Responsive image

Monday, 14 Apr 2025

หน้าแรก > INSURANCE/ประกันภัย-ประกันชีวิต


เลขาธิการ คปภ. สรุปผลงานเด่นต่อเนื่อง 8 ปี นำ คปภ. และภาคอุตฯประกันภัยไทยก้าวข้าม Digital Disruption ทะยานสู่มาตรฐานสากล พร้อมส่งต่อภารกิจให้เลขาฯ คปภ. ท่านใหม่

Wed 12/07/2566


ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) สรุปผลงานเด่น ๆ ตลอด 8 ปี ในตำแหน่งและฉายภาพทิศทางการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยภายใต้บริบทใหม่เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ในงาน Press Conference : the new landscape of insurance supervision towards sustainable growth เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ณ โรงแรม ไมด้า รีสอร์ท กาญจนบุรี ตำบลวังด้ง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีผลงานเด่นที่ได้ดำเนินการมากมาย อาทิเช่น สะสางปัญหาการบริหารที่ค้างอยู่และปรับปรุงโครงสร้างสำนักงาน คปภ. เป็นผลสำเร็จ เป็นกำลังสำคัญในการกำหนดยุทธศาสตร์และเตรียมความพร้อมจนสาขาประกันภัยไทยสามารถผ่านการประเมินภาคการเงิน (Financial Sector Assessment Program : FSAP) โดยได้คะแนนประเมินเป็นลำดับที่ 2 ของ ASEAN และเป็นลำดับที่ 4 ของโลก

นอกจากนี้ยังเป็นผู้บุกเบิกในการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีด้านการประกันภัย Center of Insurtech, Thailand (CIT) จนมีผลงานมากมาย ริเริ่มการจัดให้มีรางวัล OIC InsurTech Awards เพื่อเฟ้นหาสุดยอด InsurTech ของไทยเป็นครั้งแรกและให้จัดเป็นประจำทุกปี นำอุตสาหกรรมประกันภัยทยานสู่มิติดิจิทัลในระดับสากลด้วยการริเริ่มจัดงาน Thailand InsurTech Fair (TIF) ต่อเนื่องทุกปี ปรับเพิ่มวงเงินคุ้มครองประกันภัย พ.ร.บ. เชื่อมโยงข้อมูลแบบ Real-time เพื่อตรวจสอบการจัดทำประกันภัย พ.ร.บ. สำหรับการชำระภาษีรถประจำปี การยืนหยัดช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ประกันภัยโควิดแบบเจอจ่ายจบให้รอดพ้นจากปัญหาการถูกบอกเลิกกรมธรรม์ฯ จนตัวเองต้องถูกฟ้องคดี ขับเคลื่อนการพัฒนาฐานข้อมูลด้านการประกันภัย (Insurance Bureau System : IBS) พัฒนา Application “ME Claim” พัฒนา OIC Gateway เชื่อมต่อกับ Chatbot “คปภ. รอบรู้” ในรูปแบบ AI บนแพลตฟอร์ม LINE ทำให้สามารถเข้าถึงประชาชนได้ง่ายและให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง พัฒนา Super Application ด้านประกันภัยในชื่อ “กรมธรรม์ของฉัน หรือ “MyPolicy” สำหรับให้ประชาชนใช้ตรวจสอบข้อมูลกรมธรรม์ประกันภัย นอกจากนี้ ยังเป็นผู้จุดประกายโครงการ 1 ภาค 1 ผลิตภัณฑ์ พัฒนากรมธรรม์ประกันภัยรายย่อย (Micro Insurance) จนมาสู่ประกันภัยอุบัติเหตุที่มีเบี้ยประกันภัย 7 บาท และ 10 บาท ส่งเสริมให้มีการพัฒนาเว็บไซต์เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ประกันภัยภายใต้ชื่อ “กูรูประกันภัย” จุดประกายและขยายผลโครงการ Insurance Regulatory Sandbox : IRS ผลักดันการแก้ไขกฎหมายแม่บทด้านประกันภัยจนยกร่างสำเร็จและผ่านความเห็นชอบจาก ครม. โดยร่างกฎหมายในกลุ่มที่ 1 ได้รับการตราเป็นกฎหมายและมีผลใช้บังคับแล้ว ซึ่งครอบคลุมถึงความผิดฐานใหม่คือการฉ้อฉลประกันภัย อีกทั้งยังออกคำสั่งนายทะเบียนที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนหลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็นการลดเบี้ยประกันภัยหากมีการติดตั้งกล้องติดรถยนต์ และปรับปรุงเงื่อนไขระดับปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเพื่อป้องกันกรณีเมาแล้วขับ ฯลฯ

ส่วนภารกิจที่ได้เริ่มแล้วแต่ยังไม่แล้วเสร็จและจำเป็นต้องฝากให้เลขาธิการ คปภ. ท่านใหม่สานต่อมี 4 มิติ คือ มิติที่ 1 ปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลโดยต้องทำให้หลักเกณฑ์การกำกับดูแลมีความยืดหยุ่นและกำกับเท่าที่จำเป็นให้สอดคล้องกับกติกาสากล ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินโครงการ Regulatory Guillotine เพื่อทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายอนุบัญญัติ ปรับปรุงกฎหมายแม่บทว่าด้วยการประกันภัย ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย รวมทั้งส่งเสริมให้มีการปรับปรุงการทำ Stress Test และ Scenario Analysis ของสำนักงาน คปภ.   

ทั้งนี้ งานที่เริ่มแล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จยังรวมถึงการสานต่อการผลักดันร่างกฎหมายแม่บทด้านประกันภัยที่ผ่านความเห็นชอบของ ครม. แล้ว แต่ยังค้างอยู่ คือ ร่าง พ.ร.บ. กลุ่มที่ 2 การเสริมสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงของบริษัท และร่าง พ.ร.บ. กลุ่มที่ 3 ส่งเสริมการควบโอนกิจการและความรับผิดของกรรมการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของกรรมการและผู้บริหารของบริษัทประกันภัย โดยการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจะเพิ่มบทลงโทษ สำหรับผู้บริหารบริษัทประกันภัยที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนด้านการประกันภัย ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงาน คปภ. ทำได้เพียงเข้าควบคุมธุรกรรมการเงินเพื่อป้องกันการโยกย้ายทรัพย์สินหรือมีการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัยและประชาชน พร้อมออกมาตรการช่วยเหลือผู้ถือกรมธรรม์โดยกองทุนประกันวินาศภัย (ในฐานะผู้ชำระบัญชี) แต่ไม่มีบทลงโทษทางกฎหมายสำหรับการละเมิดหรือทุจริตในธุรกิจประกันภัยสำหรับผู้บริหารบริษัทประกันภัยอย่างจริงจัง  หากการแก้ไขกฎหมายและเพิ่มบทลงโทษเป็นผลสำเร็จก็จะช่วยลดโอกาสการเกิดฉ้อฉลประกันภัย และบริษัทประกันภัยจะตื่นตัวในการรับผิดชอบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อประโยชน์ของประชาชนและผู้เอาประกันภัย

นอกจากนี้ จำเป็นต้องสานต่อการผลักดันร่าง พ.ร.บ. ประกันภัยทางทะเลเป็นกฎหมาย เพื่อให้ประเทศไทยมีกฎหมายประกันภัยทางทะเลบังคับใช้เป็นของตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยมีธุรกรรมการประกันภัยเกี่ยวกับการขนส่งทางทะเล แต่ไม่มีกฎหมายประกันภัยทางทะเลของไทยใช้เอง หลายกรณีต้องนำของประเทศอังกฤษมาปรับใช้ ปัจจุบันร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจาก ครม. และอยู่ในขั้นตอนการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจวนจะแล้วเสร็จ ซึ่งหากประเทศไทยมี พ.ร.บ. ประกันภัยทางทะเลฉบับแรกของประเทศไทย ก็จะเกิดความชัดเจนในการใช้กฎหมายสอดคล้องกับบริบทของประเทศไทย และจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยทางทะเล ตลอดจนภาคการประกันภัยเกิดความชัดเจนในการดำเนินการและสามารถลดความเสี่ยงหากเกิดวิกฤตได้ในอนาคต

 

มิติที่ 2 ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้กับภาคธุรกิจประกันภัยมุ่งไปสู่ Digital Insurance อย่างเต็มรูปแบบโดยต้องเร่งส่งเสริมให้ภาคธุรกิจประกันภัยมีและใช้เทคโนโลยีอย่างจริงจัง ทั้งเพิ่มประสิทธิภาพและต่อยอดการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลกลางด้านประกันภัย (Insurance Bureau System : IBS) ต่อยอดโครงการจัดตั้งศูนย์บริหารและพัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านการประกันภัยแห่งชาติ (National Insurance Bureau : NIB) ขยายขอบเขตการให้บริการข้อมูลและควบรวมฐานข้อมูล “ประกันชีวิต-วินาศภัย” สู่ Big data เพื่อยกระดับและเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมประกันภัยในระดับสากล โดยที่ NIB จะเป็นศูนย์ที่รวมข้อมูลประกันภัย ทั้งประกันวินาศภัยและประกันชีวิต จากระบบ IBS ทั้งสองระบบ และใช้ประโยชน์จาก OIC Gateway ระยะที่ 2 จาก My Policy สู่ My Portfolio ต่อยอดโครงการ Insurance Regulatory Sandbox เป็น Smart Sandbox เพิ่มบทบาทเพื่อยกระดับศูนย์ Center of InsurTech, Thailand (CIT) ให้เป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีประกันภัย พัฒนาเครื่องมือในการประเมินระดับความพร้อมด้านการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Resilience Assessment Framework : CRAF)

 

รวมทั้งต้องเร่งขับเคลื่อนระบบประกันภัยไทยไปสู่ดิจิทัล เพื่อการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวของธุรกิจประกันภัยให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล และในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในยุคที่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คน ด้วยเหตุนี้ การพัฒนาระบบประกันภัยดิจิทัลจึงมีความสำคัญต่อธุรกิจประกันภัยเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีผลต่อประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ลูกค้า ลดต้นทุนดำเนินการ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดสากล ซึ่งจำเป็นต้องนำนวัตกรรม Tech Trends มาใช้กับการให้บริการและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย ทั้งนี้บริษัทประกันภัยจำเป็นต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ มองหาช่องทางการเติบโต ไม่ว่าจะผ่านบริการรูปแบบใหม่ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ หรือมุ่งเน้นที่การป้องกันมากขึ้น รวมทั้งทำให้ผู้เอาประกันภัยเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น โดยหากมีการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและสามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ได้แม่นยำบริษัทประกันภัยก็จะสามารถ Tailor Made แผนและเบี้ยประกันภัยให้เหมาะสมกับผู้เอาประกันภัยแต่ละรายได้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพช่องทางดิจิทัล รวมทั้งขยายระบบนิเวศการขายให้มีประสิทธิภาพ

และยังมีภารกิจที่รอการสานต่อในการทำให้ประเทศไทยเป็น InsurTech hub สำหรับภูมิภาคอาเซียน หากสำเร็จจะเป็นก้าวสำคัญในการนำพาอุตสาหกรรมประกันภัยของไทยก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล ช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและเติบโตของภาคธุรกิจ InsurTech ในภูมิภาค ตลอดจนเพิ่มศักยภาพในการให้บริการประกันภัยที่มีคุณภาพแก่ผู้บริโภคในภูมิภาคที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยศูนย์ CIT จะเป็นหน่วยงานสำคัญในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีด้านการประกันภัยให้กับประเทศในกลุ่ม CLMV เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็น InsurTech Startup Hub ที่เชื่อมโยงเครือข่ายภาคธุรกิจ Startups และ Tech firms ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมนวัตกรรมการปรับเปลี่ยนทางด้านกฎหมายและการสร้างระบบที่สนับสนุนการเติบโตของ InsurTech ด้วย

มิติที่ 3 ขับเคลื่อนธุรกิจประกันภัยมุ่งสู่ Sustainable Insurance โดยต้องดำเนินการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ภาคธุรกิจประกันภัยมุ่งสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง ทั้งการกำกับดูแลบริษัทประกันภัยเชิงรุก (Forward looking and Pro-active Intervention) การส่งเสริมให้บริษัทมีความมั่นคงทางการเงิน และเสริมสร้างศักยภาพให้พร้อมรองรับความเสี่ยงใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจในด้านธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย การพิจารณารับประกันภัย การเสนอขายไปจนถึงการจัดการค่าสินไหมทดแทน

นอกจากนี้ การเชื่อมโยงและลิงก์ข้อมูลต่าง ๆ ด้านประกันภัยในอาเซียน ทั้งการพัฒนาระบบการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประกันภัยในภูมิภาค และการแลกเปลี่ยนความรู้และทรัพยากรระหว่างประกันภัยในภูมิภาค เพื่อสนับสนุนการเติบโตและความยั่งยืนของธุรกิจประกันภัยของไทย จะทำให้ธุรกิจประกันภัยของไทยมีความสามารถในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน

มิติที่ 4 ยกระดับการกำกับดูแลและการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัย โดยต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับการกำกับดูแลเพื่อเตรียมการรองรับมาตรฐานสากลที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งยกระดับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีพัฒนาเครื่องมือใหม่ และใช้ประโยชน์จากข้อมูลในการกำกับดูแล (SupTech) ยกระดับแนวทางการตรวจสอบและกำหนดแนวทางพัฒนาระบบงานตรวจสอบบริษัทประกันภัย (Onsite Examination System: OES) เพื่อรองรับการดำเนินการตรวจสอบ ณ ที่ทำการ ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยด้วยเทคโนโลยี พัฒนาระบบในการให้บริการและให้ข้อมูลด้านการประกันภัยแก่ประชาชน เช่น ระบบการติดตามเรื่องร้องเรียนและส่งเสริมความรู้ให้กับประชาชนผ่าน Mobile Application ยกระดับระบบบริการสายด่วน คปภ. 1186 เป็น Cloud system ต่อยอดระบบ PPMS ระยะที่ 2 โดยเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างภาคธุรกิจประกันภัยและสำนักงาน คปภ. เข้าด้วยกันทั้งระบบ ต่อยอดระบบสารสนเทศที่ใช้ในกระบวนการรับเรื่องร้องเรียนด้านการประกันภัยมาสู่ระบบ E-Arbitration ซึ่งเริ่มดำเนินการแล้วมีความคืบหน้าแล้ว แต่เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

“ในระยะแรกที่ผมเข้ามาดำรงตำแหน่งได้เน้นการแก้ไขปัญหาด้านบริหารภายในองค์กรที่คั่งค้างมานานจนเป็นผลสำเร็จ จากนั้นก็ขับเคลื่อนการปรับปรุงกฎหมายแม่บทต่าง ๆ อย่างเต็มพิกัด จนสามารถยกร่างสำเร็จและผ่านความเห็นชอบของ ครม. แล้ว รวมทั้งเตรียมการเข้ารับการประเมิน FSAP จนสามารถสอบผ่านได้เป็นลำดับที่ 2 ของอาเซียน ส่วนการขับเคลื่อนเรื่องฐานข้อมูลและดิจิทัลเทคโนโลยีก็ได้ดำเนินการควบคู่กันไปจนสามารถตั้งไข่ได้และมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก แต่เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ได้กำหนดนโยบายและเดินหน้าการดำเนินงานของสำนักงาน คปภ. ภายใต้ Mission เพื่อให้องค์กรนี้เป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง โดยภารกิจที่สำคัญประการหนึ่งคือการพยายามทำให้ประกันภัยเป็นเรื่องที่คนทุกระดับสามารถเข้าถึงได้ และถ้าเกิดความไม่เป็นธรรมขึ้นสำนักงาน คปภ. ต้องเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือได้ทันที ต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง คงหลักการสำคัญของการประกันภัย แต่ต้องมีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนรวดเร็วเท่าทันกับสถานการณ์ มุ่งกำกับดูแลให้เกิดความเป็นธรรม ภายใต้หลักคิด จะทำอย่างไรให้ “ประกันภัย” อยู่ในใจ “ประชาชน” มาวันนี้ สำนักงาน คปภ. เดินมาได้ไกลเกินครึ่งทางแล้ว และคงต้องฝากไปถึงท่านเลขาธิการ คปภ. ท่านใหม่ที่จะเข้ามาดูแลบ้าน “คปภ.” หลังนี้ช่วยสานต่อและต่อยอดหลายสิ่งที่ยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น หากได้รับการพัฒนาสำเร็จเต็ม Scale ประโยชน์สูงสุดก็จะตกแก่ประชาชนและประเทศชาติ” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย


Tags : คปภ. สำนักงาน คปภ. ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. ผลงานเด่นคปภ. อุตสาหกรรมประกันภัยไทย


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (“TRIS Rating”) คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH ที่ระดับ “AA” แนวโน้ม “Stable” และคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP บริษัทแกนของกลุ่ม ที่ระดับ “AAA” แนวโน้ม “Stable” หลังประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว   TRIS Rating ชี้ผลกระทบทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นต่อ ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และ ทิพยประกันภัย จากการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่เกี่ยวข้องกับอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ซึ่งทิพยประกันภัย ร่วมรับประกันภัยอยู่ในวงจำกัด และทิพยประกันภัย มีการประกันภัยต่อที่ครอบคลุม ทั้งการประกันภัยต่อความเสียหายส่วนเกินจากภัยพิบัติหรือมหันตภัย (Excess of Loss - XoL) การประกันภัยต่อแบบเฉพาะราย (Facultative Reinsurance) สำหรับโครงการขนาดใหญ่ ตลอดจนการประกันภัยต่อแบบสัดส่วน (Proportional Treaty) และแบบไม่เป็นสัดส่วน (Non-Proportional Treaty) ซึ่งจะช่วยจำกัดความคุ้มครองของทั้งอาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และอาคารที่สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยคู่สัญญาประกันภัยต่อ เป็นบริษัทประกันภัยต่อชั้นนำของโลก ที่มีอันดับเครดิตไม่ต่ำกว่า “A” ตามมาตรฐานการจัดอันดับสากล ทั้งนี้ ส่งผลให้ทิพยประกันภัย ยังคงมีความมั่นคงทางการเงิน และไม่มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ จากการประเมินดังกล่าว TRIS Rating จึงคงอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “AA” แนวโน้ม “Stable” ซึ่งเป็นอันดับเครดิตองค์กรสูงสุดในกลุ่มธุรกิจโฮลดิ้งส์ให้กับ ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และคงอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “AAA” แนวโน้ม “Stable” ซึ่งเป็นอันดับเครดิตองค์กรสูงสุดในกลุ่มธุรกิจประกันวินาศภัยให้กับทิพยประกันภัย ตอกย้ำความเชื่อมั่นในฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยมของกลุ่มบริษัท ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวย้ำอย่างมั่นใจว่า จากการประเมินของ TRIS Rating ในครั้งนี้ สะท้อนความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยงของกลุ่มบริษัทได้เป็นอย่างดี และสะท้อนภาพความแข็งแกร่งทางการเงินของกลุ่มบริษัทให้กับนักลงทุนได้เป็นที่ประจักษ์ เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของกลุ่มบริษัท เรายืนยันถึงความทุ่มเทของทุกฝ่ายในบริษัทที่ช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน  เราจะเดินหน้าสร้างการเติบโตทางธุรกิจควบคู่กับการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรัดกุมและรอบด้าน พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วน เพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนในระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป

13 Apr 2025

...

บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท ไทยดอทรัน จำกัด จัดแคมเปญวิ่ง “PASSION FOR LIFE” ให้รักดูแลชีวิต ให้การแบ่งปันดูแลหัวใจ โดยจัดกิจกรรมการวิ่งใน 2 รูปแบบ คือ Virtual Run และ Running Activity เพื่อจัดหารายได้สมทบทุนโครงการ "หนึ่งคนให้ หลายคนรับ เพื่อชีวิตใหม่หัวใจเด็ก"   นางสาวฐิติมา เลี้ยงพาณิชย์ ผู้อำนวยการฝ่าย กลุ่มสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI เปิดเผยว่า ไทยประกันชีวิต ได้ร่วมมือกับ เพจไทยรัน จัดแคมเปญวิ่ง “PASSION FOR LIFE” ที่มีวัตถุประสงค์นอกจากการเสริมสร้างสุขภาพกายที่แข็งแรงให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมแล้ว ยังสร้างความสุขใจของการเป็นผู้ให้ ด้วยการส่งต่อความรัก และเติมเต็มโอกาสให้กับผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง แคมเปญ “PASSION FOR LIFE” ให้รักดูแลชีวิต ให้การแบ่งปันดูแลหัวใจ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ทำชีวิตให้มีคุณค่า” โดยจัดกิจกรรมวิ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ กิจกรรม Virtual Run: เชิญชวนนักวิ่ง วิ่งสะสมระยะทางขั้นต่ำคนละ 21 กิโลเมตร กำหนดเป้าหมายระยะการวิ่งรวมทั้งแคมเปญ 200,000 กิโลเมตร โดยในทุกการวิ่ง 1 กิโลเมตร ไทยประกันชีวิตและเพจไทยรัน จะบริจาคเงิน 5 บาท ให้แก่โครงการ "หนึ่งคนให้ หลายคนรับ เพื่อชีวิตใหม่หัวใจเด็ก" (สูงสุด 600,000 บาท) โดยกำหนดระยะเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - พฤศจิกายน 2568 ซึ่งกิจกรรมแบ่งออกเป็น 3 ซีรีส์ ได้แก่ ซีรีส์ 1: What you love  ทำสิ่งที่รัก เพื่อตัวเองและคนที่เรารัก จัดระหว่างวันที่ 17 กุมภาพันธ์ – 31 พฤษภาคม 2568 ซีรีส์ 2: What the world need ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและโลก จัดระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน – 31 สิงหาคม 2568 ซีรีส์ 3: What you are good at ทำสิ่งที่ถนัดเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น โดยเสื้อวิ่งในซีรีส์นี้ ได้รับการออกแบบจากผลงานภาพวาดของน้องๆ ที่ได้รับโอกาส ในการผ่าตัดหัวใจตามโครงการหนึ่งคนให้ หลายคนรับ เพื่อชีวิตใหม่ หัวใจเด็ก จัดระหว่างวันที่ 1 กันยายน – 31 พฤศจิกายน 2568 กิจกรรม Running Activity จำนวน 2 ครั้ง ได้แก่ Mini Event กิจกรรมวิ่งเพื่อสุขภาพและรักษาสิ่งแวดล้อม ณ สนามกีฬาแห่งชาติ กรุงเทพฯ ในวันที่ 5 มิถุนายน 2568 Running Event จัดในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 ณ สวนจตุจักร กรุงเทพฯ   “ไทยประกันชีวิต เชื่อมั่นว่าการสนับสนุนจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม จะเป็นพลังที่ช่วยส่งต่อความรัก และเติมเต็มโอกาสให้กับผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง และอยากเชิญชวนให้ผู้ที่รักการวิ่งทุกท่าน สมัครเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบโอกาสและคุณค่าให้กับเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ต่อไป” นางสาวฐิติมากล่าว ข้อมูลการรับสมัครเพิ่มเติม: https://race.thai.run/whatyoulove  

12 Apr 2025

...

กรุงเทพประกันชีวิตเชื่อมั่นในพลังของความใส่ใจ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของคนไทยขอส่งความใส่ใจและมอบความอุ่นใจให้กับทุกคนที่เดินทางด้วยแคมเปญ "ขับขี่ใส่ใจกัน สุขสันต์ตลอดสงกรานต์" โดยเฉพาะผู้ขับขี่ และผู้รับหน้าที่เป็นมือขับรถประจำบ้าน ด้วยประกันอุบัติเหตุ (PA) คุ้มครองทั้งอุบัติเหตุทั่วไปและภัยธรรมชาติ สูงสุด 200,000 บาท เพียงลงทะเบียนผ่านการสแกน QR Code ระหว่าง 9-12 เมษายนนี้ ณ จุดต่าง ๆ ที่เป็นเส้นทางสัญจรทั้งในกรุงเทพฯ และทุกภูมิภาค สำหรับลูกค้า และ บุคลากรทั้งพนักงาน ตัวแทนฯ มอบความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุให้ฟรีสูงสุด 100,000 บาท รวมระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า ในช่วงใกล้วันหยุดเทศกาลสงกรานต์ กรุงเทพประกันชีวิตขอส่งมอบความใส่ใจและความปรารถนาดีให้กับคนไทยทุกคนผ่านแคมเปญ “ขับขี่ใส่ใจกัน สุขสันต์ตลอดสงกรานต์” ซึ่งได้เริ่มต้นจากภายในกับกลุ่มพนักงานและขยายสู่ประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่ขับขี่ ด้วยกิจกรรมออกเดินสายรณรงค์มอบถุง “ใส่ใจ” มอบสิ่งของที่ช่วยเติมความสดชื่น แก้ง่วงระหว่างเดินทางทั้งในกรุงเทพฯ และตามภูมิภาค พร้อมมอบประกันอุบัติเหตุให้ทุกคนได้อุ่นใจตลอดเทศกาล สำหรับผู้ที่มีหน้าที่ขับขี่ และผู้ที่รับหน้าที่เป็นมือขับรถประจำบ้าน กรุงเทพประกันชีวิตขอมอบประกันอุบัติเหตุ “บีแอลเอ ปกป้อง” ที่มีความคุ้มครองครอบคลุมทั้งอุบัติเหตุทั่วไป และภัยพิบัติธรรมชาติ สูงสุด 200,000 บาท โดยสามารถสแกน QR Code เพื่อรับสิทธิในจุดต่าง ๆ ที่เป็นเส้นทางสัญจรโดยในกรุงเทพ ซึ่งจะมีกิจกรรมเดิน Troop พร้อมมอบถุงใส่ใจ และเครื่องดื่มสดชื่น ได้แก่ วันที่ 9 เม.ย. 68 บริเวณย่าน อโศก เพชรบุรี นานาเหนือ สุขุมวิท อนุสาวรีย์ชัย ซอยรางน้ำ ประตูน้ำ สยาม บรรทัดทอง สามย่าน อังรีดูนังต์ วันที่ 10 เม.ย. 68 บริเวณอาคารกรุงเทพประกันชีวิต สีลม ซอยคอนแวนต์ สาทร ซอยศาลาแดง 1 ถนนนราธิวาส ช่องนนทรี วงเวียนใหญ่ ถนนลาดหญ้า ไอคอนสยาม ถนนเจริญนคร   ส่วนในภูมิภาค จะมีการตั้งบูทเพื่อมอบประกันอุบัติเหตุ ผ่านการสแกน QR Code พร้อมกิจกรรมแก้ง่วง เล่นเกม แจกของรางวัล และเครื่องดื่มสดชื่น ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย. 68 ณ จุดบริการทางหลวงบางปะกง (มอเตอร์เวย์) จุดพักรถ Porto Go ท่าจีน สมุทรสาคร  วันที่ 12 เม.ย. 68  ณ บริเวณปั๊มปตท. พระราม 2 คลองโคน สมุทรสงคราม และ จุดพักรถ Porto Go บางปะอิน อยุธยา นอกจากนี้ ระหว่างวันที่ 11 – 16 เม.ย. 68 ผู้ขับขี่รถทุกท่านสามารถรับสิทธิพิเศษผ่าน LINE Official กรุงเทพประกันชีวิต รับเครื่องดื่มฟรีจากร้านกาแฟพันธุ์ไทย 1 แก้ว มูลค่าสูงสุด 85 บาท (เมนูปั่นไม่ร่วมรายการ) 1 ท่านต่อ 1 สิทธิ์ จำกัด 5,000 สิทธิ์ หรือจนกว่าสิทธิ์เต็ม   นอกจากการมอบความใส่ใจผ่านกิจกรรมที่ทำกับประชาชนทั่วไปแล้ว กรุงเทพประกันชีวิตยังใส่ใจลูกค้า และบุคลากร โดยการมอบ “กรมธรรม์ประกันภัยสุขใจสงกรานต์” ความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุฟรี 100,000 บาท ให้กับทั้งพนักงาน ตัวแทนฯ ซึ่งได้เริ่มความคุ้มครองโดยอัตโนมัติแล้วตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา สำหรับลูกค้าเดิมกรุงเทพประกันชีวิต มอบความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุ 10,000 สิทธิ์ โดยรับผ่านแอปพลิเคชัน BLA Happy Life ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2568 เป็นต้นไป จนกว่าสิทธิ์เต็ม รวมถึงลูกค้าใหม่ที่ชำระเบี้ยประกันภัย และวันเริ่มมีผลคุ้มครองตามกรมธรรม์ฉบับใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1- 30 เมษายน 2568 “นอกเหนือจากกิจกรรมต่างๆ กรุงเทพประกันชีวิตยังมีการสื่อสารแคมเปญ "ขับขี่ใส่ใจกัน สุขสันต์ตลอดสงกรานต์" ผ่านสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นป้ายบิลบอร์ด ในเส้นทางหลักที่เดินทางออกสู่ภูมิภาค และจอ LED ในต่างจังหวัด ด้วยข้อความแสดงความใส่ใจและสนับสนุนการเดินทางขับขี่ปลอดภัย เพื่อเพิ่มความมั่นใจตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะเราใส่ใจและอยากให้ทุกคนกลับบ้านไปหาครอบครัวอย่างปลอดภัยและกลับมาทำงานพร้อมรอยยิ้ม และผมขออวยพรให้เพื่อน พนักงาน และประชาชนคนไทยทุกท่านเที่ยวให้สนุก เดินทางปลอดภัย และกลับมาพร้อมพลังใจที่สดใสอีกครั้งครับ” นายโชนกล่าว

12 Apr 2025

...

บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ  กรุงเทพประกันชีวิต ขอแสดงความห่วงใยพี่น้องประชาชนต่อกรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศไทยเมื่อวันศุกร์ที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพและความเป็นอยู่ทั้งของลูกค้าและประชาชน จึงขอส่งกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นวิกฤตนี้ในเร็ววัน และด้วยตระหนักถึงความเดือดร้อนและความเสียหายของผู้ประสบภัย จึงขอสนับสนุนและช่วยเหลือลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ที่ประสบเหตุแผ่นดินไหวโดยมีมาตรการช่วยเหลือด้วย การขยายระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกัน สำหรับผู้ถือกรมธรรม์ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว และมีกำหนดชำระเบี้ยตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 – 30 เมษายน 2568  โดยให้สามารถขยายระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันจาก 60 วัน เป็น 90 วัน โดยผู้ถือกรมธรรม์สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-777-8888 ด้วยความใส่ใจ ห่วงใย จากกรุงเทพประกันชีวิต

09 Apr 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner