Responsive image

Saturday, 19 Jul 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


กรุงเทพประกันชีวิตกับภารกิจปั้น The Most Caring Brand แบรนด์ที่ “ใส่ใจ” ดูแลลูกค้ามากกว่าแค่การประกันชีวิต

Sun 17/03/2567


กรุงเทพประกันชีวิต ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยภาพลักษณ์ทันสมัย เดินหน้าสร้าง The Most Caring Brand ผ่านการสำรวจมุมมองลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ พบจุดแข็งที่เหนือกว่าด้วย BLA Every Care บริการเสริมด้านสุขภาพที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดทุกช่วงเวลา จนได้รับการยอมรับให้เป็นแบรนด์ที่ “ใส่ใจ”  ดูแลลูกค้ามากกว่าแค่การประกันชีวิต เตรียมสานต่อปี 2567 ด้วย 3 แคมเปญใหญ่และกิจกรรม CRM ตลอดปี

 

นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ได้กำหนดแผนกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนแบรนด์กรุงเทพประกันชีวิตให้ก้าวสู่ The Most Caring Brand หรือ แบรนด์ที่เข้าใจ จริงใจ ใส่ใจ และดูแลลูกค้ามากกว่าแค่การประกันชีวิต เพื่อเป้าหมายในการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้พันธกิจที่มุ่งมั่นจะเป็นผู้นำในการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับคนไทยทุกคน ด้วยการให้คำแนะนำด้านการวางแผนทางการเงิน และการบริการที่ประทับใจผ่านตัวแทน คู่ค้า และพนักงาน อย่างมืออาชีพ

ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นของการวางเป้าหมายเป็น The Most Caring Brand มาจากการทำ Brand Survey ผ่านกระบวนการ Focus Group คนหลายกลุ่ม โดยสิ่งที่ค้นพบคือผู้บริโภคมีความรู้สึกถึงความใส่ใจในการให้บริการของกรุงเทพประกันชีวิต โดยเฉพาะด้านสุขภาพ BLA Every Care บริการเสริมที่ดูแลลูกค้าได้มากกว่าและถือเป็นจุดแข็งที่แตกต่างจากประกันชีวิตรายอื่น

“คำว่า ใส่ใจ หรือ caring มีความหมายที่ลึกซึ้งในมุมมองของผู้บริโภค เป็นสิ่งที่ลูกค้ารู้สึกว่าเราให้เกินความคาดหวัง ซึ่ง ใส่ใจ ต้องเริ่มจากคำว่า เข้าใจ และจริงใจก่อน เช่น เมื่อพูดถึงประกัน ลูกค้าจะมองที่เรื่องการเคลมเป็นหลัก เมื่อซื้อประกันแล้วไม่สบาย ต้องเคลมได้ ครบถ้วน รวดเร็ว จากการที่ทำสำรวจมา ทำให้เข้าใจได้ว่า ลูกค้ามองว่าเราสามารถดูแลได้มากกว่า เช่น บริการเสริมต่างๆ ที่ช่วยดูแลหลังจากออกจากโรงพยาบาล หรือการดูแลช่วงพักฟื้น ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจที่เราอยากให้เค้ามีสุขภาพที่แข็งแรง” นางสาวอรนาฏกล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่า

กรุงเทพประกันชีวิตต้องการสื่อสารแบรนด์ด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและเป็นมิตรมากขึ้น โดยเชื่อว่าการเป็น The Most Caring Brand จะทำให้องค์กรเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนเพราะเป็นสิ่งที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งปีนี้ กรุงเทพประกันชีวิตยังเดินหน้าต่อยอดจุดแข็งที่ทำมาตลอดหลายปีด้วยการพัฒนาแบบประกันสุขภาพใหม่ๆที่ตอบโจทย์ และบริการเสริมใหม่ๆจาก  BLA Every Care ที่จะออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

 

สำหรับกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อการสร้างแบรนด์ในปี 2024 ได้ตั้งเป้าหมายการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่  2 กลุ่ม คือ  1. กลุ่มคนอายุ 30-45 ปี ที่อยู่ในช่วงชีวิตที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลง คือ กำลังสร้างครอบครัว แต่งงาน มีลูก จึงมีมุมมองเรื่องความมั่นคงทางการเงิน และมองหาหลักประกันในชีวิต  2. กลุ่มคนวัยเริ่มทำงานอายุ 25-35 ปีที่กำลังสร้างตัวและต้องการบริหารจัดการวางแผนทางการเงินตั้งแต่เริ่มต้น รวมทั้งมีความกังวลต่อการเจ็บป่วยซึ่งเริ่มปรากฎในกลุ่มคนอายุน้อยมากขึ้น โดยจะสื่อสารผ่านการทำ content ที่เป็นเรื่องราวดีๆและเป็นประโยชน์ รวมทั้งเรื่องราวความประทับใจจากลูกค้า

“แคมเปญ “ใส่ใจ” ที่จะทำในปีนี้ มี 3 โครงการใหญ่ คือ ภาพยนตร์โฆษณาซึ่งน่าจะออกในช่วงครึ่งปีหลัง โครงการใส่ใจสตอรี่ คือ คลิปวีดีโอ เรื่องเล่าจากลูกค้าจริงที่ประทับใจในความใส่ใจที่กรุงเทพประกันชีวิตมีให้ เป็นโครงการต่อเนื่องจากที่ทำไปในปีที่แล้ว 4 ตอนจากทั้งหมด 12 ตอน  โดยได้ผลตอบรับที่ดีด้วยจำนวนผู้ชมรวมกว่า 6 ล้านวิว และ การ collaborations กับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ลูกค้ารับรู้เรื่องความใส่ใจจากแบรนด์ รวมถึงการที่ให้ลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งของการใส่ใจ สังคม สิ่งแวดล้อม เด็กยากไร้ที่จะเป็นอนาคตของชาติ และผู้สูงอายุที่จะกลายเป็นคนกลุ่มใหญ่ในสังคมคนไทย ผ่านการทำ CSR มากขึ้น

“เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เรายังเปิดตัวกิจกรรม CRM ใหม่เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ตาม Lifestyle ที่ลูกค้าชื่นชอบ 5 ด้าน ได้แก่ 1 Heath มอบ package ตรวจสุขภาพ และ บริการเสริมด้านสุขภาพบางตัวมาให้กับลูกค้าที่ไม่ได้ซื้อประกันสุขภาพด้วยเช่นกัน 2 Travel  ซึ่งอยู่ใน Lifestyle ของทุกคน 3 Personalized สิทธิพิเศษเฉพาะบุคคล ที่ออกแบบสิทธิประโยชน์มาเพื่อสร้างความประทับใจในโอกาสพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น วันเกิด วันแต่งงาน วันคลอดลูก วันที่ลูกรับปริญญา 4 Edutainment คอร์สสัมมนาเสริมความรู้ให้ลูกค้าเราในด้านสุขภาพกายใจและความมั่งคั่ง ด้วยรูปแบบที่น่าสนใจ และ 5 Exclusive Experience การสร้างประสบการณ์พิเศษเฉพาะลูกค้า โดยร่วมกับสยามพิวรรธน์จัดกิจกรรมพิเศษมากมายซึ่งอยากให้ทุกคนได้ติดตามตลอดปีนี้” นางสาวอรนาฏกล่าวในที่สุด

 

 


Tags : กรุงเทพประกันชีวิต อรนาฎ นชะพงษ์ แผนประกันชีวิตกรุงเทพประกันชีวิต กรุงเทพประกันชีวิตเดินหน้าสร้าง The Most Caring Brand BLA Every Care


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank โดย นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 MCOT HD เมื่อเร็ว ๆ นี้      

14 Jul 2025

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้ธนาคารออมสินจัดทำมาตรการแก้ไขหนี้รายย่อยในโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยประชาชนในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยไม่มีหลักประกัน ที่มีสถานะหนี้เสีย (NPLs) จำนวนรวมกว่า 500,000 บัญชี ให้สามารถหลุดพ้นจากประวัติหนี้เสีย โดยธนาคารจะดำเนินการทันทีเพื่อที่ในอนาคตลูกหนี้จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้นเมื่อมีความจำเป็น โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการปิดบัญชีหนี้ ตัดหนี้สูญ และไม่ติดตามหนี้ ของลูกหนี้ NPLs จำนวนกว่า 200,000 บัญชี ในโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐที่ได้รับงบประมาณชดเชยแล้ว ระยะที่ 2 ธนาคารจะทยอยดำเนินการปิดบัญชีหนี้แก่ลูกหนี้ NPLs โครงการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 จำนวนกว่า 300,000 บัญชี ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับมาตรการปลดหนี้สินเชื่อตามโครงการของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้แล้วเป็นจำนวนกว่า 1.3 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมกว่า 11,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้รายย่อย และช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางให้สามารถประคับประคองสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวให้เดินต่อได้ มุ่งเน้นดำเนินการเพียงครั้งเดียวเพื่อไม่ให้ลูกหนี้ต้องเสียวินัยทางการเงิน และยังสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้อีกในอนาคต  

07 Jul 2025

...

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ปรับปรุงแนวทางการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาประกันภัยระยะสั้น พร้อมทั้งทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณเงินกองทุนด้านความเสี่ยง เพื่อยกระดับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นการพิจารณาข้อมูลในระดับประเภทการรับประกันภัยแทนการพิจารณาภาพรวมทั้งบริษัท เพื่อให้การประเมินภาระผูกพันและการจัดสรรเงินกองทุนมีความละเอียด แม่นยำ และสอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยงที่แท้จริงยิ่งขึ้น โดยระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง และจัดการประชุมชี้แจงไปเมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2568 รวมทั้งได้จัดการประชุมกลุ่มย่อยเชิงเทคนิค (Focus Group) เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้งนี้ ในการประชุมฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับสำรองเบี้ยประกันภัย ได้แก่ 1. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย 2. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต และ 3. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดประเภทและชนิดของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคำนวณเงินกองทุนของบริษัทประกันวินาศภัย สำหรับหลักการที่ได้มีการปรับปรุง คือ ปรับปรุงวิธีการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัย และเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงจากสำรองเบี้ยประกันภัย จากเดิม พิจารณาที่ระดับผลรวมทั้งหมดของสัญญาประกันภัยระยะสั้น เปลี่ยนเป็น พิจารณาที่ระดับประเภทการรับประกันภัย  ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะเผยแพร่ประกาศอย่างเป็นทางการในลำดับถัดไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ดังนั้น บริษัทประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันเริ่มมีผลบังคับใช้

07 Jul 2025

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner