Responsive image

Monday, 01 Dec 2025

หน้าแรก > TECHNOLOGY - AUTO - PROPERTY


NocNoc เผยอินไซต์ "สินค้าตกแต่งบ้าน" ในเขตภาคอีสานพุ่งสูง นำโดยขอนแก่น และอุดรธานี พร้อมเตรียมแผนจับมือภาครัฐและภาคเอกชนอัดแคมเปญให้กลุ่ม B2C และ B2B

Sun 06/08/2566


NocNoc ศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านออนไลน์ พบความต้องการตกแต่งบ้านในภาคอีสานพุ่งสูงขึ้น นำโดย ขอนแก่น และอุดรธานี ที่มีบริษัทโครงการอสังหาฯ ระดับประเทศไปลงทุนสร้างบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม เพื่อรองรับกลุ่มเรียลดีมานด์ที่กำลังเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจับมือภาครัฐและภาคเอกชนขยายวงกว้างให้ภาพรวมตลาดสินค้าเรื่องบ้านคึกคักมากขึ้น หลังพบอินไซต์การซื้อสินค้าและบริการเรื่องบ้านผ่านออนไลน์ของลูกค้าในโซนภาคอีสานโตเป็นอันดับ 2 ทั้งกลุ่มลูกค้า B2C และ B2B คาดจะสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 500 ล้านบาท

นายอนุพงศ์ ทะสดวก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการค้าและพาณิชย์ บริษัท เบ็ตเตอร์บี มาร์เก็ตเพลส จำกัด หรือ NocNoc ศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านออนไลน์ กล่าวว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในโซนภาคอีสานยังคงเติบโตเพิ่มสูงขึ้น โดยจังหวัดขอนแก่น ถือเป็นจังหวัดที่มีขนาดตลาดอสังหาริมทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 รองจากนครราชสีมา โดยขอนแก่น มีการเปิดตัวโครงการมากที่สุด เพิ่มขึ้น 33.2% คิดเป็นมูลค่า 2,860 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ซึ่งถือเป็นทิศทางตลาดและโอกาสที่ดีที่ NocNoc จะเข้าไปขยายฐานกลุ่มเรียลดีมานด์กับทั้งกลุ่มลูกค้า B2C และ B2B ให้กว้างและครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม B2B ผ่านการทำแคมเปญ NocNoc for Business ที่มุ่งเน้นการทำ Business Matching และการเข้าถึงกลุ่มผู้ประกอบการในจังหวัดด้วยกิจกรรมส่งเสริมการตลาดผ่านสื่อท้องถิ่นในทุกมิติ

จากการเก็บข้อมูลอินไซต์ของลูกค้าที่มาช้อปสินค้าและบริการเรื่องบ้านบนแพลตฟอร์ม NocNoc นั้น พบว่ากลุ่มลูกค้าในภาคอีสานส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสร้างบ้านและต่อเติมบ้าน (Home Building and Renovator) ถึง 60% และกลุ่มตกแต่งบ้านและผู้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป (Home Decoration and Furnishing Shoppers)  40% โดยสไตล์การแต่งบ้านที่กลุ่มลูกค้าในภาคอีสานชื่นชอบ และนิยมมากที่สุดคือ Japandi 21%, Industial 19%, Glam 17%, Transitional 16%, Scandinavian 15%, Shabby Chic 9% และ Mid-Cetury 2% ตามลำดับ

 

 

สินค้าแต่งบ้านส่วนใหญ่ที่ลูกค้าเลือกซื้อครอบคลุมทุก Category บนแพลตฟอร์ม ได้แก่ กลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน และเฟอร์นิเจอร์ ได้แก่ เก้าอี้ทำงาน, เตียงนอน, ตู้เสื้อผ้า หรือเฟอร์นิเจอร์แบบตกแต่งครบชุด ซึ่งกำลังได้รับความนิยมสูงสุดในเวลานี้ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี, เครื่องเสียง,เครื่องปรับอากาศ, พัดลม และเครื่องฟอกอากาศ เป็นสินค้าขายดี และกลุ่มสินค้าปรับปรุงบ้านนั้น เราพบว่า พื้น SPC Vinyl กำลังเป็นสินค้าขายดีที่สุด รวมถึงบริการทุกเรื่องบ้านไม่ว่าจะเป็นบริการล้างทำความสะอาด แม่บ้าน ล้างแอร์ ล้างเครื่องซักผ้า บริการติดตั้งแอร์ ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ติดตั้งสุขภัณฑ์ ต่อเติม ปูพื้น ทาสี ซ่อมหลังคา ก็มียอดการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายชาญณรงค์ บุริสตระกุล ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า สัญญาณการเติบโตในภาคธุรกิจอสังหาในภาคอีสาน โดยเฉพาะในจังหวัดขอนแก่นมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งรายเล็ก และรายใหญ่ โดยเรามุ่งเน้นเทรนด์บ้านน่าอยู่ของโลกยุคใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ Smart Living Solutions เพื่อยกระดับที่อยู่อาศัยและการใช้ชีวิตที่ดีขึ้นของคนในจังหวัด ประกอบกับการได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการพัฒนาระบบขนส่ง สนามบินขอนแก่นใหม่ สถานีขนส่งสินค้าทางราง และยังเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งการศึกษาและบริการสุขภาพกับการแพทย์ ส่งผลให้ขอนแก่นมีเรียลดีมานด์หรือกลุ่มคนที่มีความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยจริง เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมาก โดยเฉพาะกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าของกิจการที่เข้ามาทำธุรกิจ ส่งผลต่อความต้องการจำนวนคอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้นในย่านชุมชนด้วย

การร่วมมือกับ NocNoc ซึ่งถือเป็นพาร์ทเนอร์ภาคเอกชนที่มีศักยภาพ และมีแผนการดำเนินธุรกิจ วิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับทางหอการค้านั้น คาดว่าจะช่วยเติมเต็มให้ตลาดที่อยู่อาศัยและตลาดสินค้าเรื่องบ้านเข้าถึงคนในจังหวัดของเราให้มีสินค้าแต่งบ้านที่มีคุณภาพ ตรงต่อความต้องการและสไตล์การแต่งบ้านที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเร็วๆ นี้ หอการค้าจังหวัดขอนแก่น สมาคมอสังหาริมทรัพย์ขอนแก่น และ NocNoc ได้ร่วมจัดงานบ้านและคอนโด ขอนแก่น 2023 ร่วมกันระหว่างวันที่ 16-20 ส.ค. 66 ณ เซ็นทรัลพลาซ่าขอนแก่น

นายอนุพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจัดงานบ้านและคอนโดขอนแก่น 2023 นั้น NocNoc ได้ขนความพิเศษสุดคุ้มมาให้ชาวภาคอีสานโดยเฉพาะ เมื่อซื้อสินค้าและบริการเรื่องบ้านบนแพลตฟอร์ม NocNoc กรอกโค้ด NEES23 รับส่วนลดสูงสุดทันที 15% สูงสุด 1,500 บาท เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท (สำหรับลูกค้าใหม่) ตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. 66 - 15 ก.ย. 66 และสำหรับผู้ประกอบการและลูกค้าทั่วไปพบกับ NocNoc Gift Voucher ราคาพิเศษ ให้ส่วนลดสูงสุดถึง 12% เฉพาะในงานนี้เท่านั้น! พร้อมทั้งสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย

 

“แผนการดำเนินธุรกิจของ NocNoc ในปี 2566 นี้เรายังคงมองเห็นโอกาสในการเติบโต และดีมานด์ในการซื้อสินค้าและบริการเรื่องบ้านของกลุ่มลูกค้าในโซนต่างจังหวัดในทุกๆภาคที่มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มลูกค้าคนรักบ้านที่เป็นเป้าหมายหลัก กลุ่มลูกค้าในอนาคต และ NocNoc for Business ที่เน้นกลุ่มลูกค้า B2B ประกอบกับพฤติกรรมการซื้อสินค้าแต่งบ้านที่เปลี่ยนแปลงไป ที่ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องไปเดินเลือกซื้อของแต่งบ้านในหลายๆที่ ไม่จำเป็นต้องสัมผัสสินค้าจริง เพราะทุกคนสามารถดูข้อมูลสินค้าและการใช้งานผ่านการรีวิวจากผู้ใช้งานจริงได้ ซึ่ง NocNoc สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างครอบคลุม ตั้งแต่มีสินค้าทุกเรื่องบ้านให้เลือกกว่า 500,000 รายการ มี AI ที่ช่วยเลือกสไตล์การแต่งบ้านที่ใช่และตรงใจ มีบริการทุกเรื่องบ้านให้เลือกอย่างครอบคลุม โดยสามารถ
ช้อปได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมบริการจัดส่งทั่วไทย”


Tags : เบ็ตเตอร์บี มาร์เก็ตเพลส NocNoc อนุพงศ์ ทะสดวก ศูนย์รวมสินค้าเรื่องบ้าน บ้านออนไลน์


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ทิพยประกันภัยเดินหน้าต่อยอดประสบการณ์ด้านประกันภัยรถยนต์ เปิดตัวแคมเปญใหญ่ “TIP MOTOR EXTRA PRO ประกันรถสุดปัง อลังการสุดโปร” ในงาน Motor Expo 2025 เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มองหาความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ครบวงจร พร้อมคัดสรรผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์หลากหลาย อาทิ TIP Premium Garage Plus, TIP Lady, TIP Rainbow, TIP Up to Mile และประกันรถยนต์ 2+ คุ้มทุน พร้อมทีมให้คำปรึกษา คำนวณเบี้ย และบริการต่ออายุกรมธรรม์ภายในงาน แคมเปญ “TIP MOTOR EXTRA PRO” มอบข้อเสนอสุดคุ้มสำหรับลูกค้า อาทิ • ส่วนลดเบี้ยประกันภัยสูงสุด 15% สำหรับลูกค้าใหม่ • รับของสมนาคุณ รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท • ลุ้นรับรถยนต์ MITSUBISHI XFORCE รุ่น ULTIMATE มูลค่า 1,059,000 บาท • ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน • พิเศษ! ลูกค้าที่ต่ออายุประกันภัยรถยนต์ภายในงาน รับ บัตร Lotus’s มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท ทิพยประกันภัยขอเชิญทุกท่านร่วมรับข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะงาน Motor Expo 2025 ได้ที่บูธ V07–V08 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568

30 Nov 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือ โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ ระหว่าง ธนาคารออมสิน และ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อศึกษาความเป็นอยู่และพฤติกรรมทางการเงินของกลุ่มครัวเรือนฐานรากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการเงินในระบบ ที่จะนำไปสู่การต่อยอดองค์ความรู้ จากการวิจัยในการพัฒนาระบบการเงินที่เหมาะสม ช่วยยกระดับเศรษฐกิจและความเข้มแข็งทางการเงินของภาคครัวเรือนไทย โดยมี นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และ ดร.โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่   นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ภายใต้บทบาทการเป็น Social Bank ที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางการเงินและสร้างการเข้าถึงแหล่งทุนที่เป็นธรรม ธนาคารเดินหน้าภารกิจหลักที่ 1 ในการสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงิน ซึ่งหากพิจารณาจากสถานการณ์การเข้าถึงสินเชื่อของคนไทย ปัจจุบันยังพบว่าครัวเรือนกว่าร้อยละ 30 ยังอยู่ในกลุ่ม Unserved และ Underserved โดยเป็นผู้มีรายได้น้อยและ/หรือรายได้ไม่แน่นอน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบจากการขาดประวัติเครดิตทางการเงิน และกว่าครึ่งยังต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้นและต้องเผชิญภาระดอกเบี้ยสูง ดังนั้น เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนบทบาทการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ธนาคารจึงได้จัดตั้งสถาบันวิจัยเศรษฐกิจฐานรากขึ้นเป็นครั้งแรก และได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อคิกออฟงานวิจัย “โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ” โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายของการศึกษาเป็นผู้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ที่ธนาคารได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 2568 เพื่อปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ที่มีรายได้ แต่ไม่เคยมีประวัติเครดิตทางการเงิน หรือไม่เคยใช้บริการสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินอย่างน้อย 2 ปี ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของโครงการนี้มีลักษณะตัวตน หรือ Customer Persona ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของงานศึกษาวิจัยครั้งนี้ ทั้งนี้ ธนาคารหวังว่าจะสามารถนำผลลัพธ์ของงานวิจัยไปออกแบบเครื่องมือทางการเงิน หรือมาตรการสินเชื่อที่ตรงจุด สามารถตอบโจทย์ความคาดหวัง และสร้างระบบการเงินที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมาย SDGs และสอดคล้องตามบทบาทของธนาคารเพื่อสังคม   ดร. โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เปิดเผยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการศึกษาข้อมูลเชิงลึกของลูกหนี้ภายใต้โครงการ “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” ของธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นต้นแบบสินเชื่อดิจิทัลที่เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้แต่ไม่เคยเข้าถึงสินเชื่อในระบบสามารถกู้เงินได้เป็นครั้งแรก โดยธนาคารออมสินได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยคนไทยสร้างประวัติเครดิตทางการเงินไปแล้วกว่า 200,000 ราย สะท้อนถึงความต้องการเข้าถึงสินเชื่อในระบบที่ยังมีอยู่จำนวนมาก การศึกษาครั้งนี้จึงมุ่งขยาย “ประตูสู่ระบบการเงิน” ให้กว้างขึ้น ผ่านการเก็บข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มคนที่อยู่นอกระบบเป็นครั้งแรก ใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) ปัญหาเศรษฐกิจการเงิน พฤติกรรมและความต้องการทางการเงิน 2) โมเดลผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้ลูกหนี้ชำระคืนได้จริง 3) การทดลองใช้ข้อมูลใหม่และข้อมูลทางเลือกเพื่อค้นหาตัวชี้วัดความเสี่ยงที่แม่นยำยิ่งขึ้นให้กับสถาบันการเงิน 4) การติดตามผลการเข้าถึงสินเชื่อต่อรายได้และคุณภาพชีวิตของลูกหนี้ตลอดระยะเวลา 1 ปี เพื่อนำไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสม ซึ่งผลการศึกษาจะช่วยให้ธนาคารออมสินออกแบบผลิตภัณฑ์และกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับศักยภาพของลูกหนี้ และเพิ่มโอกาสในการชำระคืน   ขณะเดียวกัน สถาบัน ฯ จะมีองค์ความรู้เชิงลึกเพื่อนำไปสนับสนุนนโยบาย Your Data และโครงการ Risk-Based Pricing ของธนาคารแห่งประเทศไทย ช่วยให้สถาบันการเงินประเมินความเสี่ยงได้โปร่งใส เป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ “เคยถูกมองไม่เห็น” เข้าสู่ระบบการเงินได้มากขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนงานวิจัยให้เกิดผลจริงต่อประชาชนฐานราก เสริมรากฐานระบบการเงินที่เข้าถึงง่าย ยั่งยืน และช่วยยกระดับศักยภาพและคุณภาพชีวิตของครัวเรือนไทยได้อย่างมั่นคงในระยะยาว  

30 Nov 2025

...

จากสถานการณ์อุทกภัยส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ของภาคใต้ โดยขณะนี้จังหวัดสงขลาประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน จึงขอแจ้งปิดทำการกรุงเทพประกันภัย สาขาหาดใหญ่ เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยลูกค้าสาขาหาดใหญ่และใกล้เคียงสามารถติดต่อบริการด้านประกันภัยได้ที่ กรุงเทพประกันภัย สาขาสุราษฎร์ธานี โทร. 0 7727 3806 ทั้งนี้ กรุงเทพประกันภัยขอแสดงความห่วงใยและเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ และเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อรับคำปรึกษาต่างๆ และแจ้งเคลมสินไหมทดแทนสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยและสถานประกอบการ รวมถึงประกันภัยรถยนต์ หรือรับบริการรถยกเพื่อเคลื่อนย้ายรถไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้ - LINE @bangkokinsurance - โทร. 1620 ตลอด 24 ชั่วโมง

25 Nov 2025

...

นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อช่วยยกระดับความสามารถในการหารายได้ของผู้ประกอบการรายเล็กบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งที่เป็นทักษะความรู้ด้านการเงินและด้านดิจิทัล โดยรัฐบาลสนับสนุนเงินเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท/ราย สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ Upskill/Reskill และได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งโครงการดังกล่าวมีหน่วยงานพันธมิตรหลายรายเป็นผู้ให้บริการเรียนรู้และพัฒนาทักษะแก่ร้านค้า โดยมีธนาคารออมสินรับผิดชอบการพัฒนาทักษะแก่ผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย “ประเภทบุคคลธรรมดา” หลักสูตร “Smart Finance Upskill : การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัส” สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าบุคคลธรรมดา เน้นให้ความรู้ทางการเงินที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการร้านค้ายุคใหม่ ประกอบด้วยเนื้อหาสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ การทำบัญชี การคิดต้นทุน เทคนิคการตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ พร้อมแบบจำลองการยื่นกู้ให้ผู้ประกอบการได้ฝึกเรียนรู้ด้วยตนเอง และสามารถนำแบบจำลองนั้นไปใช้ประกอบการยื่นกู้กับสถาบันการเงินได้ โดยผู้ที่ได้สมัครเรียนและผ่านการทดสอบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองการผ่านหลักสูตรเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการรับสิทธิ์เงินเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท ร้านค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าเรียนได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - 19 ธันวาคม 2568 ที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชม. โดยผู้ที่สำเร็จหลักสูตรตามเงื่อนไขที่กำหนด จะมีการแจ้งผลการรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ ผ่านแอปถุงเงินและข้อความ SMS ในวันที่ 23 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ธนาคารขอแนะนำโปรดหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น ซึ่งอาจทำให้ประสบปัญหาเว็บไซต์ตอบสนองช้ากว่าปกติได้ กรณีประสบปัญหาการใช้บริการ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส สามารถติดต่อที่ GSB Contact Center โทร.1115 กด 7 ตลอด 24 ชม.   นอกจากนี้ ผู้ประกอบการที่สำเร็จหลักสูตร Smart Finance Upskill แล้ว ยังมีสิทธิ์ยื่นขอกู้เงื่อนไขพิเศษกับสินเชื่อ “สร้างงานสร้างอาชีพ พลัส” โดยกดยื่นขอกู้ได้จากหน้าเว็บไซต์หลังเรียนจบหลักสูตร เพื่อเชื่อมต่อกระบวนการยื่นขอกู้ทางแอป MyMo ได้โดยสะดวก ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) = 0.75% ต่อเดือน แบบไม่มีหลักประกัน (Clean Loan) ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ธนาคารพิจารณาให้กู้ตามความจำเป็นเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนหรือเสริมสภาพคล่อง และตามความสามารถในการชำระคืน ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th    

23 Nov 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner