Responsive image

Thursday, 25 Apr 2024

หน้าแรก > ECONOMY-FINANCE / เศรษฐกิจ-การเงิน


ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนตุลาคม 2563 ข้าวเปลือกเจ้า มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น สุกรและกุ้ง ปรับตัวลดลง

Sat 10/10/2563


ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส.  ชี้ปัญหาภัยธรรมชาติ ภาวะตลาดโลกและนโยบายรัฐ ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรเดือนตุลาคม 2563 เช่น ข้าวเปลือกเจ้า ยางพาราแผ่นดิบ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น ด้านข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ น้ำตาลทรายดิบ สุกรและกุ้งขาวแวนนาไม มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง        

           

นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนตุลาคม 2563 โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่  ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 9,479 - 9,628 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.05 - 1.63 เนื่องจากปัญหาภัยแล้งอย่างรุนแรงในประเทศออสเตรเลีย ส่งผลให้ผลผลิตข้าวลดลงร้อยละ 90 จึงมีสต็อกข้าวไม่เพียงพอต่อการบริโภค ทำให้ประเทศออสเตรเลียอาจนำเข้าข้าวจากประเทศไทยในช่วงเดือนตุลาคม  ยางพาราแผ่นดิบ ชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 48.00 - 48.25 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.23 - 0.75 เนื่องจากความต้องการใช้ยางพาราภายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากมาตรการภาครัฐ ประกอบกับคาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดลดลงจากภาวะฝนตกชุกซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการกรีดยางพารา  มันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 1.77 - 1.82 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.57 - 3.41 เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลผลิตปี 2563/64 ผลผลิตยังออกสู่ตลาดไม่มาก ประกอบกับความต้องการผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากต่างประเทศยังมีอย่างต่อเนื่อง  และปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ 4.07 - 4.15 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.25 - 2.22 เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มดิบยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความต้องการใช้พลังงานไบโอดีเซลภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น จึงผลักดันให้ราคาปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่  ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 13,067 - 13,365 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.57 - 2.79 เนื่องจากผลผลิตข้าวหอมมะลิเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวช่วงปลายเดือนตุลาคม ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับโรงสียังคงประสบปัญหาสภาพคล่องซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการกดดันราคาข้าวในตลาด  ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 14,777 - 15,091    บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.77 - 2.83 เนื่องจากผลผลิตข้าวเหนียวนาปีเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวช่วงปลายเดือนตุลาคม ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น  ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาอยู่ที่ 7.56-7.60 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.50 - 1.00 เนื่องจากปริมาณผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นในช่วงช่วงฤดูเก็บเกี่ยวรุ่นแรก (เดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน) ขณะที่ความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อผลิตอาหารสัตว์คาดว่าทรงตัวตามสภาวะการบริโภคเนื้อไก่ที่ทรงตัว  น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาอยู่ที่ 11.74 - 11.86 เซนต์/ปอนด์ ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.50 - 1.50 (8.80-8.85 บาท/กก.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความต้องการเอทานอลที่ลดลงในบราซิล ซึ่งอาจกระตุ้นให้โรงงานน้ำตาลของบราซิลเพิ่มสัดส่วนการผลิตน้ำตาลมากกว่าผลิตเอทานอล ประกอบกับคาดว่าจะมีผลผลิตน้ำตาลในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ทำให้มีผลผลิตน้ำตาลส่วนเกิน สุกร ราคาอยู่ที่ 76.12 - 76.86 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 1.28 - 2.23 เนื่องจากเข้าสู่เทศกาลกินเจปี 2563 (ช่วงวันที่ 17 - 25 ตุลาคม 2563) ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งงดการบริโภคเนื้อสุกร เนื้อไก่ และไข่ไก่ ส่งผลให้ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรลดลง  และกุ้งขาวแวนนาไม ราคาอยู่ที่ 137.50 -  138.50 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.36 - 1.08 เนื่องจากความต้องการบริโภคในประเทศชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ และเข้าสู่เทศกาลกินเจ ประกอบกับสถานการณ์ราคากุ้งโลกยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องเป็นปัจจัยกดดันให้ราคากุ้งในประเทศลดลง

 


Tags : ธ.ก.ส. สมเกียรติ กิมาวหา ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนตุลาคม 2563


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายเร่งรัดการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน และได้สั่งการให้ธนาคารออมสินหาแนวทางในการช่วยเหลือประชาชนลดภาระการผ่อนชำระหนี้ที่มีอยู่เดิม โดยเฉพาะผู้มีหนี้ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ตลอดจนผู้ที่ประสบปัญหาสภาพคล่องอันเป็นผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจ ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐ และสอดรับกับบทบาทธนาคารเพื่อสังคม ธนาคารจึงพิจารณาออกมาตรการรีไฟแนนซ์ ภายใต้โครงการ “สินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม” รับรีไฟแนนซ์หนี้เดิม (ไม่ใช่การปล่อยสินเชื่อใหม่) เพื่อช่วยลดภาระแก่ลูกหนี้ 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) ลูกหนี้บัตรเครดิต 2) ลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หรือ Personal Loan (P-Loan) 3) ลูกหนี้สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ (Nano Finance) 4) ลูกหนี้สินเชื่อบ้าน ซึ่งการเปิดให้รีไฟแนนซ์สินเชื่อด้วยหลักเกณฑ์ดอกเบี้ยต่ำ พร้อมเงื่อนไขพิเศษอื่นครั้งนี้ ตั้งเป้าช่วยเหลือประชาชนลดภาระการชำระหนี้ ผ่อนสบายมากขึ้น หรือผู้ที่รีไฟแนนซ์แล้วแต่ประสงค์ผ่อนชำระเงินงวดเท่าเดิม ก็จะตัดเงินต้นมากขึ้นเพราะดอกเบี้ยลดลง ทำให้ปิดหนี้ได้เร็วขึ้น โดยมีรายละเอียดหลักเกณฑ์ทั้ง 4 มาตรการ ดังนี้    1. Re-Card : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้บัตรเครดิต ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไปชำระหนี้บัตรเครดิตของสถาบันการเงิน หรือ Non-Bank อื่น โดยการรีไฟแนนซ์/รวมหนี้บัตรเครดิตมาผ่อนชำระกับธนาคารออมสินในรูปแบบเงินกู้ระยะยาว (Long Term Loan) ช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิม 16% ต่อปี ลงเหลือ 8.99% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น) วงเงินกู้ไม่เกิน    5 เท่าของรายได้รวม สูงสุดไม่เกินรายละ 500,000 บาท และไม่ต้องมีหลักประกัน ซึ่งการรีไฟแนนซ์จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ลูกหนี้ ยกตัวอย่างกรณีเป็นหนี้บัตรเครดิต 100,000 บาท ปัจจุบันต้องจ่ายดอกเบี้ย 16% ต่อปี และผ่อนชำระขั้นต่ำ 8% ซึ่งเท่ากับ 8,000 บาทต่อเดือน เมื่อรีไฟแนนซ์มาเป็นเงินกู้ระยะยาว ธนาคารให้ผ่อนชำระได้สูงสุดไม่เกิน 7 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 8.99% ต่อปี ทำให้ลดเงินงวดเหลือ 1,700 บาทต่อเดือนเท่านั้น     2. Re P-Loan : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan : P-Loan) ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไปชำระหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล P-Loan ของสถาบันการเงิน หรือ Non-Bank อื่น ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์/รวมหนี้มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิมประมาณ 25% ต่อปี ลงเหลือ 15% ต่อปี วงเงินให้กู้ตามภาระหนี้คงเหลือของสัญญากู้เดิม สูงสุดไม่เกินรายละ 100,000 บาท และไม่ต้องมีหลักประกัน ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี 3. Re-Nano : รับรีไฟแนนซ์สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อย ที่ต้องการปลดหนี้สินเชื่อ Nano Finance ที่กู้ไปเพื่อลงทุนในการประกอบอาชีพ ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์/รวมหนี้มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิม 33% ต่อปี ลงเหลือ 18% ต่อปี วงเงินให้กู้ตามภาระหนี้คงเหลือของสัญญากู้เดิม สูงสุดไม่เกินรายละ 200,000 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 8 ปี โดยธนาคารออมสินร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการค้ำประกันการกู้ 4. Re-Home : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไถ่ถอนจำนองที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินอื่น วงเงินกู้ 1-5 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยตามสัญญาเดิมที่ประมาณ 6 - 7% ต่อปี ลงเหลือ 1.95% ในปีที่ 1 (ปีที่ 2 = 2.95% ปีที่ 3 = 3.95%) คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% ต่อปี พร้อมเงื่อนไขผ่อนต่ำ ปีที่ 1 ผ่อนชำระเงินงวดล้านละ 3,000 บาท/เดือน ปีที่ 2 ล้านละ 4,000 บาท/เดือน และปีที่ 3 ล้านละ 5,000 บาท/เดือน อนึ่ง ธนาคารสนับสนุนนโยบายรัฐในการแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนของประชาชน ให้สามารถมีเงินเหลือใช้สอยดำรงชีพโดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบ รวมถึงส่งเสริมการปลูกฝังทัศนคติการกู้เงินเท่าที่จำเป็นและผ่อนไหว ทั้งนี้ มาตรการสินเชื่อรีไฟแนนซ์ “โครงการสินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม” เพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน เปิดให้ยื่นขอกู้ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 และจัดทำนิติกรรมสัญญาภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567  

21 Apr 2024

...

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate 0.15% ต่อปี จาก 6.75% เหลือ 6.60% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ EXIM BANK ใช้สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้า SMEs เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี หรือ MRR ของธนาคารพาณิชย์) นับเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ไทยในเทศกาลสงกรานต์นี้ให้แก่ผู้ประกอบการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ในครั้งนี้เป็นการขานรับนโยบายของรัฐบาลในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยลดภาระให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจของ EXIM BANK ในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ บรรเทาภาระหนี้และต้นทุนทางธุรกิจ และสามารถปรับตัวให้แข่งขันในเวทีโลกได้อย่างยั่งยืนในสภาวะที่เศรษฐกิจไทยเติบโตในอัตราที่ช้าลง ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง  

13 Apr 2024

...

กบข. ร่วมกับทิพยประกันภัย มอบประกันอุบัติเหตุ และประกันบ้านปลอดภัย ให้สมาชิก กบข. เที่ยวสงกรานต์อย่างอุ่นใจ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และไม่จำกัดสิทธิ์ ให้ความคุ้มครองนาน 30 วัน   นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)  เปิดเผยว่า กบข. ห่วงใยสมาชิกช่วงเทศกาลสงกรานต์ จึงร่วมกับ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบสิทธิพิเศษ “ประกันภัยอุบัติเหตุ” และ “ประกันภัยบ้าน” ให้แก่สมาชิก โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และไม่จำกัดสิทธิ์ เพื่อให้สมาชิกอุ่นใจ ไม่มีความกังวลปัญหาเรื่องบ้านและความปลอดภัย เมื่อเดินทางท่องเที่ยว หรือกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยสิทธิพิเศษ สมาชิก กบข. รับฟรีประกันภัยอุบัติเหตุ วงเงินคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท จะให้ความคุ้มครองสำหรับความสูญเสียหรือเสียหายของร่างกาย อันเกิดจากความบาดเจ็บซึ่งเกิดจากปัจจัยภายนอกร่างกายของผู้เอาประกันภัยโดยอุบัติเหตุตลอด 24 ชั่วโมง ให้ความคุ้มครองนาน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์ และสิทธิพิเศษ สมาชิก กบข. รับฟรีประกันภัยสงกรานต์สุขใจบ้านปลอดภัย วงเงินคุ้มครองสูงสุด 30,000 บาท ให้ความคุ้มครองกรณีบ้านและคอนโดเกิดเหตุไฟไหม้ ความเสียหายจากภัยธรรมชาติ รวมถึงบ้านโดนโจรกรรม ให้ความคุ้มครองนาน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์ กรณีที่บ้านได้รับความเสียหายจนต้องหาที่พักอาศัยชั่วคราวจะได้รับค่าเช่าที่พักอาศัยชั่วคราว 300 บาท/วัน ไม่เกิน 30 วัน ทั้งนี้ สมาชิก กบข. ที่สนใจสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 6-12 เมษายน 2567 ผ่านทางไลน์ กบข. @gpfcommunity กดที่แบนเนอร์ประกันที่สมาชิกต้องการ เพื่อไปที่ไลน์ @tipgo จากนั้นกดเข้าเมนู “ลงทะเบียนประกันภัยอุบัติเหตุ หรือประกันสงกรานต์สุขใจบ้านปลอดภัย” และทำตามขั้นตอนการรับประกัน เมื่อลงทะเบียนสำเร็จ จะได้รับอีเมลยืนยันความคุ้มครองจากทิพยประกันภัย โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการสมาชิก ซึ่ง กบข. ได้ร่วมมือกับพันธมิตรสวัสดิการอย่างต่อเนื่อง เพื่อจัดหา ออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่หลากหลายและเหมาะสม ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทางการเงินและประกัน ตลอดจนสิทธิพิเศษส่วนลดอาหาร-เครื่องดื่ม บริการ และสินค้าทั่วประเทศ เฉพาะสมาชิก กบข. โดยสมาชิกสามารถติดตามรายละเอียดสวัสดิการทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์ กบข. LINE กบข. และ My GPF Application สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook กบข. หรือ LINE กบข. @gpfcommunity หรือศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก โทร. 1179  

11 Apr 2024

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รับรางวัลเกียรติยศ Business Excellence in Thailand 2023 TOP CEO ภายในงาน 2023 ASIA CEO SUMMIT & AWARD CEREMONY งานมอบรางวัลสุดยอดผู้บริหารและแบรนด์ชั้นนำในเอเชีย โดยเลือกผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ด้วยเป็นผู้นำที่ได้เปลี่ยนธนาคารออมสินมาสู่การเป็นธนาคารเพื่อสังคม ที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมในมิติของการลดความเหลื่อมล้ำและแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ จำนวนมาก ตลอดปี 2563 - 2565 ซึ่งถือเป็นหน่วยงานหลักในการให้ความช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจให้ผ่านพ้นสถานการณ์ในช่วงวิกฤตโควิด-19 มาได้อย่างเข้มแข็ง อาทิ สินเชื่อ SMEs มีที่ มีเงิน สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ โครงการสร้างงานสร้างอาชีพ และโครงการ Holistic Area-based Development จังหวัดน่าน รวมทั้งเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและความมั่งคั่งให้กับคนไทย โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า และเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้าถึงบริการทางการเงินด้วย ทั้งนี้ การมอบรางวัลดังกล่าว จัดขึ้นโดย บริษัท อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ ประเทศสิงคโปร์ และ บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จำกัด เพื่อเป็นเกียรติแก่แบรนด์ชั้นนำที่สร้างผลกระทบต่อผู้บริโภคและประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจมากที่สุด ณ โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้    

08 Apr 2024

Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner