Responsive image

Tuesday, 30 Dec 2025

หน้าแรก > BUSINESS-MARKETING-SME / ธุรกิจ - การตลาด - เอสเอ็มอี


กรุงศรี ผนึกกำลังกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล ยกระดับนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ บริการ พร้อมก้าวสู่การเป็นสถาบันการเงินหลักเพื่อลูกค้า

Fri 28/06/2567


กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) รุกธุรกิจลูกค้ารายย่อย ต่อยอดความสำเร็จจากการสร้างความเติบโตตามกลยุทธ์ ‘Krungsri One Retail’ ประกาศแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ ปี 2567-2569 ขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนโดยตอกย้ำการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการดำเนินธุรกิจผ่านกลยุทธ์ 3 ด้าน 1. สร้างการเติบโตของฐานลูกค้าอย่างมีคุณภาพ 2. เสริมความแข็งแกร่งให้กับการสร้างรายได้ของธุรกิจ 3. ยกระดับประสบการณ์การใช้บริการบนช่องทางสาขาและโมบายแบบไร้รอยต่อ เพื่อตอบทุกมิติทางการเงินสำหรับลูกค้ารายย่อย โดยเดินหน้าขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมก้าวสู่การเป็นสถาบันการเงินหลักที่ลูกค้าเลือกใช้บริการ

นายพงษ์อนันต์ ธณัติไตร ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรี นับเป็นหนึ่งในผู้นำในการให้บริการทางการเงินเพื่อลูกค้ารายย่อยซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลาย ทั้งเงินฝาก, การลงทุนผ่านกองทุนและหลักทรัพย์, สินเชื่อบ้าน, สินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต, สินเชื่อยานยนต์ รวมถึงประกันภัย จากการดำเนินงานตามกลยุทธ์ Krungsri One Retail ที่มุ่งผสานความร่วมมือของทุกหน่วยงานในเครือกรุงศรีโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ได้สร้างความเติบโตให้กับธุรกิจเป็นอย่างดี โดยฐานลูกค้าของกรุงศรีเติบโตกว่า 16%, ผู้ใช้บริการช่องทางดิจิทัลผ่านโมบายแอปพลิเคชันคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 90% ของฐานลูกค้า, ขณะที่ฐานบัญชีเงินฝากก็เติบโตอย่างมาก ในปี 2566 มียอดบัญชีเงินฝากเปิดใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 27% ส่วนสินเชื่อก็ยังคงเติบโตโดยมีการบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุมและรักษาคุณภาพสินเชื่อได้ดี อีกทั้งยังมีการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินที่ตอบโจทย์และเข้าถึงง่ายเพื่อลูกค้าอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการดำเนินงานตามกลยุทธ์ดังกล่าว”

ต่อยอดความสำเร็จ สร้างคุณค่าเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ารายย่อย

“ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ รวมถึงความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป กลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคลของกรุงศรีจึงได้จัดทำแผนธุรกิจระยะกลางปี 2567-2569 ที่มุ่งสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการดำเนินธุรกิจ ผ่านกลยุทธ์หลัก 3 ด้าน ได้แก่ สร้างการเติบโตของฐานลูกค้าอย่างมีคุณภาพ, เสริมความแข็งแกร่งให้การสร้างรายได้ของธุรกิจ และยกระดับประสบการณ์บริการบนช่องทางสาขาและโมบายแบบไร้รอยต่อ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณค่า ตรงใจลูกค้า เข้าถึงได้ง่าย และมีความปลอดภัยในการทำธุรกรรม พร้อมการให้คำแนะนำทางการเงินอย่างมืออาชีพเพื่อก้าวสู่การเป็นสถาบันการเงินหลักที่ลูกค้าเลือกใช้บริการ”

 

 

กรุงศรีมุ่งขยายฐานลูกค้าอย่างมีคุณภาพผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่มีจุดเด่น ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละกลุ่มและยกระดับกระบวนการสมัครใช้บริการให้ง่ายยิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสูงนอกจากนี้ กรุงศรียังคงเดินหน้าพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ บนแอปพลิเคชันของกรุงศรี เพื่อตอบไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายทั้งด้านการเงินและการดำเนินชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งใช้จุดแข็งในด้านเครือข่ายพันธมิตร ในการเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายกลุ่มใหม่ ๆ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบรอบด้าน

 

  • เสริมความแข็งแกร่งให้กับการสร้างรายได้ของธุรกิจ

กรุงศรีเน้นเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจใน 3 มิติ 1. การสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจสินเชื่ออย่างยั่งยืนซึ่งจะมุ่งขยายสินเชื่อบนฐานลูกค้าปัจจุบันที่มีคุณภาพ และขยายไปยังกลุ่มลูกค้าเซกเมนต์ใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพสูง โดยใช้ข้อมูลภายใต้ One Retail และข้อมูลทางเลือกอื่น ๆ จากพันธมิตรในการวิเคราะห์ พร้อมทั้งปรับปรุงขั้นตอนและกระบวนการต่าง ๆ ให้เหมาะสมสำหรับลูกค้าในแต่ละกลุ่ม ทั้งนี้ กรุงศรียังคงยึดหลักการปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Lending) ไม่ส่งเสริมให้ลูกค้าเป็นหนี้จนเกินตัว  2. การขยายสัดส่วนรายได้จากธุรกิจค่าธรรมเนียม โดยเฉพาะบนธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ซึ่งจะเน้นการยกระดับการทำวิจัยด้านการลงทุนเพื่อเพิ่มมุมมองและสร้างโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ ให้แก่ลูกค้า, การเตรียมพร้อมผลิตภัณฑ์การลงทุนให้ครอบคลุมเพื่อตอบโจทย์การลงทุนในแต่ละสถานการณ์ และการพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนที่เชื่อมต่อการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ให้อยู่บนแพลตฟอร์มเดียว เพื่อยกระดับประสบการณ์การลงทุน และก้าวสู่การเป็นที่ปรึกษาการลงทุนชั้นนำในการสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืนแก่ลูกค้า และ 3. การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยเน้นการลดความซ้ำซ้อนระหว่างหน่วยงาน และนำ Generative AI มาประยุกต์ใช้ในการให้บริการและการดำเนินงานภายในองค์กรเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้บริการของลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น

 

  • ยกระดับประสบการณ์การใช้บริการทั้งบนช่องทางสาขาและโมบายแบบไร้รอยต่อ

กรุงศรีมุ่งเน้นการให้บริการลูกค้าแบบผสมผสานผ่านทั้งช่องทางสาขาและโมบายแอปพลิเคชัน รวมถึงช่องทางของพันธมิตร เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการตามช่องทางที่ลูกค้าสะดวกและมีประสบการณ์ต่อเนื่องในการใช้บริการแต่ละช่องทาง โดยกรุงศรีมีแผนที่จะยกระดับการให้บริการบนช่องทางโมบายแอปพลิเคชัน ทั้งบน KMA krungsri app, UCHOOSE และ GO สู่การเป็น Super App เพื่อตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมด้วยประสบการณ์ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการยกระดับการทำ CRM และ Loyalty Programme ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สำหรับช่องทางสาขาก็ยังคงถือเป็นช่องทางให้บริการที่สำคัญ โดยกรุงศรียังคงเดินหน้าขยายการให้บริการในรูปแบบ One Retail Branch ที่ผสานความร่วมมือของธนาคาร, กรุงศรี คอนซูมเมอร์ และกรุงศรี ออโต้ ให้มีบริการอยู่ในที่เดียวกัน พร้อมทั้งเตรียมพร้อมบุคลากรและผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำทางการเงิน ที่เหมาะสมแก่ลูกค้าในแต่ละราย เช่น การสร้างวินัยทางการเงินที่ดี การวางแผนออมเงินและลงทุนอย่างยั่งยืน รวมถึงเสริมความรู้ด้านการเงินดิจิทัล

“กรุงศรี เชื่อมั่นว่าแผนการขับเคลื่อนธุรกิจดังกล่าว จะช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การใช้บริการที่ง่าย สะดวก ตรงใจยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินในทุกช่วงชีวิต และสร้างความเติบโตให้ธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อให้กรุงศรีเป็นสถาบันการเงินหลักที่ลูกค้ารายย่อยเลือกใช้บริการ และช่วยขับเคลื่อนกรุงศรีบรรลุเป้าหมายในภาพรวมทั้งหมด” นายพงษ์อนันต์ กล่าวสรุป


Tags : กรุงศรี กรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงศรีอยุธยา Krungsri One Retail พงษ์อนันต์ ธณัติไตร กรุงศรีผนึกกำลังกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น (SOE Awards) ประจำปี 2568 ให้แก่ธนาคารออมสิน โดยมีผู้แทนรับมอบรางวัลได้แก่ รศ.ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการธนาคารออมสิน พร้อมด้วย นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และผู้บริหาร ซึ่งเป็นปีที่ธนาคารออมสินได้รางวัลในระดับดีเด่นและเกียรติยศ ครบทั้ง 8 ประเภทรางวัลที่ธนาคารได้รับ จัดขึ้นโดยคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568     นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในปี 2568 นี้ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ได้พิจารณามอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นแก่ธนาคารออมสิน จำนวน 8 รางวัล ประกอบด้วย 1) รางวัลเกียรติยศรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม ธนาคารได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง โดยเป็นรางวัลที่มอบให้กับรัฐวิสาหกิจที่มีความโดดเด่นและมีมาตรฐานการดำเนินงานทุก ๆ ด้าน สามารถตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของประชาชน     2) รางวัลเกียรติยศคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง จากการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ และผลักดันการบริหารงานให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี 3) รางวัลเกียรติยศการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 7 ต่อเนื่อง จากการรักษามาตรฐาน การบริหารจัดการเพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำพาองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ   4) รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น ที่มอบให้แก่นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผลงานเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน 5) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจดิจิทัล จากการสร้างสรรค์และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาองค์กร ในมิติต่าง ๆ พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล 6) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจยั่งยืน จากการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ จนเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม     7) รางวัลการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น โดยได้รับจากผลงานความสำเร็จของโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบองค์รวม (Holistic Area-Based Development) - โครงการลิบงสุขใจ ออมสินพัฒนา อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 8) รางวัลความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น จากโครงการ GEN AI Branch Assistant : ผู้ช่วยสาขาอัจฉริยะ ที่ธนาคารพัฒนาขึ้นโดยการนำ AI มาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของสาขา   นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของบุคลากรธนาคารออมสินทุกคนในการรักษามาตรฐานการบริหารจัดการองค์กรในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส และการให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล ควบคู่กับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “ธนาคารเพื่อสังคม” เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกและความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว    

26 Dec 2025

...

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับ เอ ไลฟ์ (ALive Powered by AIA) โดยบริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด ส่งความห่วงใยถึงคนไทยทั่วประเทศในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569 มอบแคมเปญ “ฟรี!!! ประกันอุบัติเหตุ กรมธรรม์ประกันภัยอุ่นใจข้ามปี” โดยมอบกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่ (ไมโครอินชัวรันส์) ฟรีให้แก่ประชาชนทั่วไป ระยะเวลาคุ้มครองนาน 30 วัน ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริงสูงสุด 5,000 บาท* เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมเพิ่มความอุ่นใจสำหรับการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนาเพื่อไปฉลองกับครอบครัว ซึ่งแคมเปญดังกล่าวยังเป็นการขานรับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อีกทั้งยังสานต่อพันธกิจของเอไอเอที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives ทั้งนี้ สำหรับประชาชนทุกคนที่สนใจขอรับกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มฟรี สามารถลงทะเบียนรับสิทธิออนไลน์ได้ง่าย ๆ เพียงไปที่เว็บไซต์ https://aiathailand.info/panyPR  ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2568 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2569   หมายเหตุ: *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด กำหนด

20 Dec 2025

...

รายงานข่าวจากธนาคารออมสิน ขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า ประเภทบุคคลธรรมดา ที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และยังไม่ได้ลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill ขอให้เร่งสมัครผ่านเว็บไซต์ของธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากขณะนี้เหลือเวลาเพียง 4 วันสุดท้าย ที่สามารถลงทะเบียนและเรียนให้จบหลักสูตร เพื่อรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ นับจากวันที่พัฒนาทักษะสำเร็จจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 สูงสุดไม่เกินรายละ 2,000 บาท หลักสูตร Smart Finance Upskill การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัสเป็นการเรียนออนไลน์กับธนาคารออมสิน ภายใต้โครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย ประเภทบุคคลธรรมดา มุ่งเสริมทักษะทางการเงินที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจ ครอบคลุมการทำบัญชี การคิดต้นทุน การตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ ผู้ที่เรียนจบและผ่านเกณฑ์ จะได้รับประกาศนียบัตรและรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐตามเงื่อนไขที่กำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 กด 7

19 Dec 2025

...

ธ.ก.ส. เร่งให้ความช่วยเหลือทหาร และ ตชด. วีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา โดยให้ความช่วยเหลือกับทหาร และ ตชด. ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือบิดา - มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต โดยยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกหนี้ และลดภาระให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชาได้กลับมาตึงเครียดในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี ตราด และสระแก้ว ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของเกษตรกรลูกค้าของธนาคาร โดยปัจจุบันมีทหารที่เป็นสมาชิกครอบครัวของลูกค้า ธ.ก.ส. เสียชีวิต และเพื่อให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกค้า ธ.ก.ส. และเป็นการลดภาระเพื่อให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง คณะกรรมการธนาคาร โดย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. ได้มีมติในการประชุมวันนี้ (9 ธันวาคม 2568) ให้ความช่วยเหลือลูกค้า กรณีทหาร หรือตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือแก่บิดา มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยธนาคารจะยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้ให้ความช่วยเหลือครอบครัวทหารไปแล้ว จำนวน 7 ราย ธ.ก.ส. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา คนข้างหลังไม่ต้องกังวล ธ.ก.ส. อยู่เคียงข้างและพร้อมก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง  

14 Dec 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner