Responsive image

Saturday, 19 Jul 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


เมืองไทยประกันชีวิต เปิดตัวกลยุทธ์ “Happiness Reinvented” ตอบโจทย์ทุกความสุขในสไตล์คุณ ด้วยความคุ้มครองที่ตรงใจ-เข้าถึงง่าย-ออกแบบได้เอง

Sun 05/02/2566


เมืองไทยประกันชีวิต เปิดตัวกลยุทธ์ “Happiness Reinvented : เพราะความสุขคือทุกอย่าง… ร่วมสร้างความสุขสไตล์คุณไปกับเมืองไทยประกันชีวิต” เน้นเดินหน้าสานต่อความมุ่งมั่นในการสร้างความสุขให้แก่ทุกๆ คน ทั้งลูกค้า พนักงาน พาร์ทเนอร์ และสังคมโดยรวม ผ่านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ความคุ้มครองสุขภาพ การบริการอื่นๆ เพื่อส่งมอบความสุขแบบครบวงจรอย่างแท้จริง

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL เปิดเผยว่า ในปี 2565 ถือเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายที่หลากหลาย จากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ค่อย ๆ    ฟื้นตัว หลังจากการระบาดอย่างรุนแรงของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มาหลายปี  การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภคในโลกยุคใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว  อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่เต็ม     ไปด้วยความท้าทาย เมืองไทยประกันชีวิต ยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความแข็งแกร่ง เพื่อการตอบโจทย์และเดินเคียงข้างลูกค้าคนสำคัญอย่างยั่งยืน โดยมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งด้วยอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับใหม่ที่ 10% และเบี้ยประกันสุขภาพและโรคร้ายแรงที่ 7% โดยในปีที่ผ่านมา สำหรับธุรกิจในภูมิภาค CLMV มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง

ในด้านความแข็งแกร่งและด้านเสถียรภาพทางด้านการเงิน บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Rating) จาก S&P Global Ratings อยู่ที่ระดับ BBB+ โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ และจาก Fitch Ratings อยู่ที่ระดับ A- โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS Rating) ที่ AAA(tha) โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ซึ่งถือเป็นอันดับเครดิตในระดับประเทศที่สูงที่สุด และยังมีความเพียงพอของเงินกองทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งโดยสะท้อนจากอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนสูงกว่า 300% ณ สิ้นปี 2565 ซึ่งสูงกว่าระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรง ตามเกณฑ์ที่ 140%

นายสาระ กล่าวว่า “ในปี 2566 นี้ ถือเป็นปีสำคัญของเมืองไทยประกันชีวิต ในการอยู่เคียงข้างสร้างรอยยิ้มแก่คนไทยครบ 72 ปี พร้อมกำหนดทิศทางการดำเนินงานในปีนี้ของบริษัทฯ  ด้วยการตั้งเป้าหมายในการเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ควบคู่ไปกับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในทุกมิติ ด้วยการดำเนินกลยุทธ์ “Happiness Reinvented” เพราะความสุขคือทุกอย่าง...ร่วมสร้าง

ความสุขสไตล์คุณไปกับเมืองไทยประกันชีวิต  ประกาศปักธงเป็นอันดับหนึ่งในฐานะคู่คิดด้านชีวิตและสุขภาพที่ลูกค้าวางใจ (No.1 Most Trusted Life & Health Partner) ด้วยผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย ทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกไลฟ์สไตล์ และทุกบทบาทของชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ เพื่อสร้างการเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุกๆคน (Democratizing Insurance) โดยบริษัทฯ มุ่งดำเนินงานผ่าน 4 แกนสำคัญ ได้แก่ บุคลากร (People) พาร์ทเนอร์ (Preferred Partner) ลูกค้า (Customers) และ นอกเหนือจากลูกค้า (Beyond Our Customers)

บริษัทฯ  มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาบุคลากรในทุกๆ มิติ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่จะช่วยเชื่อมต่อการส่งมอบความสุขไปยังลูกค้า ผ่านการพัฒนาในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การส่งเสริมวัฒนธรรมที่เปิดกว้างทางความคิดและความหลากหลาย การพัฒนาทักษะรอบด้าน การปรับกระบวนการภายในให้มีความรวดเร็ว ความแม่นยำ และความสามารถในการรองรับการขยายตัวของธุรกิจ การมีพื้นที่การทำงานที่ทันสมัยเพื่อรองรับการทำงานรูปแบบ Squad Team ไม่ว่าจะเป็นที่ศูนย์การเรียนรู้สรรค์สาระ The Garage และ 66 Tower นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความใส่ใจในการสร้างความสุขที่ยั่งยืนตลอดการทำงานและหลังการเกษียณอายุไปแล้ว  ผ่านกิจกรรมพัฒนาความรู้และสร้างเสริมทักษะรอบด้านทั้ง สุขภาพ ความมั่งคั่ง ทักษะแห่งอนาคต และทักษะอาชีพอื่น ๆ ให้กับพนักงานอย่างต่อเนื่อง 

เมืองไทยประกันชีวิต ยังมีที่ปรึกษาประกันชีวิต และพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งจากหลากหลายธุรกิจ (Preferred Partner) เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างแท้จริง (Democratizing Insurance) พร้อมสรรสร้างนวัตกรรมร่วมกับพาร์ทเนอร์ของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริการลูกค้า ผ่านแอปพลิเคชันและเครื่องมือดิจิทัลที่ล้ำสมัย ระบบกระบวนการทำงานอัตโนมัติ และทีมสนับสนุนที่เชี่ยวชาญและมากความสามารถในด้านต่าง ๆ 

อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความสุขที่ยั่งยืนผ่านสุขภาพที่ดีในทุกมิติ ทั้งทางกาย ทางใจ และทางการเงินให้กับลูกค้า เมืองไทยประกันชีวิตยังดำเนินงานโดยยึดหลักการมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity) และนำเสนอผลิตภัณฑ์และการบริการที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และเงื่อนไขที่แตกต่างกันของชีวิตทุก ๆ คนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านความคุ้มครองสุขภาพ ความคุ้มครองโรคร้ายแรง ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน และแอปพลิเคชันด้านสุขภาพอย่าง MTL Fit ที่เข้าถึงลูกค้าในแบบที่มีความเฉพาะตัวได้มากยิ่งขึ้น (Personalization) อีกทั้งเน้นการสร้างความแตกต่าง และสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างเข้าถึง เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรม และครอบคลุมกลุ่มลูกค้าในทุกเพศ ทุกวัย 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเน้นการส่งต่อความสุขสู่สังคม ซึ่งรวมถึงทุกๆ คนที่นอกเหนือจากลูกค้าของเรา (Beyond Our Customers) ด้วยการร่วมมือกับบริษัทฯ ในเครือต่างๆ ทั้งการเป็นพันธมิตรกับสตาร์ทอัพ ด้าน Insurtech และ Healthtech การนำเสนอและเปรียบเทียบประกันภัยออนไลน์ และการพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างครบวงจร เพื่อร่วมกันนำเสนอทางเลือกที่เป็นมากกว่าประกันชีวิตแก่ ทั้งลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตและบุคคลทั่วไป พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังประกาศความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามนโยบายและเป้าหมายด้าน ESG อย่างครบถ้วนทุกมิติ ทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล และเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความสุขอย่างยั่งยืนกับทั้งบริษัทและสังคมโดยรวมต่อไป”

นายสาระ กล่าวว่า ล่าสุดเมืองไทยประกันชีวิต ได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเข้าถึงและตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มให้มากยิ่งขึ้น เพราะทุกคนมีความต้องการที่แตกต่าง  YOUnique Health เมืองไทยประกันชีวิตเข้าใจทุกความต้องการในแบบคุณ” อีกทั้งได้เปิดตัวแคมเปญ A True Story” เพื่อสะท้อนถึงความสำคัญของสุขภาพ และถ่ายทอดเรื่องราวด้านความคุ้มครองสุขภาพจากเมืองไทยประกันชีวิต ที่ได้รับความไว้วางใจและเชื่อมั่นจากลูกค้า ด้วยการเปิดมุมมองและประสบการณ์จากลูกค้าตัวจริง ถึงการให้ความสำคัญต่อการเลือกซื้อความคุ้มครองสุขภาพในยุค ที่ความเจ็บป่วยใกล้ตัวกว่าที่คิด และโรคอุบัติใหม่ที่มาได้แบบไม่ทันตั้งตัว โดยรูปแบบการทำเสนอในซีซั่นนี้ จะเต็มไปด้วยความสนุก และเล่าเรื่องราวเจาะลึกแบบเป็นกันเองเหมือนทุกท่านมาบอกเล่าประสบการณ์แบบ Exclusive ที่ไม่สามารถหาชมที่ไหนได้ง่าย ๆ เพราะไม่ว่าจะอาชีพอะไร ไลฟ์สไตล์ แบบไหน ...เมืองไทยประกันชีวิตเข้าใจทุกความต้องการในแบบคุณ 

โดยสามารถติดตามหลากหลายเรื่องราวแบบประกันที่ใช่กับสไตล์คุณ  YOUnique Health & A True Story 2” ได้ที่ช่องทางเว็บไซต์ www.muangthai.co.th YouTube  Facebook Instagram Twitter และ LINE Official Account


Tags : เมืองไทยประกันชีวิต สาระ ล่ำซำ เปิดตัวกลยุทธ์ Happiness Reinvented MTL


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank โดย นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 MCOT HD เมื่อเร็ว ๆ นี้      

14 Jul 2025

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้ธนาคารออมสินจัดทำมาตรการแก้ไขหนี้รายย่อยในโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยประชาชนในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยไม่มีหลักประกัน ที่มีสถานะหนี้เสีย (NPLs) จำนวนรวมกว่า 500,000 บัญชี ให้สามารถหลุดพ้นจากประวัติหนี้เสีย โดยธนาคารจะดำเนินการทันทีเพื่อที่ในอนาคตลูกหนี้จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้นเมื่อมีความจำเป็น โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการปิดบัญชีหนี้ ตัดหนี้สูญ และไม่ติดตามหนี้ ของลูกหนี้ NPLs จำนวนกว่า 200,000 บัญชี ในโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐที่ได้รับงบประมาณชดเชยแล้ว ระยะที่ 2 ธนาคารจะทยอยดำเนินการปิดบัญชีหนี้แก่ลูกหนี้ NPLs โครงการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 จำนวนกว่า 300,000 บัญชี ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับมาตรการปลดหนี้สินเชื่อตามโครงการของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้แล้วเป็นจำนวนกว่า 1.3 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมกว่า 11,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้รายย่อย และช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางให้สามารถประคับประคองสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวให้เดินต่อได้ มุ่งเน้นดำเนินการเพียงครั้งเดียวเพื่อไม่ให้ลูกหนี้ต้องเสียวินัยทางการเงิน และยังสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้อีกในอนาคต  

07 Jul 2025

...

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ปรับปรุงแนวทางการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาประกันภัยระยะสั้น พร้อมทั้งทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณเงินกองทุนด้านความเสี่ยง เพื่อยกระดับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นการพิจารณาข้อมูลในระดับประเภทการรับประกันภัยแทนการพิจารณาภาพรวมทั้งบริษัท เพื่อให้การประเมินภาระผูกพันและการจัดสรรเงินกองทุนมีความละเอียด แม่นยำ และสอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยงที่แท้จริงยิ่งขึ้น โดยระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง และจัดการประชุมชี้แจงไปเมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2568 รวมทั้งได้จัดการประชุมกลุ่มย่อยเชิงเทคนิค (Focus Group) เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้งนี้ ในการประชุมฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับสำรองเบี้ยประกันภัย ได้แก่ 1. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย 2. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต และ 3. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดประเภทและชนิดของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคำนวณเงินกองทุนของบริษัทประกันวินาศภัย สำหรับหลักการที่ได้มีการปรับปรุง คือ ปรับปรุงวิธีการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัย และเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงจากสำรองเบี้ยประกันภัย จากเดิม พิจารณาที่ระดับผลรวมทั้งหมดของสัญญาประกันภัยระยะสั้น เปลี่ยนเป็น พิจารณาที่ระดับประเภทการรับประกันภัย  ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะเผยแพร่ประกาศอย่างเป็นทางการในลำดับถัดไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ดังนั้น บริษัทประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันเริ่มมีผลบังคับใช้

07 Jul 2025

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner