Responsive image

Tuesday, 30 Dec 2025

หน้าแรก > TECHNOLOGY - AUTO - PROPERTY


สำนักงาน กสทช. ผนึกกำลังสตาร์ทอัพเดินเครื่อง “Mobile ID ยืนยันตัวตนด้วยมือถือแทนบัตรประชาชน” หนุนภาคเอกชนใช้งานทั่วประเทศ

Sun 06/10/2567


นางสาวพูลศิริ นิลกิจศรานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กล่าวว่า กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) โดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ได้ให้เงินสนับสนุนผู้ชนะรางวัลโครงการประกวดนวัตกรรมใหม่ในการนำบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์โทรศัพท์เคลื่อนที่ (แทนบัตร) ไปใช้งาน Mobile ID ซึ่งเป็นระบบยืนยันตัวตนผ่านโทรศัพท์มือถือ ใช้ในกระบวนการยืนยันตัวตน หรือยืนยันตัวตนออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย ถือเป็นนวัตกรรมสำคัญที่จะช่วยให้ภาคเอกชนดำเนินธุรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศสู่สังคมดิจิทัลที่ก้าวหน้าและทันสมัย สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0

สำหรับบริษัทที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ คือ บริษัท นายเน็ต จำกัด ขณะนี้ได้เริ่มใช้ Mobile ID กับคลินิกทันตกรรม โรงแรม ที่พัก และรีสอร์ท  และ บริษัท เออเบิ้น รูม จำกัด และผู้ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ เริ่มใช้ Mobile ID แพลตฟอร์ม “มีโหวต” ช่วยให้การมีส่วนร่วมของคนในสังคมเป็นเรื่องง่าย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้งาน Mobile ID เป็นวงกว้างในประเทศไทยส่งผลให้ธุรกิจ และประชาชนทั่วไปและภาคเอกชนได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น และยังเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการลดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นช่องว่างให้กลุ่มมิจฉาชีพนำไปใช้หลอกลวง ประชาชนจนเกิดความเสียหายอีกด้วย

นายทินกร เหล่าเราวิโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นายเน็ต จำกัด ผู้คว้ารางวัลชนะเลิศการประกวด Mobile ID Innovation Award ได้เปิดเผยถึงความสำเร็จในการนำเทคโนโลยี Mobile ID มาประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจบริการ โดยปัจจุบันบริษัทได้เชื่อมโยงระบบ Mobile ID เข้ากับคลินิกทันตกรรมที่บริษัทดูแลระบบหลังบ้านอยู่แล้วกว่า 2,000 แห่ง ผ่าน “โปรแกรมบริหารคลีนิคทันตกรรม FD  ยืนยันตัวตนคนไข้ผ่าน Mobile ID ไร้กระดาษ สร้างความปลอดภัยให้กับคนไข้” และยังได้พัฒนา Mobile Hotel ให้ผู้เข้ามาใช้บริการ สามารถ         สแกน QR code เพื่อเช็คอินตัวตน  โดยรายชื่อผู้เข้าพักจะปรากฏบนหน้าจอ และสามารถส่งข้อมูลทะเบียนผู้เข้าพัก (ร.ร.4)  ไปยังกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยได้ทันที ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนในทุกอุตสาหกรรม ที่ต้องการการยืนยันตัวตนของผู้ที่เข้ามาใช้บริการ เช่น ธุรกิจโรงแรมที่พัก อาคารสำนักงาน  สามารถเข้าใช้งานได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยสามารถลงทะเบียนได้ที่ https://app.digitalid.center/#/welcome นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งหลังจากเปิดตัว บริษัท ตั้งเป้าหมายจะมีโรงแรม ที่พัก ใช้การส่งข้อมูลแบบดิจิทัลเพิ่มเป็น 50% ภายใน 1 ปี จากเดิมที่มีการส่งข้อมูลเพียง 25% เท่านั้น

“การนำ Mobile ID มาใช้ในภาคธุรกิจบริการ ไม่เพียงแต่ช่วยลดขั้นตอนการทำงานและลดต้นทุนการใช้กระดาษของผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยไม่ทิ้งบัตรประชาชน หรือสำเนาบัตรประชน ไว้อีกต่อไป ซึ่งที่ผ่านมา บริษัท ได้ร่วมจัดสัมมนาเพื่อเผยแพร่การเชื่อมต่อระบบกับ  Mobile ID โดยมีสตาร์ทอัพ สนใจกว่า 200 บริษัท อาทิ กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานที่ควบคุมการเข้า-ออก รวมถึงธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และโลจิสติกส์ นำวัตกรรม Mobile ID  นำไปต่อยอดธุรกิจ นำไปสู่การงานได้อย่างแพร่หลายในวงกว้าง จึงหวังให้งานเปิดตัวครั้งนี้กระตุ้นให้เกิดการใช้ Mobile ID ในภาคธุรกิจเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น” นายทินกร

นายแทนศร พรปัญญาภัทร ในฐานะ กรรมการ บริษัท เออเบิ้น รูม จำกัด ผู้ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศการประกวด Mobile ID Innovation Award เปิดเผยว่า แพลตฟอร์ม “มีโหวต” mevote.org [https://www.mevote.org/] ช่วยให้การมีส่วนร่วมของคนในสังคมเป็นเรื่องง่าย โดยกำหนดขอบเขตของผู้มีส่วนร่วมด้วย Mobile ID ที่บริษัทพัฒนาขึ้น จากประสบการณ์ในการทำงานด้านการพัฒนาเมือง พบว่า หนึ่งใน อุปสรรค (Pain Point) ที่สำคัญของระบบทำแบบสอบถามและการรับฟังความคิดเห็น คือ ความน่าเชื่อถือของผลลัพธ์  ดังนั้น การที่แพลตฟอร์มมีโหวตเชื่อมโยงกับการยืนยันตัวตนด้วย Mobile ID จึงช่วยแก้อุปสรรค (Pain Point) ได้โดยตรง อีกทั้ง ผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามหรือการรับฟังความคิดเห็นแบบออนไลน์ก็สามารถกรอกข้อมูลได้อย่างสะดวก ช่วยให้มั่นใจถึงแหล่งที่มา โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย นอกจากนี้ แพลตฟอร์มมีโหวตยังช่วยยกระดับการมีส่วนร่วมของสังคมอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในด้านการเพิ่มสัดส่วนการมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าจากระบบปกติ การลดอุปสรรคในการแสดงออก และการนำไปสู่ความหลากหลายของความคิดเห็นมากขึ้น เนื่องจากผู้ตอบแบบสอบถามสามารถเข้าถึงแบบสอบถามได้ทุกที่ทุกเวลา

 

ข้อดีของการใช้ Mobile ID ในการทำแบบสอบถามและการรับฟังความคิดเห็นออนไลน์

  • เพิ่มปริมาณการตอบกลับ: ผู้เข้าร่วมสามารถเข้าถึงแบบสอบถามได้ง่ายและสะดวก
  • เพิ่มความแม่นยำของข้อมูล: ข้อมูลที่ได้มีความแม่นยำสูงกว่าการคีย์ข้อมูลด้วยลายมือ
  • เพิ่มความน่าเชื่อถือของข้อมูล: การยืนยันตัวตนด้วย Mobile ID ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ได้มาจากบุคคลจริง
  • ลดต้นทุน: ลดต้นทุนในการพิมพ์ การจัดส่ง และการจัดงาน
  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ลดการใช้กระดาษ ลดการเดินทาง

“การนำเทคโนโลยี Mobile ID มาประยุกต์ใช้กับระบบทำแบบสอบถามและการรับฟังความคิดเห็นออนไลน์เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีในการยกระดับการทำงานและการให้บริการต่างๆ ทำให้การเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการพัฒนาเมืองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการใช้เพื่อการประชาพิจารณ์ทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของสังคมความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศ โดยบริษัทได้เปิดกว้างให้ผู้สนใจเข้ามาใช้งานแพลตฟอร์มของเราได้อีกด้วย” นายแทนศร กล่าวทิ้งท้าย                                                                                                                                               

สำหรับธุรกิจโรงแรมที่พัก อาคารสำนักงาน และธุรกิจบริการที่ต้องใช้การยืนยันตัวตนของผู้เข้าใช้บริการ ที่สนใจสามารถติดต่อลงทะเบียนได้ที่ ลิงค์ https://app.digitalid.center/digitalid/#/welcome และผู้ที่สนใจ “มีโหวต” สามารถติดต่อได้ที่ [https://www.mevote.org/]

 


Tags : กสทช. สำนักงานกสทช. MobileID MobileIDยืนยันตัวตนด้วยมือถือแทนบัตรประชาชน พูลศิรินิลกิจศรานนท์ ทินกรเหล่าเราวิโรจน์ แทนศรพรปัญญาภัทร


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น (SOE Awards) ประจำปี 2568 ให้แก่ธนาคารออมสิน โดยมีผู้แทนรับมอบรางวัลได้แก่ รศ.ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการธนาคารออมสิน พร้อมด้วย นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และผู้บริหาร ซึ่งเป็นปีที่ธนาคารออมสินได้รางวัลในระดับดีเด่นและเกียรติยศ ครบทั้ง 8 ประเภทรางวัลที่ธนาคารได้รับ จัดขึ้นโดยคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568     นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในปี 2568 นี้ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ได้พิจารณามอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นแก่ธนาคารออมสิน จำนวน 8 รางวัล ประกอบด้วย 1) รางวัลเกียรติยศรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม ธนาคารได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง โดยเป็นรางวัลที่มอบให้กับรัฐวิสาหกิจที่มีความโดดเด่นและมีมาตรฐานการดำเนินงานทุก ๆ ด้าน สามารถตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของประชาชน     2) รางวัลเกียรติยศคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง จากการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ และผลักดันการบริหารงานให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี 3) รางวัลเกียรติยศการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 7 ต่อเนื่อง จากการรักษามาตรฐาน การบริหารจัดการเพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำพาองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ   4) รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น ที่มอบให้แก่นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผลงานเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน 5) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจดิจิทัล จากการสร้างสรรค์และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาองค์กร ในมิติต่าง ๆ พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล 6) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจยั่งยืน จากการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ จนเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม     7) รางวัลการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น โดยได้รับจากผลงานความสำเร็จของโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบองค์รวม (Holistic Area-Based Development) - โครงการลิบงสุขใจ ออมสินพัฒนา อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 8) รางวัลความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น จากโครงการ GEN AI Branch Assistant : ผู้ช่วยสาขาอัจฉริยะ ที่ธนาคารพัฒนาขึ้นโดยการนำ AI มาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของสาขา   นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของบุคลากรธนาคารออมสินทุกคนในการรักษามาตรฐานการบริหารจัดการองค์กรในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส และการให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล ควบคู่กับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “ธนาคารเพื่อสังคม” เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกและความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว    

26 Dec 2025

...

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับ เอ ไลฟ์ (ALive Powered by AIA) โดยบริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด ส่งความห่วงใยถึงคนไทยทั่วประเทศในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569 มอบแคมเปญ “ฟรี!!! ประกันอุบัติเหตุ กรมธรรม์ประกันภัยอุ่นใจข้ามปี” โดยมอบกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่ (ไมโครอินชัวรันส์) ฟรีให้แก่ประชาชนทั่วไป ระยะเวลาคุ้มครองนาน 30 วัน ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริงสูงสุด 5,000 บาท* เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมเพิ่มความอุ่นใจสำหรับการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนาเพื่อไปฉลองกับครอบครัว ซึ่งแคมเปญดังกล่าวยังเป็นการขานรับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อีกทั้งยังสานต่อพันธกิจของเอไอเอที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives ทั้งนี้ สำหรับประชาชนทุกคนที่สนใจขอรับกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มฟรี สามารถลงทะเบียนรับสิทธิออนไลน์ได้ง่าย ๆ เพียงไปที่เว็บไซต์ https://aiathailand.info/panyPR  ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2568 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2569   หมายเหตุ: *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด กำหนด

20 Dec 2025

...

รายงานข่าวจากธนาคารออมสิน ขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า ประเภทบุคคลธรรมดา ที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และยังไม่ได้ลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill ขอให้เร่งสมัครผ่านเว็บไซต์ของธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากขณะนี้เหลือเวลาเพียง 4 วันสุดท้าย ที่สามารถลงทะเบียนและเรียนให้จบหลักสูตร เพื่อรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ นับจากวันที่พัฒนาทักษะสำเร็จจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 สูงสุดไม่เกินรายละ 2,000 บาท หลักสูตร Smart Finance Upskill การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัสเป็นการเรียนออนไลน์กับธนาคารออมสิน ภายใต้โครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย ประเภทบุคคลธรรมดา มุ่งเสริมทักษะทางการเงินที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจ ครอบคลุมการทำบัญชี การคิดต้นทุน การตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ ผู้ที่เรียนจบและผ่านเกณฑ์ จะได้รับประกาศนียบัตรและรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐตามเงื่อนไขที่กำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 กด 7

19 Dec 2025

...

ธ.ก.ส. เร่งให้ความช่วยเหลือทหาร และ ตชด. วีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา โดยให้ความช่วยเหลือกับทหาร และ ตชด. ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือบิดา - มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต โดยยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกหนี้ และลดภาระให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชาได้กลับมาตึงเครียดในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี ตราด และสระแก้ว ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของเกษตรกรลูกค้าของธนาคาร โดยปัจจุบันมีทหารที่เป็นสมาชิกครอบครัวของลูกค้า ธ.ก.ส. เสียชีวิต และเพื่อให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกค้า ธ.ก.ส. และเป็นการลดภาระเพื่อให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง คณะกรรมการธนาคาร โดย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. ได้มีมติในการประชุมวันนี้ (9 ธันวาคม 2568) ให้ความช่วยเหลือลูกค้า กรณีทหาร หรือตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือแก่บิดา มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยธนาคารจะยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้ให้ความช่วยเหลือครอบครัวทหารไปแล้ว จำนวน 7 ราย ธ.ก.ส. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา คนข้างหลังไม่ต้องกังวล ธ.ก.ส. อยู่เคียงข้างและพร้อมก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง  

14 Dec 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner