Responsive image

Thursday, 16 Oct 2025

หน้าแรก > BUSINESS-MARKETING-SME / ธุรกิจ - การตลาด - เอสเอ็มอี


เคทีซีขานรับมาตรการรัฐบาล “อีซี่ อี - รีซีท” มอบสิทธิพิเศษ ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไทย

Wed 10/01/2567


เคทีซีมอบสิทธิพิเศษเอาใจนักช้อปออกแคมเปญ KTC New Year Shopping 2024 at Department Stores ช้อปคุ้มกว่ากับสิทธิ์แลกรับส่วนลดเพิ่มหรือเครดิตเงินคืนสูงสุด 18% ทุกวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ที่ห้างสรรพสินค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 35% เมื่อใช้จ่ายพร้อมรับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์สูงสุด 50,000 บาท ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 – 15 กุมภาพันธ์ 2567 จากมาตรการ “อีซี่ อี - รีซีท” หวังช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ 70,000 ล้านบาทตามความคาดหมายของรัฐบาล

นายสรชัช ศรีลมูล ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการ “อีซี่ อี – รีซีท” (Easy E-Receipt) โดยให้สิทธิ์กับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ยกเว้นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาทเพื่อกระตุ้นบริโภคภายในประเทศและคาดหวังมาตรการดังกล่าวจะช่วยให้เกิดเม็ดเงินสะพัดสู่ระบบเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า70,000 ล้านบาท เคทีซีจึงได้ออกแคมเปญ “KTC New Year Shopping 2024 at Department Stores” ร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ร่วมรายการซึ่งสามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้มอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 – 15 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อเป็นการสนับสนุนมาตรการของภาครัฐและกระตุ้นให้เกิดการบริโภคในประเทศ โดยมีรายละเอียดดังนี้

สิทธิพิเศษ แลกรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 18% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตฯ ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ร่วมรายการได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทุกสาขา / ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์และเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ทุกสาขา /  ห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม / เอ็มควอเธียร์และดิเอ็มสเฟียร์ เฉพาะโซนดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ / ห้างสรรพสินค้าพารากอน / ห้างสรรพสินค้าบลูพอร์ต หัวหิน / ห้างสรรพสินค้าสยามทาคาชิมายะ / สยามดิสคัฟเวอรี่เฉพาะในส่วนของพื้นที่โอเพ่น สเปซ (เคาน์เตอร์แบรนด์สินค้าที่ร่วมรายการ) และไอคอนสยามเฉพาะในส่วนของพื้นที่โอเพ่น สเปซ (เคาน์เตอร์แบรนด์สินค้าที่ร่วมรายการ) โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • แลกรับส่วนลดเพิ่ม 18% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์)
  • ต่อเซลส์สลิป 5,000 บาทขึ้นไป และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป
  • แลกรับส่วนลดเพิ่ม 15%  (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์)
  • ต่อเซลส์สลิป 1 - 4,999 บาท และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป
  • แลกรับส่วนลดเพิ่ม 13%  (เฉพาะวันจันทร์ - วันพฤหัสบดี)

ไม่กำหนดยอดการใช้จ่ายขั้นต่ำ และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป

ห้างสรรพสินค้าโรบินสันทุกสาขา มีรายละเอียดดังนี้

  • แลกรับส่วนลดเพิ่ม 18% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์)ยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป 4,000 บาทขึ้นไป และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป
  • แลกรับส่วนลดเพิ่ม 15%  (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์)ยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป 1 - 3,999 บาท และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป
  • แลกรับส่วนลดเพิ่ม 13%  (เฉพาะวันจันทร์ - วันพฤหัสบดี)

ไม่กำหนดยอดการใช้จ่ายขั้นต่ำ และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป

 

สิทธิพิเศษ แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 18% เมื่อมียอดใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตฯ บนช่องทางบริการสั่งซื้อสินค้าของห้างสรรพสินค้า ได้แก่  Line Chat & Shop / Facebook Live และ Personal Shopper 1425 / Central Online Application และ www.central.co.th  ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล หรือ ช่องทาง M Chat & Shop / Call To Order และ Live Personal Shopper / M Online Application และ www.monline.com ของห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์กรุ๊ป  โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • แลกรับเครดิตเงินคืน 18% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์)
  • ออนไลน์ต่อรายการสั่งซื้อ 5,000 บาทขึ้นไป และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ
  • แลกรับเครดิตเงินคืน 15% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์)
  • ออนไลน์ต่อรายการสั่งซื้อ 1 - 4,999 บาท และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ
  • แลกรับเครดิตเงินคืน 13%  (เฉพาะวันจันทร์ - วันพฤหัสบดี)
  • และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ

 

เมื่อมียอดใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตฯ บนช่องทาง Line Chat & Shop / Facebook Live และ Personal Shopper 1425 ของห้างสรรพสินค้าโรบินสัน โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • แลกรับเครดิตเงินคืน 18% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์)
  • ออนไลน์ต่อรายการสั่งซื้อ 4,000 บาทขึ้นไป และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ
  • แลกรับเครดิตเงินคืน 15% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์)
  • ออนไลน์ต่อรายการสั่งซื้อ 1 - 3,999 บาท และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ
  • แลกรับเครดิตเงินคืน 13%  (เฉพาะวันจันทร์ - วันพฤหัสบดี)
  • และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ

 

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE021235000 หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/promotion/shopping/department-store-shopping-complex/year-end-new-year สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ

หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี


Tags : เคทีซี KTC บัตรกรุงไทย บัตรเครดิตเคทีซี สรชัช ศรีลมูล เคทีซีขานรับมาตรการรัฐบาล อีซี่ อี - รีซีท มาตรการรัฐบาล อีซี่ อี - รีซีท


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นายธีรลักษ์ แสงสนิท รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการสรรหาผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ได้มีมติเห็นชอบให้ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน โดยผู้ที่สนใจสามารถยื่นใบสมัครพร้อมเอกสารหลักฐานประกอบการสมัครได้ตั้งแต่วันอังคารที่ 14 ตุลาคม - วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2568 สำหรับคุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัคร กำหนดให้ต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 58 ปีบริบูรณ์ในวันยื่นใบสมัคร สามารถทำงานให้ธนาคารได้เต็มเวลา และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามประกาศคณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สำหรับคุณสมบัติเฉพาะต้องมีความรู้ ความสามารถ ด้านเศรษฐกิจ การเงิน การตลาด และการธนาคารเป็นอย่างดี มีวิสัยทัศน์ในการบริหารจัดการองค์กร มีภาวะความเป็นผู้นำสูง มีความรอบรู้และประสบการณ์ในการบริหารจัดการองค์กร กรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองผู้บริหารสูงสุดขององค์กร และมีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งนั้นรวมกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันยื่นใบสมัคร หรือกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารจากหน่วยงานภาคเอกชน ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองผู้บริหารสูงสุดขององค์กรที่มีรายได้ขององค์กรไม่น้อยกว่า 15,000 ล้านบาทต่อปี หรือเคยบริหารกิจการที่มีสินทรัพย์ขององค์กรไม่น้อยกว่า 200,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ต้องมีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่า รองผู้บริหารสูงสุดขององค์กรนั้นต่อเนื่องกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันยื่นใบสมัคร สามารถดาวน์โหลดใบสมัครและศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.gsb.or.th โดยยื่นใบสมัครด้วยตนเอง หรือมอบให้ตัวแทนเป็นผู้ยื่น โดยมีหนังสือมอบอำนาจ พร้อมเอกสารหลักฐานประกอบการสมัครได้ที่ ส่วนสรรหาและแต่งตั้งโยกย้าย ฝ่ายบริหารงานทรัพยากรบุคคล อาคาร 32 ชั้น ชั้น 15 ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันอังคารที่ 14 ตุลาคม - วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2568 ระหว่างเวลา 09.00 – 16.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2299-8000 ต่อ 810371 - 74          

11 Oct 2025

...

ธนาคารออมสิน เตรียมจัดงานใหญ่ GSB SAVINGS FORUM 2025 เนื่องในวันออมแห่งชาติ 31 ตุลาคม 2568 ภายใต้แนวคิด “AI & AOM ออมยุคใหม่ สร้างสังคมไทยให้ยั่งยืน” เพื่อเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์ด้านการออมในโลกดิจิทัล สะท้อนการผสานพลัง “AI” (Artificial Intelligence) เข้ากับ “AOM” (การออม) ในการสร้างวินัยทางการเงินและสังคมแห่งการออมที่ยั่งยืน หนึ่งในไฮไลท์สำคัญคือ กิจกรรมประกวดออกแบบ “กระปุกออมสินแห่งโลกยุคดิจิทัล” เชิญชวนคนรุ่นใหม่ร่วมสร้างสรรค์งานออกแบบผ่าน AI Generative Tools ถ่ายทอดแนวคิดการออมในมิติใหม่ พร้อมชิงเงินรางวัลมูลค่ารวม 110,000 บาท ตอกย้ำภารกิจสำคัญของธนาคารในการส่งเสริมการออมและสร้างวินัยทางการเงินอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมประกวดออกแบบ “กระปุกออมสินแห่งโลกยุคดิจิทัล” เปิดรับผลงานจากผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป โดยผู้ที่สนใจสามารถส่งผลงานออกแบบชิ้นงานใดก็ได้ ที่สร้างสรรค์ด้วย AI Generative Tools คนละ 1 ชิ้น ขนาดไฟล์ไม่เกิน 5MB ในรูปแบบ JPEG หรือ PNG ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 15 ตุลาคม 2568 โดยธนาคารจะคัดเลือกและประกาศรายชื่อผู้ที่จะได้เข้าร่วมแข่งขันในวันที่ 21 ตุลาคม 2568 จากนั้นจะจัดการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาผู้ชนะเลิศ ในงาน GSB SAVINGS FORUM วันที่ 31 ตุลาคม 2568 (วันออมแห่งชาติ) ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ซึ่งผู้ร่วมแข่งขันจะต้องออกแบบ “กระปุกออมสิน” ภายใต้โจทย์และเวลาที่กำหนดโดยใช้ AI Generative Tools โดยการตัดสินได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากธนาคารออมสิน และผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าจากวงการ AI และโฆษณา อาทิ คุณเมธากวี สีตบุตร ผู้เชี่ยวชาญด้าน Generative AI และ Trainer ของ MidJourney และ คุณวีรยุทธ์ คุณวิทยไพศาล Executive Producer บริษัท Montage Studio และกรรมการตัดสิน Adman Awards 2023 ทั้งนี้ ผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล จำนวน 50,000 บาท รางวัลที่ 2 จำนวน 30,000 บาท รางวัลที่ 3 จำนวน 20,000 บาท และรางวัล Popular Vote จำนวน 10,000 บาท รวมมูลค่ารางวัลทั้งสิ้น 110,000 บาท ผู้สนใจสามารถสมัครและดูรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านลิงก์หรือสแกนคิวอาร์โค้ด (QR Code) ที่กำหนด   สมัครพร้อมติดตามรายละเอียดและกติกาการแข่งขันเพิ่มเติมได้ที่ Link https://forms.gle/1wHqR8V8e337M8wg8  หรือ QR Code  

06 Oct 2025

...

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้รับใบประกาศเกียรติคุณชั้นที่ 2 จากสภากาชาดไทย ในฐานะองค์กรที่ให้การสนับสนุนและความร่วมมือในการจัดหาผู้บริจาคโลหิตเป็นหมู่คณะอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการบริจาคโลหิตมาตั้งแต่ปี 2531 และจัดกิจกรรมทุก 3 เดือน เพื่อสนับสนุนการสำรองโลหิตให้เพียงพอสำหรับการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ถือเป็นการต่อชีวิตและยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในสังคม ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ตลอดระยะเวลากว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน ด้วยการเชิญชวนผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้า คู่ค้า ตลอดจนประชาชนทั่วไป เข้าร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิต รวมถึงการบริจาคอวัยวะและดวงตา เพื่อสนับสนุนภารกิจของสภากาชาดไทย อันเป็นการสืบสานเจตนารมณ์แห่งการให้และการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง

06 Oct 2025

...

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดโครงการ “Responsible Voices สำหรับ Finfluencer รุ่นที่ 2” ณ สำนักงาน ก.ล.ต. โดยมีศาสตราจารย์ ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. เป็นประธานในพิธี และได้รับเกียรติจากผู้แทนหน่วยงานกำกับทั้ง 3 หน่วยงานเข้าร่วม ซึ่งเป็นการจัดต่อเนื่องจากความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของรุ่นที่ 1 ที่สิ้นสุดไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยได้คัดเลือก Financial Influencer (Finfluencer) จำนวน 40 คน จากหลากหลายแพลตฟอร์ม เข้าร่วมอบรมในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการให้ข้อมูลด้านการเงิน การลงทุน และการประกันภัย   นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า โครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญในการสร้าง “Finfluencer เชิงบวก”  ที่สามารถนำเสนอข้อมูลด้านประกันภัย การเงิน และการลงทุนได้อย่างถูกต้อง เข้าใจง่าย และตระหนักถึงผลกระทบต่อสังคม  โดยสำนักงาน คปภ. ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการบ่มเพาะผู้สร้างสรรค์ Content ที่มีความรู้ด้านการประกันภัย เพื่อถ่ายทอดต่อไปยังประชาชนในวงกว้าง ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ผู้แทนสายกลยุทธ์องค์กร เข้าร่วมในพิธีเปิดและกิจกรรมการบรรยาย โดยสำนักงาน คปภ. ยังได้ร่วมจัด Workshop เชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “การสื่อสารด้านการประกันภัยอย่างมีความรับผิดชอบ” เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการผลิตคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน   โครงการ Responsible Voices สำหรับ Finfluencer รุ่นที่ 2 จัดขึ้นภายใต้การร่วมมือของทั้ง 3 หน่วยงานกำกับดูแล โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ Financial Influencer (Finfluencer) จากภาคการเงิน การลงทุน และประกันภัย มีความรู้ความเข้าใจ และสามารถเผยแพร่ข้อมูลให้แก่ผู้ติดตามได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ยกระดับสู่การเป็น Finfluencer ที่นำเสนอข้อมูลอย่างมีความรับผิดชอบ และคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อผู้ติดตามและสังคม รวมทั้งขยายผลสู่การสร้างความตระหนักต่อผู้ประกอบธุรกิจที่มีการสื่อสารผ่าน Finfluencer ซึ่งจากความสำเร็จในรุ่นที่ 1 กลุ่ม Finfluencer ได้ระดมความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ และร่วมกันจัดทำเนื้อหาด้านการเงิน การลงทุน และประกันภัยในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย   โดยผู้ที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการฯ ในรุ่นที่ 1 มีผู้ติดตาม (followers) จำนวนรวมมากกว่า 14 ล้านคน ซึ่งสะท้อนถึงพลังของการสื่อสารและสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ Finfluencer ให้ตระหนักถึงบทบาทของตนเองในการให้ข้อมูลอย่างมีความรับผิดชอบ และมีการช่วยเหลือกันภายในเครือข่าย เพื่อส่งเสริมให้เกิดสังคมการให้ข้อมูลที่มีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งร่วมเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่กระจายข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์จากหน่วยงานกำกับดูแลทั้ง 3 แห่ง ไปสู่ประชาชนในวงกว้าง จึงเป็นที่มาของการดำเนินการต่อเนื่องในรุ่นที่ 2 โดยยังคงยึดเป้าหมายในการส่งเสริมการสื่อสารด้วยเสียงที่สร้างสรรค์และมีความรับผิดชอบ เพื่อเสริมสร้างกลไกการคุ้มครองผู้ลงทุนและประชาชนให้เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน   ทั้งนี้ โครงการ Responsible Voices สำหรับ Finfluencer รุ่นที่ 2 จะจัดขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคม และวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ณ สำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งเนื้อหาการอบรมแต่ละครั้งจะเป็นการบรรยาย การระดมความคิด และการทำ Workshop โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากทั้ง 3 หน่วยงานกำกับดูแล ครอบคลุมหัวข้อความรู้เกี่ยวกับการสื่อสารด้านการเงิน การลงทุน และการประกันภัยที่เหมาะสม การอัปเดตสถานการณ์ทางการเงิน การลงทุน และประกันภัย เพื่อนำความรู้ความเข้าใจที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ในการจัดทำและนำเสนอ Content ที่ถูกต้อง รวมทั้งสร้างหลักคิดที่ชวนให้ตระหนักรู้เกี่ยวกับการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย  ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการตามเกณฑ์ที่กำหนดจะได้รับประกาศนียบัตรเพื่อรับรองการเข้าร่วมโครงการ  

06 Oct 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner