กบข. เข้าร่วมประเมิน ITA ประจำปี 2566 ได้ระดับผ่านและบรรลุค่าเป้าหมาย คะแนนรวม 95.45 คะแนน พร้อมนำผลการประเมินมาพัฒนา ปรับปรุงองค์กร มุ่งสู่การเป็นองค์กรแห่งธรรมาภิบาลที่เข้มแข็ง
ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. ได้เข้าร่วมโครงการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment: ITA) ประจำปี 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งผลการประเมิน กบข. อยู่ในระดับผ่านและบรรลุค่าเป้าหมาย ได้รับคะแนนรวม 95.45 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน โดยมีหน่วยงานที่เข้าร่วมประเมินทั้งสิ้น 8,323 หน่วยงานทั่วประเทศ
โดย กบข. เข้าร่วมโครงการประเมิน ITA ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ซึ่งปีนี้ ป.ป.ช. ได้มีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์การประเมินใหม่ เพื่อให้ระดับผลการประเมินสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และ กบข. ได้มีการพัฒนาเครื่องมือและแนวทางการรับรู้ของผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วน ทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ และมีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ผ่านทางเว็บไซต์ กบข. www.gpf.or.th เพื่อแสดงถึงเป้าหมายการกำกับดูแลกิจการที่ดี ทั้งด้านการลงทุน งานบริการสมาชิก และการบริหารสำนักงาน โดยเฉพาะการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน และสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อเสริมสร้างการเป็นองค์กรแห่งธรรมาภิบาลที่เข้มแข็ง ส่งผลให้ กบข. ได้รับคะแนนการประเมินสูงสุด 100 คะแนน ถึง 7 ตัวชี้วัด ทั้งในด้านการปฏิบัติหน้าที่ ด้านการใช้งบประมาณ ด้านการใช้อำนาจ ด้านการใช้ทรัพย์สินของราชการ ด้านการแก้ไขปัญหาการทุจริต ด้านการเปิดเผยข้อมูล และด้านการป้องกันการทุจริต
อย่างไรก็ตาม กบข. จะนำผลการประเมินในครั้งนี้ไปใช้ในการวางแผน ตรวจสอบ ปฏิบัติและกำกับการดำเนินงาน เพื่อยกระดับคุณธรรมและความโปร่งใส ที่ส่งเสริมให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วน ทั้งในระดับหน่วยงานและในระดับประเทศ มุ่งยกระดับดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชันของประเทศไทย อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่ง กบข. จะดำเนินงานโดยยึดหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีคุณธรรม ความโปร่งใส และตระหนักถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย รวมถึงเป็นสถาบันการลงทุนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความอย่างยั่งยืนทั้งต่อองค์กร สังคม และประเทศชาติต่อไป