงเมื่อทำธุรกรรมผ่านบริการทางการเงินดิจิทัล ธนาคารออมสินจึงได้ยกระดับความปลอดภัยของบริการ Mobile Banking โดยการเพิ่มโหมดบริการ MyMo Secure+ ที่จำกัดการทำธุรกรรมเฉพาะบัญชีของตนเองเท่านั้น กรณีมือถือโดนแฮก หรือโดนควบคุมมือถือผ่านรีโมท มิจฉาชีพก็จะไม่สามารถโอนเงินของเราไปยังบัญชีอื่น หรือบัญชีบุคคลที่ 3 ได้ ถือเป็นการจำกัดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งธนาคารออมสินเป็นธนาคารแรกที่ริเริ่มติดตั้งโหมดปลอดมิจฉาชีพสำหรับให้บริการลูกค้าบนแอปพลิเคชัน MyMo Secure+ หรือ MyMo Secure Plus เป็นโหมดบริการบนแอป MyMo ที่ให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการได้ง่าย ๆ และปลอดภัยมากขึ้น เหมาะสำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบางที่อาจตกเป็นเหยื่อภัยทางการเงินได้ง่าย อาทิ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ไม่รู้เท่าทันมิจฉาชีพ โดยเมื่อลูกค้าเปลี่ยนมาใช้โหมดบริการ MyMo Secure+ จะสามารถใช้บริการที่เน้นการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านบัญชีของตนเองเท่านั้น โดยจำกัดการทำรายการเฉพาะเท่าที่จำเป็น เช่น การโอนเงินไปยังบัญชีตนเองภายในธนาคาร การโอนเงินไปบัญชีต่างธนาคารที่ได้ลงทะเบียนไว้ บัญชีสินเชื่อของตนเอง การชำระค่าสาธารณูปโภค รวมถึงจำกัดวงเงินในการทำธุรกรรมบัญชีตนเองต่างธนาคาร ไม่เกิน 100,000 บาทต่อวัน หรือถอนเงินไม่เกิน 5,000 บาทต่อวัน เป็นต้น โดยลูกค้าเดิมที่ใช้แอป MyMo อยู่แล้ว สามารถเปลี่ยนโหมดเป็น MyMo Secure+ ได้ด้วยตนเองโดยกดที่ปุ่ม MyMo Secure+ มุมขวาบน หรือจากแบนเนอร์หน้าโฮม หรือจากแถบตั้งค่า และเมื่อกดสมัครใช้งานแล้ว จะต้องยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการ หรือการเปลี่ยนโหมด และมีการยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้า จึงสมัครใช้บริการสำเร็จ กรณีลูกค้าต้องการเปลี่ยนกลับไปใช้แอป MyMo รูปแบบทั่วไป สามารถติดต่อแจ้งความประสงค์ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา อนึ่ง การยกระดับแอป MyMo ให้มีโหมดความปลอดภัย เป็นการดำเนินงานโดยสอดคล้องกับมาตรการธนาคารแห่งประเทศไทยที่มีการยกระดับมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน โดยขอความร่วมมือธนาคารต่าง ๆ ในการป้องกันความเสียหาย และมีผลิตภัณฑ์หรือบริการเพิ่มเติมเพื่อดูแลธุรกรรมของลูกค้าให้ปลอดภัยขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงและลดปัญหาการถูกหลอกลวงออนไลน์ โดยธนาคารออมสิน ได้ให้ความสำคัญในมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของระบบการให้บริการที่ถือเป็นหัวใจหลักของการให้บริการ Mobile Banking มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล ด้านการบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ISO/IEC 27001 ในเวอร์ชัน ISO/IEC 27001:2022 (Information Security Management System : ISMS) ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน          

07 Jul 2024

...

อลิอันซ์ อยุธยา ร่วมกับ เรซอัพ เวิร์ค ประกาศความพร้อมเตรียมจัดงานวิ่งแห่งปีที่ทุกคนรอคอย Allianz Ayudhya World Run Thailand Series 2024 ภายใต้แนวคิด “World Run World Heritage” งานวิ่งของคนรักษ์โลก “อนุรักษ์มรดกไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” เชิญชวนนักวิ่ง วิ่งย้อนรอยประวัติศาสตร์ ในบรรยากาศสุดคลาสสิก ชิมอาหารเลิศรส และช้อปสินค้าท้องถิ่น วันที่ 16-17 พฤศจิกายน 2567 ณ ศูนย์ท่องเที่ยวอยุธยา(ศาลากลางเก่า) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา   นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารงานลูกค้า บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า “งาน “Allianz Ayudhya World Run Thailand Series 2024” ถือเป็นงานวิ่งที่แฟนรายการ Allianz World Run ทุกคนต่างรอคอย เพราะเป็นงานวิ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในการคัดเลือกเส้นทางวิ่งท่ามกลางธรรมชาติ บรรยากาศดี วิ่งสนุก เดินทางสะดวก และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญยังได้สนับสนุนสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นต่างๆของไทยอีกด้วย ในปีนี้ก็เช่นกัน อลิอันซ์ อยุธยา ได้คัดสรรพื้นที่สุดพิเศษในการจัดงาน โดยได้เปลี่ยนบรรยากาศการวิ่งเข้ามาในพื้นที่ประวัติศาสตร์สำคัญของไทย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้ผู้ร่วมงานได้มีโอกาสชมเส้นทางประวัติศาสตร์ ผ่านจุดสำคัญของเมืองเก่าอยุธยา และพิเศษสุดปีนี้ เราได้เพิ่มระยะทาง 5 กิโลเมตร เพื่อให้นักวิ่งหน้าใหม่ที่อาจจะเพิ่งเริ่มวิ่ง ได้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย ถือเป็นการเริ่มต้นออกกำลังกายไปด้วยกัน ที่จะได้ทั้งความสุขและสุขภาพที่ดีกลับไป สำหรับงาน “Allianz Ayudhya World Run Thailand Series 2024” จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 16 และวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2567 โดยแบ่งระยะการแข่งขันเป็น 4 ประเภท ได้แก่ แฟมิลี่ฟันรัน 3 กิโลเมตร ในวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร มินิมาราธอน 10 กิโลเมตร และระยะทาง 5 กิโลเมตร ในวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2567 นอกจากนี้ภายในงานยังมีโซน Expo อิ่มอร่อยกับอาหาร Local สุดอร่อย และสินค้าจากชุมชน ให้ได้เลือกช้อป พร้อมชมมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินยอดนิยม  บริเวณลานกิจกรรมหน้าศาลากลางเก่า สำหรับงานวิ่งนี้ยังคงเป็นงานวิ่งรักษ์โลก โดยเหรียญและโล่รางวัลทำมาจาพลาสติกรีไซเคิล เหมือนเช่นเคย นอกจากนี้เรายังได้เตรียมของที่ระลึกสุดพิเศษ สำหรับ Finisher อีกด้วย” คุณพัชรา กล่าวทิ้งท้าย Allianz Ayudhya World Run Thailand Series 2024 เปิดจำหน่ายบัตรราคา Ealry bird ตั้งแต่วันนี้ – 10 กรกฎาคม 2567 ในราคา 850 บาท สำหรับ การวิ่งฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร ราคา 650 บาท สำหรับ การวิ่งมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร 600 บาท สำหรับ 5 กิโลเมตร พิเศษ! สำหรับนักวิ่งแฟนพันธุ์แท้ ที่เคยร่วมวิ่งกับ Allianz World Run ในระยะ 10 กิโลเมตร และ 21.1 กิโลเมตร รับส่วนลดon top เพิ่มอีก 50 บาท หากคุณเป็นผู้รักสุขภาพ รักการวิ่ง อย่ารอช้า ข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครวิ่งได้ที่ https://race.thai.run/worldrun2024 และสนใจติดตามรายละเอียดงานทั้งหมดได้ที่ Facebook: Worldrun Thailand

05 Jul 2024

Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner