Responsive image

Thursday, 28 Sep 2023

หน้าแรก > ECONOMY-FINANCE / เศรษฐกิจ-การเงิน


ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนตุลาคม 2563 ข้าวเปลือกเจ้า มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น สุกรและกุ้ง ปรับตัวลดลง

Sat 10/10/2563


ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส.  ชี้ปัญหาภัยธรรมชาติ ภาวะตลาดโลกและนโยบายรัฐ ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรเดือนตุลาคม 2563 เช่น ข้าวเปลือกเจ้า ยางพาราแผ่นดิบ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น ด้านข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ น้ำตาลทรายดิบ สุกรและกุ้งขาวแวนนาไม มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง        

           

นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนตุลาคม 2563 โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่  ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 9,479 - 9,628 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.05 - 1.63 เนื่องจากปัญหาภัยแล้งอย่างรุนแรงในประเทศออสเตรเลีย ส่งผลให้ผลผลิตข้าวลดลงร้อยละ 90 จึงมีสต็อกข้าวไม่เพียงพอต่อการบริโภค ทำให้ประเทศออสเตรเลียอาจนำเข้าข้าวจากประเทศไทยในช่วงเดือนตุลาคม  ยางพาราแผ่นดิบ ชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 48.00 - 48.25 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.23 - 0.75 เนื่องจากความต้องการใช้ยางพาราภายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากมาตรการภาครัฐ ประกอบกับคาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดลดลงจากภาวะฝนตกชุกซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการกรีดยางพารา  มันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 1.77 - 1.82 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.57 - 3.41 เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลผลิตปี 2563/64 ผลผลิตยังออกสู่ตลาดไม่มาก ประกอบกับความต้องการผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากต่างประเทศยังมีอย่างต่อเนื่อง  และปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ 4.07 - 4.15 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.25 - 2.22 เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มดิบยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความต้องการใช้พลังงานไบโอดีเซลภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น จึงผลักดันให้ราคาปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่  ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 13,067 - 13,365 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.57 - 2.79 เนื่องจากผลผลิตข้าวหอมมะลิเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวช่วงปลายเดือนตุลาคม ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับโรงสียังคงประสบปัญหาสภาพคล่องซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการกดดันราคาข้าวในตลาด  ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 14,777 - 15,091    บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.77 - 2.83 เนื่องจากผลผลิตข้าวเหนียวนาปีเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวช่วงปลายเดือนตุลาคม ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น  ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาอยู่ที่ 7.56-7.60 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.50 - 1.00 เนื่องจากปริมาณผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นในช่วงช่วงฤดูเก็บเกี่ยวรุ่นแรก (เดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน) ขณะที่ความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อผลิตอาหารสัตว์คาดว่าทรงตัวตามสภาวะการบริโภคเนื้อไก่ที่ทรงตัว  น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาอยู่ที่ 11.74 - 11.86 เซนต์/ปอนด์ ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.50 - 1.50 (8.80-8.85 บาท/กก.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความต้องการเอทานอลที่ลดลงในบราซิล ซึ่งอาจกระตุ้นให้โรงงานน้ำตาลของบราซิลเพิ่มสัดส่วนการผลิตน้ำตาลมากกว่าผลิตเอทานอล ประกอบกับคาดว่าจะมีผลผลิตน้ำตาลในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ทำให้มีผลผลิตน้ำตาลส่วนเกิน สุกร ราคาอยู่ที่ 76.12 - 76.86 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 1.28 - 2.23 เนื่องจากเข้าสู่เทศกาลกินเจปี 2563 (ช่วงวันที่ 17 - 25 ตุลาคม 2563) ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งงดการบริโภคเนื้อสุกร เนื้อไก่ และไข่ไก่ ส่งผลให้ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรลดลง  และกุ้งขาวแวนนาไม ราคาอยู่ที่ 137.50 -  138.50 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.36 - 1.08 เนื่องจากความต้องการบริโภคในประเทศชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ และเข้าสู่เทศกาลกินเจ ประกอบกับสถานการณ์ราคากุ้งโลกยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องเป็นปัจจัยกดดันให้ราคากุ้งในประเทศลดลง

 


Tags : ธ.ก.ส. สมเกียรติ กิมาวหา ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนตุลาคม 2563


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

กบข. เตรียมเงินจ่ายคืนสมาชิกเกษียณอายุราชการปีนี้ 2.7 หมื่นล้านบาท พร้อมจ่ายเงินคืนได้ภายใน 7 วันทำการหลังเอกสารถูกต้องครบถ้วน พร้อมเสนอทางเลือก “ออมต่อ” ให้ กบข. บริหารเงินลงทุนให้ต่อเนื่องหลังจากเกษียณอายุราชการ โดยมีสมาชิกให้ความสนใจเพิ่มขึ้นทุกปี ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)  เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 กันยายน 2566 มีสมาชิก กบข. ที่จะเกษียณอายุราชการ จำนวน 21,223 ราย และ กบข. ได้เตรียมเงินสำหรับจ่ายคืนให้กับสมาชิกที่สิ้นสุดสมาชิกภาพและทำเรื่องขอรับเงินคืน ประมาณ 27,000 ล้านบาท โดย กบข. ได้คาดการณ์ยอดเงินที่สมาชิกจะได้รับเฉลี่ยประมาณ 1.3 ล้านบาทต่อราย ซึ่งจะสามารถดำเนินการจ่ายเงินคืนสมาชิกภายใน 7 วันทำการ หลังจากที่ กบข. ได้รับเอกสารที่ครบถ้วนถูกต้อง และประกาศเกษียณอายุราชการมีผลบังคับใช้ ดร.ศรีกัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า  สมาชิก กบข. ที่จะเกษียณอายุราชการ หากยังไม่มีแผนใช้เงินก้อน สามารถพิจารณาใช้บริการออมต่อกับ กบข. ได้ เพื่อให้ กบข. บริหารเงินลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้อย่างต่อเนื่อง โดยจากสถิติมีจำนวนอดีตสมาชิกสนใจใช้บริการออมต่อเพิ่มขึ้นทุกปี ข้อมูล ณ 31 ส.ค. 66 มีอดีตสมาชิกที่ยังใช้บริการออมต่อจำนวน 6,230 ราย และมีการออมต่อนานสุดอยู่ที่ 15 ปี สมาชิกที่สนใจบริการออมต่อ สามารถแจ้งความประสงค์ได้ 2 ช่องทาง คือ 1) แจ้งความประสงค์ทางระบบบำเหน็จบำนาญและสวัสดิการรักษาพยาบาล (Digital Pension) ของกรมบัญชีกลาง และ 2) แจ้งความประสงค์ผ่านหน่วยงานต้นสังกัด พร้อมกรอกแบบ กบข. รง 008/1/2555 อนึ่ง บริการออมต่อมี 4 รูปแบบ คือ 1. ออมต่อทั้งจำนวน 2. ทยอยรับเงินเป็นงวด ๆ อาทิ รายเดือน รายสามเดือน รายหกเดือน หรือรายปี 3. ขอรับเงินบางส่วน ที่เหลือให้ กบข. บริหารต่อ และ 4. ขอรับเงินบางส่วน ที่เหลือทยอยรับเงินเป็นงวด ๆ โดยสมาชิกสามารถเลือกใช้บริการได้ตามความจำเป็นและรูปแบบที่เหมาะสมตามความต้องการของสมาชิก พร้อมทั้งสามารถแจ้งเปลี่ยนรูปแบบการออมต่อได้ปีละ 2 ครั้ง ผ่าน My GPF Application เมนู “ออมต่อ” สมาชิกสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook กบข. หรือ LINE กบข. @gpfcommunity หรือศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก โทร. 1179  

26 Sep 2023

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินยังคงตอกย้ำบทบาทในการส่งเสริมการออม ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากจูงใจให้คนไทยเก็บออมอย่างต่อเนื่อง และดูแลด้านผลตอบแทนที่เหมาะสม เพื่อสร้างความมั่นคงในการดำเนินชีวิตและสังคมที่ยั่งยืนให้กับประเทศ ล่าสุดธนาคารได้จัดแคมเปญสลากออมสินเงินฝากยอดนิยมสูงสุด สลากออมสินพิเศษ 2 ปี ด้วยการเพิ่มรางวัลพิเศษมูลค่า 50 ล้านบาท 1 รางวัล สำหรับผู้ที่ฝากสลากออมสินพิเศษ 2 ปี แบบใบสลากและดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. - 30 พ.ย.2566 แคมเปญพิเศษนี้จะทำการออกรางวัลในวันที่ 1 ธ.ค.2566 และผู้ฝากยังมีสิทธิ์ลุ้นถูกรางวัลที่ 1 อีก 30 ล้านบาท รวมเป็นเงินรางวัล 80 ล้านบาท โดยผู้สนใจสามารถฝากสลากออมสินพิเศษ 2 ปี ได้ 2 ช่องทาง คือ ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ และ แอป MyMo ทั้งนี้ สำหรับผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลพิเศษ 50 ล้านบาท จะมีการมอบเงินรางวัล ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่     สลากออมสินพิเศษ 2 ปี ทั้งแบบใบสลาก และสลากดิจิทัล รับฝากบุคคลธรรมดาอายุ 7 ปีขึ้นไป และนิติบุคคลทุกประเภท หน่วยละ 100 บาท ระยะเวลาฝาก 2 ปี ฝากครบ 2 ปี ได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 0.80 บาท พร้อมกับเงินต้นที่ฝาก ในช่วงเวลาฝาก 2 ปี มีสิทธิ์ถูกรางวัลที่ 1 เงินรางวัล 30 ล้านบาท รวมถึงรางวัลอื่น ๆ และรางวัลเลขท้าย รวมจำนวน 24 ครั้ง กำหนดการออกรางวัลทุกวันที่ 1 ของเดือน ทั้งนี้ ธนาคารไม่จำกัดวงเงินรับฝากสูงสุด พร้อมกับสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ฝากบุคคลธรรมดา ดอกเบี้ยและเงินรางวัลที่ได้รับไม่ต้องเสียภาษี ติดตามรายละเอียดที่ www.gsb.or.th หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ GSB Contact Center โทร. 1115.  

23 Sep 2023

...

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ฉลองครบรอบ 70 ปี เพิ่มโอกาสพิเศษเอาใจคนอยากมีบ้าน นำทรัพย์เด่นกว่า 500 รายการทั่วประเทศ มาลดสูงสุดถึง 50% ของราคาประเมิน ในงานมหกรรมบ้านมือสอง ธอส. ออนไลน์ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2566 (GHB ALL HOME ONLINE 2023) โดยธนาคารจัดโปรโมชันเด็ด โดนใจ สำหรับลูกค้าที่จองซื้อทรัพย์บ้านมือสอง ธอส. ผ่านทาง Application : GHB ALL HOME หรือ www.ghbhomecenter.com ระหว่างวันที่ 22 - 26 กันยายน 2566 จะได้รับบัตรกำนัลแทนเงินสดมูลค่า 7,000 บาท จำนวน 14 รายแรก แบ่งเป็น ซื้อทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 7 รายแรก และทรัพย์ในเขตภูมิภาค 7 รายแรก ทั้งนี้ ภายในงานยังมีทรัพย์ราคาจำหน่ายต่ำสุดเพียง 80,000 บาท เท่านั้น ได้แก่ ทรัพย์ประเภทห้องชุด ขนาดเนื้อที่ 23.63 ตารางเมตร ใน อ.บางพลี  จ.สมุทรปราการ พิเศษต่อที่ 2!! ผู้ที่จองซื้อทรัพย์จะได้รับสิทธิ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำสุด นานสูงสุดถึง 24 เดือน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 กด 5 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือดูข้อมูลบ้านมือสอง ธอส. ได้ที่ www.ghbhomecenter.com, Application : GHB ALL HOME และ Line Official Account : @GHBALLHOME  

20 Sep 2023

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ก่อนหน้านี้ธนาคารออมสินได้ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายใต้โครงการ “สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19” วงเงินรายละไม่เกิน 10,000 บาท วงเงินสินเชื่อรวม 20,000 ล้านบาท และสินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 วงเงินไม่เกินรายละ 10,000 บาท วงเงินสินเชื่อรวม 10,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องชั่วคราวให้กับประชาชนที่ขาดรายได้ช่วงวิกฤติที่ผ่านมา ซึ่งในเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ธนาคารได้ขยายระยะเวลาเข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ถึงเดือนตุลาคม 2567 อย่างไรก็ดี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังอยู่ในระยะเพิ่งเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับค่าครองชีพมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือแก้ไขเครดิตแก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ลูกหนี้บัญชี 21) ที่มีสถานะเป็น NPL ให้กลับมามีสถานะหนี้ปกติ ธนาคารออมสินจึงออกมาตรการ “ไม่คิดดอกเบี้ย ลดดอกเบี้ยค้างชำระทั้งหมด และนำเงินที่ชำระไปตัดเงินต้นทั้งจำนวน” สำหรับโครงการสินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 โดยให้ลูกหนี้เริ่มผ่อนชำระเพียง 100 บาทต่อเดือนสำหรับงวดที่ 1-6 หลังจากนั้นงวดที่ 7-12 ผ่อนชำระ 300 บาทต่อเดือน และขยายระยะเวลาการชำระจนถึงเดือนตุลาคม 2567 จึงขอเชิญชวนลูกหนี้สินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 ลงทะเบียนสมัครเข้ามาตรการช่วยเหลือดังกล่าวได้ที่ช่องทาง MyMo หรือ www.gsb.or.th สำหรับลูกหนี้ที่ไม่มี MyMo สามารถลงทะเบียนผ่านช่องทางเว็บไซต์ธนาคาร www.gsb.or.th ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 สามารถสอบถามเพิ่มเติมที่ GSB Contact Center โทร. 1115.  

19 Sep 2023

Banner Banner Banner Banner

Banner
    ปี 2566 “ประกันภัย-การเงิน-สินเชื่อ” ยังคงมาแรง ธุรกิจที่ยังต้องรอรัฐบาลฟื้นฟู “ขายตรง-อสังหาฯ-SME”    หลังจากที่ประเทศไทยเริ่มผ่อนคลายจากไวรัสโควิด-19 ในปี 2566 ธุรกิจประกันภัย-การเงิน-สินเชื่อ ยังคงเป็นธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่องในปี 2566 เพราะในช่วงวิกฤตโควิด ธุรกิจทั้ง 3 สาขาแม้จะได้รับผลกระทบ แต่ก็ยังยืนยงอยู่รอดปลอดภัย และเป็นธุรกิจที่ยังน่าสนใจลงทุนเป็นอันดับต้น ๆ ของธุรกิจในประเทศไทย และในต่างประเทศ ตราบใดที่ระบบสาธารณสุข และรัฐสวัสดิการของประเทศไทย ยังเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้  ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในสองสิ่งนี้ การประกันชีวิตและการประกันภัยจึงยังเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากสำหรับคนไทย ที่อยากซื้อความคุ้มครองซื้ออนาคต และอยากมีสวัสดิการที่ขาดหายไปจากภาครัฐ ส่วนธุรกิจการเงินและธุรกิจสินเชื่อนั้น นับวันจะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ตราบใดที่ประเทศไทยยังอยู่กับคำว่า “รวยเป็นกระจุก จนเป็นกระจาย” คนไทยยังต้องหวังพึ่งพาเงินในอนาคต เพื่อมาอุปโภคบริโภค ตราบนั้นทั้งธุรกิจการเงิน และสินเชื่อ ก็ยิ่งจะมีความสำคัญ เป็นธุรกิจที่เล็งเห็นกำไรและการเติบโต และน่าลงทุนมากขึ้นตามไปด้วย นี่คือธุรกิจยอดเยี่ยมในปี 2566 ที่ผมขอยกให้เป็นธุรกิจที่น่าลงทุน และน่าเข้าไปเกี่ยวข้อง สำหรับธุรกิจที่ยังต้องเร่งฟื้นฟู คือ ธุรกิจขายตรง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจSME ที่ยังคงสะบักสะบอมมาตั้งแต่ก่อนยุคโควิด-19 มาถึงวันนี้ก็ยังนิ่ง ๆ อยู่ ก็คงต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่มาบูรณะ คงต้องรอดูฝีมือของทีมงานเศรษฐกิจชุดใหม่ ที่ต้องทำงานได้ดีกว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันหลายเท่าตัวในการกอบกู้ธุรกิจไทย  และ 3 สาขาธุรกิจที่ยังคงรอให้รัฐบาลชุดใหม่มาเร่งฟื้นฟูในปี 2566 นี้  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner