Responsive image

Wednesday, 07 May 2025

หน้าแรก > INSURANCE/ประกันภัย-ประกันชีวิต


บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด กับมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 "สงกรานต์สุขใจ ขับขี่ปลอดภัย ห่างไกลโควิด"

Thu 08/04/2564


ตามที่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ได้มีมาตรการแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2564 ภายใต้ชื่อ "สงกรานต์สุขใจ ขับขี่ปลอดภัย ห่างไกลโควิด" มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนเดินทางปลอดภัยอย่างสุขใจ ห่างไกลจากอุบัติเหตุและโควิด-19 ตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยทาง  บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนทั่วประเทศ ดำเนินมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 ดังนี้

กิจกรรม“ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย”

                บริษัทกลางฯ ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม“ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 เพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย บริษัทกลางฯ จัดทำกิจกรรมเพื่อยานพาหนะปลอดภัย ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม - 10 เมษายน 2564 โดยเป็นการให้บริการประชาชนในการตรวจเช็คสภาพความพร้อมเบื้องต้นของรถจักรยานยนต์ทั่วประเทศ จำนวน 254 จุดบริการ โดยจัดให้มีการให้บริการเปลี่ยนหลอดไฟรถจักรยานยนต์ ฟรี ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว เพื่อให้ยานพาหนะปลอดภัย โดยผู้ใช้บริการสามารถสังเกตจุดให้บริการที่มีสัญลักษณ์ ป้ายแบนเนอร์ชื่อโครงการติดไว้หน้าจุดบริการที่ร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์,ตรอ.และสถานศึกษา ที่เข้าร่วมโครงการในทุกจังหวัดทั่วประเทศ

กิจกรรมยานพาหนะปลอดภัย “รถพร้อม”

                บริษัทกลางฯ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) มีการให้บริการเปลี่ยนหลอดไฟและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง รถจักรยานยนต์ ฟรี ในกิจกรรมโครงการรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564

กิจกรรมร่วมกับมูลนิธิกู้ชีพ กู้ภัย “เปลช่วยชีวิต”

                บริษัทกลางฯ ให้การสนับสนุนอุปกรณ์เปลกู้ชีพกู้ภัยให้กับมูลนิธิกู้ชีพกู้ภัยทั่วประเทศ จำนวนมากกว่า 800 ชิ้น เพื่อนำไปใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ให้ปลอดภัยถึงมือหมอ และเพื่อสร้างความร่วมมือร่วมกันในการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงในและนอกเทศกาล

กิจกรรมผู้ใช้ยานพาหนะปลอดภัย “คนพร้อม”

                บริษัทกลางฯ ให้การสนับสนุนศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนระดับจังหวัด สนับสนุนน้ำดื่มกว่า 4,000 โหล ผ้าเย็นจำนวน 10,000 ชิ้น,ยาหม่อง,ยาดม,พิมเสนน้ำ 10,000 ชิ้น เพื่อแจกจ่ายตามจุดบริการ ให้กับผู้ขับขี่ยานพาหนะเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับผู้ขับขี่ รวมถึงสื่อประชาสัมพันธ์ เช่น แผนที่ทางหลวง 10,000 ชุด ซึ่งมีข้อมูลจุดบริการและเบอร์โทรศัพท์ของตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ พร้อมทั้งรายละเอียดความคุ้มครองของ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ อีกด้วย

กิจกรรมส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย “ผู้ใช้จักรยานยนต์ปลอดภัย”

                บริษัทกลางฯ ร่วมกับเครือข่ายรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน 11 จังหวัด ทำการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยได้แก่ ตรัง,ตราด,ตาก,ปทุมธานี,พะเยา,พิจิตร,พิษณุโลก,เลย,สงขลา,สุโขทัย และ สุราษฎร์ธานี​ โดยใช้หมวกนิรภัยรวมจำนวน 3,763 ใบ เพื่อรณรงค์สร้างความตระหนักในการขับขี่อย่างปลอดภัย มีสติ มีวินัยและมีน้ำใจรวมถึงมุ่งเน้นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยและปฎิบัติตามกฎจราจร

“ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน www.Thairsc.com”

                ประชาชนสามารถเข้ามาค้นหาข้อมูลจุดเสี่ยง จุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ประชาชนสามารถทราบว่าพื้นที่ที่จะเดินทางไปนั้น มีจุดที่ต้องระมัดระวังที่ใดบ้าง รวมถึงบริษัทกลางฯ ยังได้มีการรวบรวมจุดเสี่ยงที่ทุกจังหวัดได้มีการดำเนินการแก้ไขแล้ว และได้นำมาจัดเก็บเป็นข้อมูลไว้ในศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน www.thairsc.com เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน

“อุบัติเหตุจากรถ แจ้งบริษัทกลางฯ ทันที ที่ Call Center 1791 หรือแอดไลน์ @iRVP”

                ประชาชนสามารถแอดไลน์ @iRVP ของบริษัทกลางฯ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือช่วยเหลือ เมื่อเกิดหรือพบเห็นอุบัติเหตุ ประชาชนสามารถค้นหาสถานพยาบาล หรือสถานีตำรวจ ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเพื่อประสานแจ้งเหตุได้อย่างทันท่วงที พร้อมทั้งสามารถแจ้งเหตุผ่าน สายด่วน 1791 หรือผ่านไลน์ @iRVP ได้อีกด้วย

“บริษัทกลางฯ ร่วมกับธุรกิจประกันภัย จ่ายสินไหมทดแทน 24 ชั่วโมง”

                บริษัทกลางฯ ร่วมกับธุรกิจประกันภัย จะดำเนินการจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถ ภายใน 24 ชั่วโมง (วันที่ 10 – 16 เมษายน 2564) เมื่อได้รับแจ้งการเกิดอุบัติทางถนนและรถคันที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ มีประกันภัย พ.ร.บ. ทางบริษัทกลางฯและเครือข่ายจะไปดำเนินการจ่ายค่าปลงศพให้แก่ทายาทผู้ประสบภัยจากรถที่เสียชีวิตทันทีภายใน 24 ชั่วโมง โดยไม่รอผลพิสูจน์ความรับผิด เพื่อการเยียวยาบรรเทาทุกข์เบื้องต้นอย่างเร่งด่วน รวมถึงกรณีผู้ประสบภัยได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่สถานพยาบาลโดยประสานงานรับรองสิทธิผู้ป่วยจากรถ ตลอด 24 ชั่วโมง

 


Tags : บริษัทกลางฯ มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 ประกันภัยอุบัติเหตุ


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

SME D Bank ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ดูแลกลุ่มเอสเอ็มอีที่มีสิทธิ์กว่า 17,200 ราย อย่างใกล้ชิด พาเข้าร่วมแล้ว ณ วันที่ 23 เม.ย. 68 กว่า 7,200 ราย หรือคิดเป็นกว่า 40% จากลูกหนี้ทั้งหมดที่มีสิทธิ์ ประกาศข่าวดี ขยายระยะเวลาสมัครลงทะเบียนสมัครถึงวันที่ 30 มิ.ย. 68 นี้ เพื่อรับประโยชน์ช่วยลดภาระ สร้างโอกาสกลับมาเริ่มต้นธุรกิจอีกครั้ง นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า จากที่รัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย มีนโยบายแก้หนี้ให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่ง SME D Bank ขานรับนโยบายเข้าร่วมโครงการ ด้วยการเปิดให้ลูกหนี้ของธนาคารที่เข้าเกณฑ์จำนวนกว่า  17,200 ราย มูลหนี้ประมาณ  16,800  ล้านบาท   ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ผ่านเว็บไซต์ของธนาคาร (www.smebank.co.th)   รวมถึง ทำงานเชิงรุกด้วยการส่งจดหมายแนะนำโครงการไปถึงลูกหนี้ทุกรายที่มีสิทธิ์ ควบคู่กับให้ทีมงานธนาคารติดต่อลูกหนี้ทุกรายที่มีสิทธิ์ เพื่อให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด แนะนำถึงประโยชน์ของการเข้าร่วมโครงการ อีกทั้งเปิด Call Center สายพิเศษ รองรับให้บริการในโครงการนี้โดยเฉพาะผ่านเลขหมาย 1357 กด 99 ทั้งนี้  นับตั้งแต่เปิดลงทะเบียนเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 จนถึงวันที่ 23 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา มีลูกหนี้ลงทะเบียนเข้าโครงการแล้วกว่า 7,200 ราย หรือคิดเป็นกว่า 40% ของลูกหนี้ทั้งหมดของธนาคารที่มีสิทธิ์ ผ่านเกณฑ์โครงการกว่า 4,650 ราย  แยกตามประเภทอุตสาหกรรม  ภาคการค้า ประมาณ 38% ภาคบริการ ประมาณ 34% และภาคการผลิต ประมาณ 28%  โดยเป็นสัดส่วนกลุ่มธุรกิจที่ผ่านมาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” และทำสัญญาแล้ว จำนวนกว่า 2,900 ราย มูลหนี้กว่า 3,800 ล้านบาท   สำหรับกลุ่มที่ลงทะเบียนแบ่งเป็นกลุ่ม Lower SE (รายได้เกิน 1.8 ถึง 15  ล้านบาทต่อปี) จำนวน 58%  กลุ่ม Micro (รายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี)  จำนวน 24%  กลุ่ม Upper SE (รายได้เกิน 15 ถึง 100  ล้านบาทต่อปี) จำนวน  16% และกลุ่ม ME (รายได้เกิน  100  ล้านบาทต่อปี) จำนวน 2%  เมื่อรวมกลุ่มผู้ประกอบการที่เป็นรายเล็กกับรายย่อย ( Lower SE , Micro ) จำนวนรวมถึงกว่า 82% สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการรายเล็กของไทยมีศักยภาพเปราะบาง ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด  นอกจากนั้น ธนาคารยังช่วยเหลือด้านการพัฒนา เน้นการเพิ่มรายได้ขยายตลาด เช่น เชิญร่วมโครงการ  “SME D Market”  ซึ่งธนาคารจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน เปิดโอกาสให้มาออกบูธจำหน่ายสินค้า  ณ  สำนักงานใหญ่ SME D Bank โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เชิญร่วมกิจกรรมคาราวานสินค้า สร้างโอกาสทางการตลาด และจับคู่ธุรกิจ  นอกจากนั้น เชิญร่วมโครงการไลฟ์คอมเมิร์ซ เวิร์คช้อปการทำตลาดยุคดิจิทัล พร้อมโอกาสเพิ่มรายได้ด้วยการให้คนดังบนโลกออนไลน์ช่วยบอกต่อ เป็นต้น   ทั้งนี้ จากที่โครงการดังกล่าว ได้ขยายเวลาลงทะเบียนออกไปถึงวันที่ 30 มิถุนายน  2568  นับเป็นโอกาสดีที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงประโยชน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือลดค่างวดชำระ  3 ปี  เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่อง โดยปีแรกชำระเพียง 50% เท่านั้น    โดยค่างวดที่ชำระนำไปตัดเงินต้นทั้งหมด อีกทั้ง ไม่เก็บดอกเบี้ย  3 ปี  เมื่อทำตามเงื่อนไข และหากชำระค่างวดมากกว่าขั้นต่ำ ตัดเงินต้นเพิ่ม ปิดหนี้จบได้อย่างรวดเร็ว   จึงขอเชิญชวนลูกหนี้ทุกรายที่มีสิทธิ์ รีบแจ้งความประสงค์ เพื่อรับผลประโยชน์ในการช่วยเหลือ  ลดภาระหนี้ และสร้างโอกาสให้กลับมาเริ่มต้นดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง  สามารถแจ้งความประสงค์ผ่านเว็บไซต์ของธนาคาร (www.smebank.co.th)   หรือเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (www.bot.or.th/khunsoo) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357 กด 99   

05 May 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์การเงินการคลังของไทย ในงาน MOF Journey: 150 ปี เส้นทางการคลังไทย ในโอกาสครบรอบ 150 ปี กระทรวงการคลัง โดยจัดโปรโมชันเงินฝากเพื่อส่งเสริมการออมสำหรับงานนี้เท่านั้น เริ่มต้นด้วยเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 150 วัน อัตราดอกเบี้ยแบบ Step up เฉลี่ย 2.55% ต่อปี หรือเทียบเท่าเงินฝากประจำ 3.00% ต่อปี จองสิทธิ์ภายในงาน จำนวนจำกัด วันละ 150 สิทธิ์ และ 1 คนต่อ 1 สิทธิ์ และพลาดไม่ได้กับแคมเปญแห่งปี “ออมร้อย ชิงร้อยล้าน” ฝากสลากออมสินพิเศษ 1 ปี ลุ้นรับรางวัลพิเศษมูลค่ารวม 100 ล้านบาท แบ่งเป็น รางวัลพิเศษ มูลค่า 1 ล้านบาท งวดวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 จำนวน 30 รางวัล และรางวัลพิเศษ มูลค่า 70 ล้านบาท งวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 เพียง 1 รางวัลเท่านั้น สำหรับผู้ฝากสลากตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 15 กรกฎาคม 2568 หรือเลือกฝากสลากออมสินพิเศษ / สลากดิจิทัล แบบ 2 ปี พร้อมรับของที่ระลึก นอกจากนี้ยังมี เงินฝาก Smart Junior เพื่อเด็กและเยาวชนที่มีอายุ 7 – 23 ปีบริบูรณ์ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.50% ต่อปี และได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงสุด 2.10% ต่อปี เมื่อมียอดเงินฝากคงเหลือเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนอย่างต่อเนื่อง โดย 24 เดือนแรก รับดอกเบี้ยพิเศษเพิ่มขึ้น 0.10% ทุก 2 เดือน สูงสุดไม่เกิน 1.60% ต่อปี และรับดอกเบี้ยโบนัสเพิ่มขึ้น 0.50% ใน 6 เดือนสุดท้าย ระยะเวลาฝากรวม 30 เดือน เปิดบัญชีขั้นต่ำ 1 บาท และเปิดบัญชีเงินฝาก 100 บาทขึ้นไป รับกระปุกออมสินคอลเลกชันพิเศษ GSB Love Earth ภายในบูธยังมีกิจกรรมพิเศษและรับกระปุกออมสิน รวมถึงการแนะนำการลงทะเบียนสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส นวัตกรรมสินเชื่อสำหรับคนที่ไม่เคยกู้แบงก์ได้มาก่อนอีกด้วย   งานครบรอบ 150 ปี วันสถาปนากระทรวงการคลัง จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “อดีต–ปัจจุบัน-อนาคต” เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้เรียนรู้ถึงวิวัฒนาการด้านการคลังของไทยที่มีบทบาทในการพัฒนาประเทศตั้งแต่อดีตสู่ภารกิจการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มั่งคงและยั่งยืนในอนาคต ภายในงานยังเป็นการร่วมแสดงพลังความสามัคคี การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อการบริการประชาชนและการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมของหน่วยงานในสังกัด จึงขอเชิญชวนร่วมสัมผัสนวัตกรรมและบริการทางการเงินที่น่าสนใจ ทั้งจากบูธธนาคารออมสิน และหน่วยงานต่าง ๆ ในระหว่างวันที่ 1 - 3 พฤษภาคม 2568 ณ Hall 3 – 4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  

30 Apr 2025

...

บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ก้าวสู่ผู้นำด้านความโปร่งใสและจริยธรรมทางธุรกิจ โดยได้รับการเลื่อนสถานะเป็น CAC Change Agent จากองค์กรแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) ซึ่งเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ แสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม โปร่งใส ปกป้องผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และเผยแพร่ไปยังคู่ค้าให้มีห่วงโซ่อุปทานที่ใสสะอาด กรุงเทพประกันชีวิต เชื่อมั่นในพลังความใส่ใจและมุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความยั่งยืน โดยเข้าร่วมเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านการคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) เป็นระยะเวลากว่า 3 ปี ความสำเร็จครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมหลักธรรมาภิบาลที่ดี ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อองค์กรรวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจ โดยกรุงเทพประกันชีวิตจะยังคงมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านความโปร่งใสและจริยธรรมทางธุรกิจต่อไป

30 Apr 2025

...

พลเอก ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก รับมอบเงินสนับสนุนโครงการประกอบอาชีพเสริมเพิ่มรายได้แก่กำลังพลกองทัพบกที่ปลดพิการทุพพลภาพและครอบครัว ประจำปี 2568 จากนายเด่นพงษ์ เจษฎาวิริยะ  ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการส่งเสริมอาชีพ พัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้พิการให้มีความเท่าเทียมในสังคม ตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยในปี 2568 บริษัทฯ ให้การสนับสนุนกำลังพลกองทัพบกและครอบครัวรวม 29 ราย เป็นจำนวนเงิน 3,493,050 บาท โดยบริษัทฯ ร่วมสนับสนุนโครงการฯ มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน รวมเงินสนับสนุนทั้งสิ้น 32,282,060 บาท

27 Apr 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner