Responsive image

Wednesday, 03 Dec 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


ไทยพาณิชย์ - เอฟดับบลิวดี ฉลองความสำเร็จ 5 ปี จุดพลุประกันแห่งปี “ประกันยิ่งอยู่นาน ยิ่งพิเศษ” คุ้มเลือกได้ รับเงินคืนทุกปี

Tue 09/07/2567


ธนาคารไทยพาณิชย์ และเอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต ฉลองความสำเร็จ 5 ปี ในการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ที่ร่วมมอบทางเลือกผลิตภัณฑ์ความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ ด้วยช่องทางที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อ โดยมอบความคุ้มครองให้ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ เดินหน้าสานต่อความร่วมมือเพื่ออนาคตที่มั่นคงทางสุขภาพการเงินของคนไทย จุดพลุ “ประกันยิ่งอยู่นาน ยิ่งพิเศษ” มอบทางเลือกประกันชีวิตสะสมทรัพย์ระยะยาว ให้ลูกค้าเลือกระยะเวลาชำระเบี้ย 7 ปี 8 ปี หรือ 9 ปี พร้อมรับเงินคืนทุกปี สมัครง่ายไม่ต้องตรวจสุขภาพ ไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ พิเศษกว่าที่เคยด้วย โปรโมชัน 5 ต่อ พร้อมทั้งดึง “ตู่ ภพธร สุนทรญาณกิจ” ศิลปิน-นักแต่งเพลงฟีล อบอุ่น นั่งแท่นพรีเซนเตอร์คนใหม่ ร่วมสื่อสารและตอกย้ำความตั้งใจของสององค์กรที่เดินหน้าสนับสนุนคนไทยวางแผนชีวิตระยะยาวด้วยประกันชีวิตสะสมทรัพย์ระยะยาว

 

นางสาวปรมาศิริ มโนลม้าย รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจประกัน ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า นับตั้งแต่ปี 2019 ธนาคารไทยพาณิชย์ และบริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (“เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต”) ประกาศความร่วมมือด้านประกันภัยที่มีมูลค่าสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยวิสัยทัศน์ร่วมกันที่ส่งมอบความคุ้มครองและความยั่งยืนในด้านการเงินและด้านสุขภาพของคนไทยผ่านช่องทางธนาคารไทยพาณิชย์ที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลให้วงการประกันชีวิต และความมุ่งหวังให้คนไทยมีโอกาสเข้าถึงประกันที่ดีมีมาตรฐานระดับโลก ผ่านนวัตกรรมประกันที่สร้างปรากฏการณ์ให้แก่วงการประกันอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยไทยพาณิชย์ครองตำแหน่งผู้นำตลาดประกันผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านธนาคาร หรือ แบงก์แอสชัวรันส์ (Bancassurance) ต่อเนื่อง และในช่วงสี่เดือนแรก ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายน ปี 2567 ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับที่ 1*

 

“ตลอดระยะเวลา 5 ปี เราได้มีโอกาสดูแลการเจ็บป่วยให้กับลูกค้า ส่งมอบเงินมรดกให้ทายาท รวมทั้งส่งมอบความมั่นคงในชีวิตในรูปแบบเงินคืน รวมเป็นผลประโยชน์ ทั้งสิ้นกว่า 86,888 ล้านบาท** นับเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของธนาคารไทยพาณิชย์ที่ได้มีส่วนช่วยแบ่งเบาผลกระทบในด้านค่าใช้จ่ายในกรณีที่ไม่คาดฝันให้กับคนไทยจำนวนมาก เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์จากการช่วยลูกค้าวางแผนชีวิตและสุขภาพ และเนื่องจากการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย คนไทยมีอายุเฉลี่ยยืนยาวขึ้น ธนาคารเล็งเห็นความสำคัญในการสนับสนุนให้คนไทยวางแผนระยะยาว จึงได้ร่วมกับเอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต มอบทางเลือกประกันสะสมทรัพย์ระยะยาว ด้วยจุดเด่น ชำระเบี้ยฯในระยะสั้น เพื่อสร้างความคุ้มครองชีวิตยาวตลอดชีพ และยังให้ผลตอบแทนกลับคืนในรูปของเงินคืนทุกปี เพื่อเป็นหลักประกันที่มั่นคงให้แก่ตัวเองและคนข้างหลัง” นางสาวปรมาศิริ กล่าว

 

นายเดวิด โครูนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประจำประเทศไทยและกัมพูชา บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “นับตั้งแต่เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต ร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ในปี 2019 จนถึงวันนี้เป็นเวลา 5 ปี แล้ว เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกันขยายการเติบโตธุรกิจประกันชีวิต จนประสบความสำเร็จสามารถครองตำแหน่งผู้นำธุรกิจประกันชีวิตอันดับ 1 ในช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านธนาคารมาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 28.68%*** ด้วยแนวคิดการทำงานที่ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก (Customer-led) เราทำการศึกษาข้อมูลเชิงลึก เพื่อออกแบบนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการของเอฟดับบลิวดี ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกไลฟ์สไตล์และช่วงชีวิต”

“เรายังคงมุ่งมั่นและให้ความสำคัญในการออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองหลากหลาย เพื่อเป็นทางเลือกและเป็นเครื่องมือที่ช่วยบริหารความเสี่ยงและวางแผนทางการเงินให้แก่ลูกค้า พร้อมสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคตให้แก่ตัวเองและครอบครัว เนื่องในโอกาสพิเศษฉลองความสำเร็จครบรอบ 5 ปี เราได้ร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ ออกแบบประกันสะสมทรัพย์ระยะยาว การันตีผลตอบแทนที่แน่นอนในทุกสภาวะเศรษฐกิจ  ซึ่งเป็นแผนประกันที่เหมาะสำหรับกลุ่มคนวัยทำงานที่ต้องการเริ่มออมเงินเพื่อสร้างความมั่นคงในระยะยาว ช่วยรองรับแผนค่าใช้จ่ายรายปีในอนาคต รวมทั้งเป็นการวางแผนเงินก้อนหลังเกษียณ หรือวางแผนออมเงินเป็นมรดกให้กับคนที่รัก ซึ่งนับเป็นความคุ้มค่าที่ช่วยเติมเต็มรอยยิ้มและความสุขให้ทุกคนในครอบครัว ด้วยผลประโยชน์ตลอดเส้นทางในทุกช่วงเวลาของชีวิต สะท้อนเจตนารมณ์ของเอฟดับบลิวดี ประกันชีวิตที่ต้องการสนับสนุนให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตในแบบที่ชอบได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวล เพราะมีประกันเอฟดับบลิวดี ดูแลให้” นายเดวิด กล่าว

 

ในโอกาสที่ธนาคารไทยพาณิชย์และเอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต เฉลิมฉลองความสำเร็จในการร่วมมือกันมอบสิ่งดีๆ ให้แก่อุตสาหกรรมประกันตลอด 5 ปี จึงได้เปิดตัว “ประกันยิ่งอยู่นาน ยิ่งพิเศษ” พร้อมกับเปิดตัวพรีเซนเตอร์ “ตู่ ภพธร” ศิลปิน/นักแต่งเพลงและครอบครัว ร่วมสื่อสารถึงความสำคัญของการวางแผนชีวิตระยะยาวเพื่อครอบครัว พร้อมแต่งเพลงพิเศษ “ยิ่งอยู่นาน ยิ่งพิเศษ” เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกดีๆ ซึ่งสะท้อนภาพของ 2 องค์กรที่จับมือกันสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ดีๆ แก่สังคมไทย  พร้อมกันนี้ ตู่ ภพธร ยังได้ร่วมพูดคุยและแบ่งปันประสบการณ์ของการวางแผนชีวิตระยะยาวตั้งแต่เริ่มต้นทำงานจนปัจจุบันเพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงให้แก่ตัวเองและครอบครัวอีกด้วย

 

“ประกันยิ่งอยู่นาน ยิ่งพิเศษ” เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์ระยะยาว ประกอบด้วย 3 ผลิตภัณฑ์เรือธง ได้แก่ ประกันทริปเปิ้ล เซเว่น (77/7) ประกันคุ้มครอง มั่งคั่ง 85/8 และ ประกันมรดก มั่งคั่ง 90/9 ที่ลูกค้าสามารถเลือกระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัยได้ 3 ระยะเวลาคือ 7 ปี 8 ปี หรือ 9 ปี หรือแบ่งเงินซื้อได้ทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ เพื่อรับเงินก้อนเมื่อปีกรมธรรม์ที่อายุ 77 ปี 85 ปี และ 90 ปี อีกทั้งยังได้รับเงินคืนรายปี ปีละ10% – 14% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยตามที่กรมธรรม์กำหนด สมัครง่ายไม่ต้องตรวจสุขภาพ ไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ ตอบโจทย์สังคมไทยที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

พร้อมกันนี้ ลูกค้าที่ซื้อประกันภัยในกลุ่ม “ประกันยิ่งอยู่นาน ยิ่งพิเศษ” นี้ จะได้รับสิทธิพิเศษสุด 5 ต่อ****

ต่อที่ 1 : รับเงินคืน สูงสุดถึง 10% ของค่าเบี้ยประกันภัยปีแรกรายปี

ต่อที่ 2 : แบ่งชำระ 0% สูงสุด 10 เดือน เมื่อชำระด้วยบัตรเครดิตไทยพาณิชย์/ บัตรเครดิตคาร์ดเอกซ์

ต่อที่ 3 : รับสิทธิพิเศษกับบริการ FWD MyWell, บริการพิเศษด้านสุขภาพแบบครบวงจร หลากหลายการดูแลที่ส่งเสริมสุขภาพของคุณและคนที่คุณรัก ด้วยการสร้างประสบการณ์พร้อมสิทธิประโยชน์ต่างๆ ก่อนการเคลม (Pre-Claim) นอกเหนือจากความคุ้มครองในกรมธรรม์

ต่อที่ 4 : ลุ้นรางวัล Hong Kong Disneyland package และอื่นๆ กว่า 160 รางวัล  

ต่อที่ 5 : รับบัตร Priority Pass อายุ 1 ปี (เมื่อชำระเบี้ยประกันภัยรายปีตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์แห่งการเดินทางทั่วโลกดั่งคนพิเศษ สามารถเข้าใช้บริการห้องรับรองของบัตร Priority Pass สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ ณ สนามบินชั้นนำทั่วโลกกว่า 1,500 แห่ง ที่พร้อมให้บริการอาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งอำนวยความสะดวกที่คัดสรรมาเพื่อให้การเดินทางต่างประเทศของท่านสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นไม่จำกัดจำนวนครั้ง

สนใจติดต่อได้ที่ SCB ทุกสาขา หรือ เจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจ (RM) ของท่าน

 


Tags : FWDประกันชีวิต เอฟดับบลิวดีประกันชีวิต FWD เดวิดโครูนิช ปรมาศิริมโนลม้าย ธนาคารไทยพาณิชย์ SCB ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ระยะยาว ตู่ภพธร


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ทิพยประกันภัยเดินหน้าต่อยอดประสบการณ์ด้านประกันภัยรถยนต์ เปิดตัวแคมเปญใหญ่ “TIP MOTOR EXTRA PRO ประกันรถสุดปัง อลังการสุดโปร” ในงาน Motor Expo 2025 เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มองหาความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ครบวงจร พร้อมคัดสรรผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์หลากหลาย อาทิ TIP Premium Garage Plus, TIP Lady, TIP Rainbow, TIP Up to Mile และประกันรถยนต์ 2+ คุ้มทุน พร้อมทีมให้คำปรึกษา คำนวณเบี้ย และบริการต่ออายุกรมธรรม์ภายในงาน แคมเปญ “TIP MOTOR EXTRA PRO” มอบข้อเสนอสุดคุ้มสำหรับลูกค้า อาทิ • ส่วนลดเบี้ยประกันภัยสูงสุด 15% สำหรับลูกค้าใหม่ • รับของสมนาคุณ รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท • ลุ้นรับรถยนต์ MITSUBISHI XFORCE รุ่น ULTIMATE มูลค่า 1,059,000 บาท • ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน • พิเศษ! ลูกค้าที่ต่ออายุประกันภัยรถยนต์ภายในงาน รับ บัตร Lotus’s มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท ทิพยประกันภัยขอเชิญทุกท่านร่วมรับข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะงาน Motor Expo 2025 ได้ที่บูธ V07–V08 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568

30 Nov 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือ โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ ระหว่าง ธนาคารออมสิน และ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อศึกษาความเป็นอยู่และพฤติกรรมทางการเงินของกลุ่มครัวเรือนฐานรากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการเงินในระบบ ที่จะนำไปสู่การต่อยอดองค์ความรู้ จากการวิจัยในการพัฒนาระบบการเงินที่เหมาะสม ช่วยยกระดับเศรษฐกิจและความเข้มแข็งทางการเงินของภาคครัวเรือนไทย โดยมี นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และ ดร.โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่   นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ภายใต้บทบาทการเป็น Social Bank ที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางการเงินและสร้างการเข้าถึงแหล่งทุนที่เป็นธรรม ธนาคารเดินหน้าภารกิจหลักที่ 1 ในการสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงิน ซึ่งหากพิจารณาจากสถานการณ์การเข้าถึงสินเชื่อของคนไทย ปัจจุบันยังพบว่าครัวเรือนกว่าร้อยละ 30 ยังอยู่ในกลุ่ม Unserved และ Underserved โดยเป็นผู้มีรายได้น้อยและ/หรือรายได้ไม่แน่นอน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบจากการขาดประวัติเครดิตทางการเงิน และกว่าครึ่งยังต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้นและต้องเผชิญภาระดอกเบี้ยสูง ดังนั้น เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนบทบาทการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ธนาคารจึงได้จัดตั้งสถาบันวิจัยเศรษฐกิจฐานรากขึ้นเป็นครั้งแรก และได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อคิกออฟงานวิจัย “โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ” โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายของการศึกษาเป็นผู้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ที่ธนาคารได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 2568 เพื่อปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ที่มีรายได้ แต่ไม่เคยมีประวัติเครดิตทางการเงิน หรือไม่เคยใช้บริการสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินอย่างน้อย 2 ปี ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของโครงการนี้มีลักษณะตัวตน หรือ Customer Persona ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของงานศึกษาวิจัยครั้งนี้ ทั้งนี้ ธนาคารหวังว่าจะสามารถนำผลลัพธ์ของงานวิจัยไปออกแบบเครื่องมือทางการเงิน หรือมาตรการสินเชื่อที่ตรงจุด สามารถตอบโจทย์ความคาดหวัง และสร้างระบบการเงินที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมาย SDGs และสอดคล้องตามบทบาทของธนาคารเพื่อสังคม   ดร. โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เปิดเผยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการศึกษาข้อมูลเชิงลึกของลูกหนี้ภายใต้โครงการ “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” ของธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นต้นแบบสินเชื่อดิจิทัลที่เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้แต่ไม่เคยเข้าถึงสินเชื่อในระบบสามารถกู้เงินได้เป็นครั้งแรก โดยธนาคารออมสินได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยคนไทยสร้างประวัติเครดิตทางการเงินไปแล้วกว่า 200,000 ราย สะท้อนถึงความต้องการเข้าถึงสินเชื่อในระบบที่ยังมีอยู่จำนวนมาก การศึกษาครั้งนี้จึงมุ่งขยาย “ประตูสู่ระบบการเงิน” ให้กว้างขึ้น ผ่านการเก็บข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มคนที่อยู่นอกระบบเป็นครั้งแรก ใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) ปัญหาเศรษฐกิจการเงิน พฤติกรรมและความต้องการทางการเงิน 2) โมเดลผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้ลูกหนี้ชำระคืนได้จริง 3) การทดลองใช้ข้อมูลใหม่และข้อมูลทางเลือกเพื่อค้นหาตัวชี้วัดความเสี่ยงที่แม่นยำยิ่งขึ้นให้กับสถาบันการเงิน 4) การติดตามผลการเข้าถึงสินเชื่อต่อรายได้และคุณภาพชีวิตของลูกหนี้ตลอดระยะเวลา 1 ปี เพื่อนำไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสม ซึ่งผลการศึกษาจะช่วยให้ธนาคารออมสินออกแบบผลิตภัณฑ์และกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับศักยภาพของลูกหนี้ และเพิ่มโอกาสในการชำระคืน   ขณะเดียวกัน สถาบัน ฯ จะมีองค์ความรู้เชิงลึกเพื่อนำไปสนับสนุนนโยบาย Your Data และโครงการ Risk-Based Pricing ของธนาคารแห่งประเทศไทย ช่วยให้สถาบันการเงินประเมินความเสี่ยงได้โปร่งใส เป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ “เคยถูกมองไม่เห็น” เข้าสู่ระบบการเงินได้มากขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนงานวิจัยให้เกิดผลจริงต่อประชาชนฐานราก เสริมรากฐานระบบการเงินที่เข้าถึงง่าย ยั่งยืน และช่วยยกระดับศักยภาพและคุณภาพชีวิตของครัวเรือนไทยได้อย่างมั่นคงในระยะยาว  

30 Nov 2025

...

จากสถานการณ์อุทกภัยส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ของภาคใต้ โดยขณะนี้จังหวัดสงขลาประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน จึงขอแจ้งปิดทำการกรุงเทพประกันภัย สาขาหาดใหญ่ เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยลูกค้าสาขาหาดใหญ่และใกล้เคียงสามารถติดต่อบริการด้านประกันภัยได้ที่ กรุงเทพประกันภัย สาขาสุราษฎร์ธานี โทร. 0 7727 3806 ทั้งนี้ กรุงเทพประกันภัยขอแสดงความห่วงใยและเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ และเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อรับคำปรึกษาต่างๆ และแจ้งเคลมสินไหมทดแทนสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยและสถานประกอบการ รวมถึงประกันภัยรถยนต์ หรือรับบริการรถยกเพื่อเคลื่อนย้ายรถไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้ - LINE @bangkokinsurance - โทร. 1620 ตลอด 24 ชั่วโมง

25 Nov 2025

...

นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อช่วยยกระดับความสามารถในการหารายได้ของผู้ประกอบการรายเล็กบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งที่เป็นทักษะความรู้ด้านการเงินและด้านดิจิทัล โดยรัฐบาลสนับสนุนเงินเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท/ราย สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ Upskill/Reskill และได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งโครงการดังกล่าวมีหน่วยงานพันธมิตรหลายรายเป็นผู้ให้บริการเรียนรู้และพัฒนาทักษะแก่ร้านค้า โดยมีธนาคารออมสินรับผิดชอบการพัฒนาทักษะแก่ผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย “ประเภทบุคคลธรรมดา” หลักสูตร “Smart Finance Upskill : การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัส” สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าบุคคลธรรมดา เน้นให้ความรู้ทางการเงินที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการร้านค้ายุคใหม่ ประกอบด้วยเนื้อหาสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ การทำบัญชี การคิดต้นทุน เทคนิคการตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ พร้อมแบบจำลองการยื่นกู้ให้ผู้ประกอบการได้ฝึกเรียนรู้ด้วยตนเอง และสามารถนำแบบจำลองนั้นไปใช้ประกอบการยื่นกู้กับสถาบันการเงินได้ โดยผู้ที่ได้สมัครเรียนและผ่านการทดสอบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองการผ่านหลักสูตรเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการรับสิทธิ์เงินเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท ร้านค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าเรียนได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - 19 ธันวาคม 2568 ที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชม. โดยผู้ที่สำเร็จหลักสูตรตามเงื่อนไขที่กำหนด จะมีการแจ้งผลการรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ ผ่านแอปถุงเงินและข้อความ SMS ในวันที่ 23 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ธนาคารขอแนะนำโปรดหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น ซึ่งอาจทำให้ประสบปัญหาเว็บไซต์ตอบสนองช้ากว่าปกติได้ กรณีประสบปัญหาการใช้บริการ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส สามารถติดต่อที่ GSB Contact Center โทร.1115 กด 7 ตลอด 24 ชม.   นอกจากนี้ ผู้ประกอบการที่สำเร็จหลักสูตร Smart Finance Upskill แล้ว ยังมีสิทธิ์ยื่นขอกู้เงื่อนไขพิเศษกับสินเชื่อ “สร้างงานสร้างอาชีพ พลัส” โดยกดยื่นขอกู้ได้จากหน้าเว็บไซต์หลังเรียนจบหลักสูตร เพื่อเชื่อมต่อกระบวนการยื่นขอกู้ทางแอป MyMo ได้โดยสะดวก ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) = 0.75% ต่อเดือน แบบไม่มีหลักประกัน (Clean Loan) ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ธนาคารพิจารณาให้กู้ตามความจำเป็นเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนหรือเสริมสภาพคล่อง และตามความสามารถในการชำระคืน ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th    

23 Nov 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner