Responsive image

Sunday, 28 Dec 2025

หน้าแรก > BUSINESS-MARKETING-SME / ธุรกิจ - การตลาด - เอสเอ็มอี


“ซูเลียน” ชูทิศทางเบอร์ 1 ธุรกิจเครือข่าย “ที่เป็นไปได้มากที่สุด” ยกระดับศักยภาพองค์กร เติบโตสู่ปีที่ 27 อย่างยั่งยืน

Tue 12/03/2567


บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ซูเลียน (Zhulian) ผู้ดำเนินธุรกิจตลาดเครือข่าย (Multi-Level Marketing) ประกาศจุดยืนความตั้งใจเป็นที่หนึ่งธุรกิจตลาดเครือข่าย เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจที่เป็นไปได้มากที่สุด วางทิศทางการทำงานปี 2024 ปรับแผนการดำเนินธุรกิจ ให้ผู้จัดจำหน่ายของซูเลียน บรรลุถึงผลสำเร็จ สามารถขยายเครือข่ายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว มีรากฐานที่มั่นคง พร้อมมุ่งรักษาคุณภาพสินค้า และพัฒนาสินค้าใหม่ตอบโจทย์สุขภาพ เดินหน้าสร้างฐานสมาชิกใหม่เสริมเทคโนโลยี นำช่องทางการขาย “Zhulian Shopping Online”เชื่อมต่อการทำธุรกิจออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อยกระดับชีวิตที่มีคุณภาพ และโอกาสทางธุรกิจให้ก้าวอย่างไม่หยุดยั้ง ก้าวสู่ปีที่ 27 พร้อมการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา ประธานกรรมการ บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวย้อนถึงจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจตลาดเครือข่าย (Multi-Level Marketing) ของ ‘ซูเลียน’ ว่า เกิดจากความตั้งใจในการเสริมสร้างสังคมให้มีสุขภาพแข็งแรง ด้วยสินค้าดี มีคุณภาพ และตอบโจทย์กับชีวิตประจำวันของคนไทยทุกคน ทั้งยังมุ่งมั่นสร้างโอกาสสร้างงาน และกระจายรายได้ผ่านการจัดจำหน่ายสินค้าโดยผู้จัดจำหน่ายซูเลียน ปัจจุบัน ซูเลียนประสบความสำเร็จจนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำธุรกิจขายตรง ที่มีสมาชิกรวมกันกว่า 5 ล้านรหัส และตัวแทนจำหน่ายร่วม 100 กว่าแห่งทั่วประเทศ

 

“ตลอดระยะเวลาการทำงานเข้าสู่ปีที่ 27 นี้ บุคลากรของซูเลียนทุกคนดำเนินงานภายใต้คำขวัญเดียวกัน นั่นคือ ‘ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ มีคุณธรรม’ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า เราให้ความสำคัญ และจริงใจต่อทุกผลิตภัณฑ์ มีการคัดสรร สรรพคุณอันเป็นประโยชน์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสุขภาพที่ดีที่สุดภายใต้เครื่องหมายการค้าซูเลียน”

 

ดร.ปิยะวัฒน์  กล่าวเพิ่มเติมว่า  ในปัจจุบัน ซูเลียนมีอัตราการเติบโตประมาณ 20% หลังจากผ่านพ้นช่วงวิกฤติโควิด ขณะนี้บริษัทมียอดขายโดยรวมอยู่ที่กว่า 4 พันล้านบาทต่อปี  และคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ  โดยซูเลียนได้ขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้ง ลาว , กัมพูชา และเมียนมาร์

 

ซึ่ง นายณัฐชานนท์ จุลล์จักรวงศา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวสนับสนุนหลักคิดดังกล่าวว่า ซูเลียนวางทิศทางการทำธุรกิจในปี 2024 ไว้หลายด้าน ประการแรกเรายังมุ่งรักษาคุณภาพสินค้าด้วยมาตรฐานระดับสูง ไปพร้อมกับการพัฒนาสินค้าใหม่ อาทิ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (Health Product) จากส่วนประกอบธรรมชาติ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้คนในปัจจุบันควบคู่กับสินค้าที่เป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว ทั้งผลิตภัณฑ์กลุ่มบ้านและที่อยู่อาศัย (Home Care), ผลิตภัณฑ์เพื่อร่างกาย (Personal Care), เข็มขัด M-belt ส่วนในด้านการสนับสนุนผู้จัดจำหน่ายซูเลียน ยังคงรักษาระบบการสร้างคุณค่าด้วยมูลค่าจากผลลัพธ์ของการทำงาน โดยมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจ เพื่อสรรสร้างผู้จัดจำหน่ายที่มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น มีการจัดฝึกอบรมในด้านทักษะการเป็นผู้นำ เพื่อยกระดับชีวิตที่มีคุณภาพ และโอกาสทางธุรกิจให้ก้าวอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างรายได้ และโอกาสทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปอย่างยุติธรรม การันตีได้ว่าการเป็นผู้จัดจำหน่ายของซูเลียน คือโอกาสทางธุรกิจที่ให้หลักประกันความมั่นคงทางการเงินได้ในระยะยาว

 

“ซูเลียนมีการวางรากฐานระบบเครือข่ายที่แข็งแกร่งมาร่วม 2 ทศวรรษ ด้วยการกระจายความมั่นคงผ่านฐานผู้บริโภคที่มีตัวตนจริงในพื้นที่ดูแลของเอเจนซี่ทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน เราได้ให้ความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในปัจจุบันเช่นกัน โดยมีโจทย์เพิ่มฐานนักธุรกิจรุ่นใหม่เข้ามารับช่วงต่อการเติบโตในอนาคต เป้าหมายที่เราวางไว้ มีทั้งสิทธิในการส่งต่อธุรกิจไปยังรุ่นลูก รวมถึงมีการปรับภาพลักษณ์ การลงทุนใหม่ ๆ เพื่อยกระดับศักยภาพขององค์กร เช่น ลงทุนพัฒนาคนผ่านการอบรมทางวิชาชีพ การเสริมประสิทธิภาพระบบจัดส่งสินค้าที่ทันสมัย

“หรือแม้แต่การนำเครื่องมือออนไลน์มาใช้ขับเคลื่อนให้นักธุรกิจทำงานง่ายและเป็นมืออาชีพมากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y เปลี่ยนมุมมองว่างานขายตรงเป็นอีกแขนงอาชีพที่มีคุณค่า และช่วยให้ประสบความสำเร็จได้จริง” นายณัฐชานนท์ กล่าว

 

ซึ่งด้านของ นางสาวอรวรางค์ จุลล์จักรวงศา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ประเทศไทย บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด ได้เผยว่า ปัจจุบัน ซูเลียน ได้พัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายทางออนไลน์ หรือ ‘Zhulian shopping Online’ เพื่อรองรับกับการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล ทำให้นักธุรกิจของเราสามารถสั่งซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดาย สะดวกสบาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ด้วยการจัดส่งที่ได้มาตรฐาน และยังเป็นโครงสร้างสำคัญที่ต่อยอดความมั่นคงของบริษัทฯ ให้พร้อมกับการทำตลาดในปี 2024 นี้ ผ่านเทรนด์การเชื่อมต่อธุรกิจแบบออฟไลน์และออนไลน์

“วิธีคิดของซูเลียนคือมองเป้าหมายว่าจะผลักดันองค์กรอย่างไร ให้การขายตรงสามารถเดินหน้าสอดคล้องไปกับโลกในยุคใหม่ เราจึงมีทั้งการประยุกต์นำเทคโนโลยีมาใช้ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถให้นักธุรกิจใช้เทคโนโลยีอย่างคล่องแคล่ว เพื่อโอกาส และประโยชน์สูงสุดของการทำงาน ก็คือเทคโนโลยีจะเข้าไปแทรกในหลาย ๆ กระบวนการทำงานของนักธุรกิจ สั่งของได้สะดวกขึ้น เร็วขึ้น วางแผนง่ายขึ้น แต่การขายไปถึงมือของ End-user จะยังเป็นลักษณะของการเผชิญหน้าเพื่อให้คำแนะนำ-บอกข้อดีของสินค้าโดยตรงอยู่เช่นเดิม”

 

 

ทั้งนี้ ปัจจุบันภาพรวมของ ซูเลียน (ประเทศไทย) ยังคงมีการเติบโตในตลาดขายตรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแบบชงดื่มเพื่อสุขภาพ ‘คอฟฟี่พลัส กาแฟผสมโสม’ สินค้าอันดับ 1 ของบริษัทฯ ที่มียอดขายมากกว่า 10 ล้านซองต่อปี และมียอดขายผลิตภัณฑ์รวม 2,000 ล้านบาทต่อปี มีการเดินหน้าขยายการเติบโตครอบคลุมในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถรองรับการเติบโตเป็นเครือข่ายที่สร้างโอกาสทางธุรกิจที่เป็นไปได้มากที่สุด   เพื่อสร้างสินค้าและสังคมที่มีคุณภาพ พร้อมสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้ทรงคุณค่าและดำรงอยู่ตลอดไป ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ

 


Tags : ซูเลียน ซูเลียนประเทศไทย ดร.ปิยะวัฒน์จุลล์จักรวงศา ณัฐชานนท์จุลล์จักรวงศา อรวรางค์จุลล์จักรวงศา ซูเลียนแถลงข่าว


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น (SOE Awards) ประจำปี 2568 ให้แก่ธนาคารออมสิน โดยมีผู้แทนรับมอบรางวัลได้แก่ รศ.ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการธนาคารออมสิน พร้อมด้วย นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และผู้บริหาร ซึ่งเป็นปีที่ธนาคารออมสินได้รางวัลในระดับดีเด่นและเกียรติยศ ครบทั้ง 8 ประเภทรางวัลที่ธนาคารได้รับ จัดขึ้นโดยคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568     นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในปี 2568 นี้ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ได้พิจารณามอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นแก่ธนาคารออมสิน จำนวน 8 รางวัล ประกอบด้วย 1) รางวัลเกียรติยศรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม ธนาคารได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง โดยเป็นรางวัลที่มอบให้กับรัฐวิสาหกิจที่มีความโดดเด่นและมีมาตรฐานการดำเนินงานทุก ๆ ด้าน สามารถตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของประชาชน     2) รางวัลเกียรติยศคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง จากการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ และผลักดันการบริหารงานให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี 3) รางวัลเกียรติยศการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 7 ต่อเนื่อง จากการรักษามาตรฐาน การบริหารจัดการเพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำพาองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ   4) รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น ที่มอบให้แก่นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผลงานเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน 5) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจดิจิทัล จากการสร้างสรรค์และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาองค์กร ในมิติต่าง ๆ พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล 6) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจยั่งยืน จากการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ จนเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม     7) รางวัลการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น โดยได้รับจากผลงานความสำเร็จของโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบองค์รวม (Holistic Area-Based Development) - โครงการลิบงสุขใจ ออมสินพัฒนา อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 8) รางวัลความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น จากโครงการ GEN AI Branch Assistant : ผู้ช่วยสาขาอัจฉริยะ ที่ธนาคารพัฒนาขึ้นโดยการนำ AI มาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของสาขา   นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของบุคลากรธนาคารออมสินทุกคนในการรักษามาตรฐานการบริหารจัดการองค์กรในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส และการให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล ควบคู่กับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “ธนาคารเพื่อสังคม” เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกและความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว    

26 Dec 2025

...

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับ เอ ไลฟ์ (ALive Powered by AIA) โดยบริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด ส่งความห่วงใยถึงคนไทยทั่วประเทศในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569 มอบแคมเปญ “ฟรี!!! ประกันอุบัติเหตุ กรมธรรม์ประกันภัยอุ่นใจข้ามปี” โดยมอบกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่ (ไมโครอินชัวรันส์) ฟรีให้แก่ประชาชนทั่วไป ระยะเวลาคุ้มครองนาน 30 วัน ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริงสูงสุด 5,000 บาท* เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมเพิ่มความอุ่นใจสำหรับการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนาเพื่อไปฉลองกับครอบครัว ซึ่งแคมเปญดังกล่าวยังเป็นการขานรับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อีกทั้งยังสานต่อพันธกิจของเอไอเอที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives ทั้งนี้ สำหรับประชาชนทุกคนที่สนใจขอรับกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มฟรี สามารถลงทะเบียนรับสิทธิออนไลน์ได้ง่าย ๆ เพียงไปที่เว็บไซต์ https://aiathailand.info/panyPR  ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2568 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2569   หมายเหตุ: *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด กำหนด

20 Dec 2025

...

รายงานข่าวจากธนาคารออมสิน ขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า ประเภทบุคคลธรรมดา ที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และยังไม่ได้ลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill ขอให้เร่งสมัครผ่านเว็บไซต์ของธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากขณะนี้เหลือเวลาเพียง 4 วันสุดท้าย ที่สามารถลงทะเบียนและเรียนให้จบหลักสูตร เพื่อรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ นับจากวันที่พัฒนาทักษะสำเร็จจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 สูงสุดไม่เกินรายละ 2,000 บาท หลักสูตร Smart Finance Upskill การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัสเป็นการเรียนออนไลน์กับธนาคารออมสิน ภายใต้โครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย ประเภทบุคคลธรรมดา มุ่งเสริมทักษะทางการเงินที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจ ครอบคลุมการทำบัญชี การคิดต้นทุน การตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ ผู้ที่เรียนจบและผ่านเกณฑ์ จะได้รับประกาศนียบัตรและรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐตามเงื่อนไขที่กำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 กด 7

19 Dec 2025

...

ธ.ก.ส. เร่งให้ความช่วยเหลือทหาร และ ตชด. วีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา โดยให้ความช่วยเหลือกับทหาร และ ตชด. ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือบิดา - มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต โดยยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกหนี้ และลดภาระให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชาได้กลับมาตึงเครียดในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี ตราด และสระแก้ว ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของเกษตรกรลูกค้าของธนาคาร โดยปัจจุบันมีทหารที่เป็นสมาชิกครอบครัวของลูกค้า ธ.ก.ส. เสียชีวิต และเพื่อให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกค้า ธ.ก.ส. และเป็นการลดภาระเพื่อให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง คณะกรรมการธนาคาร โดย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. ได้มีมติในการประชุมวันนี้ (9 ธันวาคม 2568) ให้ความช่วยเหลือลูกค้า กรณีทหาร หรือตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือแก่บิดา มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยธนาคารจะยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้ให้ความช่วยเหลือครอบครัวทหารไปแล้ว จำนวน 7 ราย ธ.ก.ส. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา คนข้างหลังไม่ต้องกังวล ธ.ก.ส. อยู่เคียงข้างและพร้อมก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง  

14 Dec 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner