Responsive image

Friday, 01 Nov 2024

หน้าแรก > BUSINESS-MARKETING/ธุรกิจ-การตลาด-ขายตรง-SME


เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง จับมือ กรุงศรี ลงนามข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ นำนวัตกรรมเสริมแกร่งธุรกิจ ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net Zero มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

Tue 14/05/2567


เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง (บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด) และ กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในการนำนวัตกรรมของเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง ผสานกับความเป็นผู้นำภาคการเงินเพื่อความยั่งยืนของกรุงศรี เร่งดำเนินการสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Green House Gas Emissions) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศให้เปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ความร่วมมือระหว่างสององค์กรในครั้งนี้มีเป้าหมายร่วมกันที่จะศึกษา พัฒนา สรรหา และให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Net Zero Building Materials ของวัสดุก่อสร้าง และโซลูชันต่างๆ ตลอดจน Construction Platform ที่เหมาะสมกับประเทศไทย เพื่อเตรียมความพร้อมในการมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ทั้งในแง่ของการ Decarbonization ของวัสดุก่อสร้าง และการพัฒนาวัสดุก่อสร้างที่เป็น Carbon Sink Based Product ตลอดจนการพัฒนาระบบการก่อสร้างที่จะทำให้มี Carbon Footprint ในองค์รวมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะได้นำผลของการดำเนินการต่อยอดสู่การพัฒนาโครงการให้ครบทั้ง Ecosystem เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม และยกระดับการอยู่อาศัยของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น

 

นายวิโรจน์ รัตนชัยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง กล่าวว่า “สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ ESG ในการดำเนินธุรกิจของเอสซีจีโดยตรง ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิงมุ่งเสาะหา และพัฒนานวัตกรรมวัสดุก่อสร้างคาร์บอนต่ำ โซลูชันการอยู่อาศัยที่ทำให้เจ้าของบ้าน หรือเจ้าของโครงการลดการใช้พลังงาน รวมถึงกระบวนการก่อสร้างทางเลือกที่ทำให้การก่อสร้างในอนาคตลดการปล่อยคาร์บอนได้มากขึ้น”

“การลงนามในวันนี้เป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของ เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง และ กรุงศรี ในการใช้จุดแข็งของทั้ง 2 ธุรกิจมาพัฒนาต่อยอดสู่เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นพันธกิจของสังคมโลก เราหวังว่าแผนงานสำคัญที่ได้จากโครงการนี้จะมีส่วนสำคัญในการสร้างองค์ความรู้ ยกระดับศาสตร์การใช้วัสดุก่อสร้างเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีขึ้น และสนับสนุนให้เกิดการผลิตวัสดุคาร์บอนต่ำมากยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ในการผลักดันให้เกิดนโยบาย หรือแผนงานที่มุ่งสู่ความเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญเพื่อโลกที่ยั่งยืนให้กับหลายๆ หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ต่อไปในอนาคต” นายวิโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย

ด้านนายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยวิสัยทัศน์ของกรุงศรีสู่การเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ยั่งยืนที่สุดในประเทศไทย กรุงศรี ยินดีอย่างยิ่งในการสนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินงานของเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยความร่วมมือครั้งนี้ มีเป้าหมายในการช่วยส่งเสริมกระบวนการสร้างสรรค์โซลูชันรูปแบบใหม่ เพื่อยกระดับมาตรฐานงานก่อสร้างให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเร่งขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net Zero ได้อย่างชัดเจนและยั่งยืน”

“กรุงศรีในฐานะผู้นำด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน (ESG Finance) จะช่วยเสริมสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสภาวะวิกฤตทางสภาพภูมิอากาศ และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง ผ่านกิจกรรมส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ โดยใช้จุดแข็งของทั้งสองบริษัทให้คำแนะนำแบบครบวงจรเกี่ยวกับโซลูชันด้านการก่อสร้างและการเงินที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้กับบุคคลทั่วไป และผู้ประกอบการในห่วงโซ่ธุรกิจ การสนับสนุนการจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) ผ่านเครือข่าย MUFG เพื่อขยายโอกาสในการทำธุรกิจ และเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ รวมไปถึงการร่วมแสวงหาโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อความยั่งยืน เพื่อช่วยสนับสนุนความสำเร็จในการลดการปล่อยคาร์บอนทั้งกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้ทั้งสองบริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมที่จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของสังคมไทย และขับเคลื่อนประเทศสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในอนาคตต่อไป”


Tags : เอสซีจี เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง กรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กรุงศรีอยุธยา วิโรจน์ รัตนชัยสิทธิ์ ไพโรจน์ ชื่นครุฑ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนในการช่วยเหลือประชาชนลดภาระหนี้ โดยเฉพาะผู้มีหนี้ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง จึงมอบหมายให้ธนาคารออมสินช่วยเหลือลูกหนี้โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) ที่มีสถานะเป็นหนี้เสีย หรือ NPLs เพื่อไม่ให้เสียประวัติเครดิต และเข้าถึงการกู้เงินในระบบสถาบันการเงินได้เป็นปกติ ซึ่งที่ผ่านมาได้ทยอยจัดสรรงบประมาณชดเชยค่าเสียหายจากหนี้เสียให้ธนาคารมาชำระหนี้แทนลูกหนี้ โดยในปี 2567 ดำเนินการชำระหนี้แทนลูกหนี้แล้ว 2 ครั้ง ช่วยปลดหนี้ให้ลูกหนี้จำนวนกว่า 720,000 ราย และล่าสุด ธนาคารได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมจากรัฐบาล จึงดำเนินการชำระหนี้และปิดบัญชีให้ลูกหนี้เพิ่มเติมทันที อีกกว่า 110,000 ราย รวมดำเนินการทั้งสิ้น 3 ครั้ง สามารถปลดหนี้ให้ลูกหนี้ได้แล้วกว่า 830,000 ราย คิดเป็นมูลค่าเงินต้นรวมกว่า 5,800 ล้านบาท ทั้งนี้ ขอขอบคุณรัฐบาลที่ได้สนับสนุนงบประมาณให้ดำเนินการดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลังที่ให้ธนาคารออมสินดำเนินงานโดยไม่เน้นกำไรสูงสุด มีกำไรในระดับที่เหมาะสม (Responsible Profit) และขยายการช่วยเหลือสังคมได้มากขึ้นในทุกมิติ อนึ่ง มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สถานะ NPLs ของโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 ซึ่งเป็นการช่วยเหลือที่ดำเนินการเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เสียวินัยทางการเงิน โดยรัฐบาลมีนโยบายผลักดันการแก้ปัญหาหนี้ประชาชนทุกกลุ่มให้ประสบความสำเร็จและยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติ  

30 Oct 2024

...

  เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นตัวแทนรับรางวัล Insurance Asia Awards 2024 ในสาขา International Life Insurer of the Year - Thailand จากนิตยสาร Insurance Asia ซึ่งได้คัดเลือกบริษัทประกันชีวิตจากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีความโดดเด่นในการดำเนินงาน ทั้งในด้านการบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม ตลอดจนการคิดค้นนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์และโซลูชันด้านประกันชีวิตและสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ รางวัล Insurance Asia Award 2024 ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของเอไอเอ ประเทศไทย ซึ่งสะท้อนถึงมาตรฐานการให้บริการและความเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรม เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศ อีกทั้งยังตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอที่ต้องการสนับสนุนผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’

29 Oct 2024

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีมติให้ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี และเพื่อเป็นการสนองนโยบายรัฐบาลในการลดภาระทางการเงินของประชาชนในช่วงนี้ ล่าสุด ธนาคารออมสิน จึงประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ประกอบด้วย ดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำประเภทเงินกู้ที่มีระยะเวลา (MLR) ลดลงเหลือ 6.900% ต่อปี และดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ลดลงเหลือ 6.745% ต่อปี ส่วนดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อย (MRR) ที่มีการลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะครบกำหนดมาตรการในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 นี้ ก็จะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน อยู่ที่อัตรา 6.595% ต่อปี และเป็นอัตราดอกเบี้ย MRR ที่ต่ำสุดเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ถือเป็นการปรับลดดอกเบี้ย MRR ครั้งที่ 3 ของปีนี้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก จะยังคงตรึงดอกเบี้ยไว้ในอัตราเดิมให้ได้นานที่สุด เพื่อให้ประชาชนมีรายได้จากอัตราดอกเบี้ย ภายใต้ภารกิจเพื่อสังคมในการมุ่งส่งเสริมการออม ตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทในครั้งนี้ เป็นการช่วยเหลือลูกค้าเงินกู้ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มฐานราก และกลุ่ม SMEs ในการลดภาระต้นทุนทางการเงิน ให้มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนโดยตรง ทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ง่ายและมากขึ้น นับเป็นการเดินหน้าตามภารกิจของธนาคารในการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้เกิดกับสังคมอย่างต่อเนื่อง  

25 Oct 2024

...

  ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมผู้บริหารและพนักงาน ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย และวางพวงมาลาถวายราชสักการะ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช รัชกาลที่ 5 ด้วยน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ เนื่องในวันปิยมหาราช ณ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร  

24 Oct 2024

Banner Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner