Responsive image

Thursday, 17 Jul 2025

หน้าแรก > ECONOMY- FINANCE / เศรษฐกิจ - การเงิน


ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนกรกฎาคม 2564

Sun 11/07/2564


ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. ชี้มาตรการล็อกดาวน์จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และความต้องการของตลาดโลก ทำให้ราคาสินค้าเกษตรเดือนกรกฎาคม 2564 ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพาราแผ่นดิบ มันสำปะหลัง และสุกร มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น ด้านข้าวเปลือกหอมมะลิ น้ำตาลทรายดิบ ปาล์มน้ำมัน กุ้งขาวแวนนาไม และโคเนื้อ มีแนวโน้มราคาปรับลดลง

นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนกรกฎาคม 2564    โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 8,623 -8,834 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.25 - 3.73 เนื่องจากคาดว่าความต้องการข้าวของผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ของโลกจะกลับมาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งมีแนวโน้มเผชิญกับพายุหลายลูกในช่วงฤดูฝนจนถึงเดือนกันยายน 2564 ซึ่งจะทำให้ผลผลิตข้าวมีปริมาณน้อยลง และประเทศอินโดนีเซียที่มีการลงนามบันทึกความเข้าใจซื้อข้าวระหว่างรัฐบาลไทย ซึ่งจะทยอยส่งมอบข้าวจำนวนมากตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 10,494 - 10,601 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.38 - 1.41 เนื่องจากความต้องการใช้ข้าวเหนียวเพิ่มขึ้นในเทศกาลวันเข้าพรรษา  ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาอยู่ที่ 8.11 - 8.17 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.30 - 1.00 เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย คาดว่าในเดือนนี้จะมีผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ร้อยละ 1.30 ของผลผลิตทั้งหมด ขณะที่ผู้ประกอบการอาหารสัตว์มีความต้องการใช้อย่างต่อเนื่อง จากการขยายตัวของการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ ประกอบกับราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์อื่น ๆ อาทิ ถั่วเหลือง ปรับตัวสูงขึ้นตามคำสั่งซื้อของประเทศจีน 

ยางพาราแผ่นดิบ ชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 56.45 - 57.45 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.02 - 1.79  โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณยางพาราที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดเดือนกรกฎาคม 2564 จำนวน 0.436     ล้านตัน ลดลงจากเดือนก่อน (0.440 ล้านตัน) ประกอบกับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Purchasing Managers Index : PMI) ของประเทศคู่ค้าสำคัญอยู่เหนือระดับ 50 ได้แก่ สหรัฐฯ (62.1) จีน (51.0) ญี่ปุ่น (53.0) และ    ยูโรโซน (63.1) ที่สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นในการลงทุนและเป็นโอกาสในการนำเข้ายางพาราจากประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยอัตราค่าเงินบาท ณ 24 มิถุนายน 2564 เท่ากับ 31.801 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่ 31.4898 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ และการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ของประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ เพื่อเพิ่มอุปทานการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ของโลก ซึ่งเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมรถยนต์  มันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 1.92 – 1.95 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.52 – 2.09 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาวะฝนทิ้งช่วงในช่วงปลายเดือนมิถุนายน - เดือนกรกฎาคม 2564 ส่งผลดีต่อคุณภาพผลผลิต ทำให้มีเชื้อแป้งอยู่ในระดับสูง และปัจจัยด้านค่าเงินบาทที่มีสัญญาณอ่อนค่าลงจะเป็นผลดีต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย และสุกร ราคาอยู่ที่ 72.40-73.31 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.70 – 1.96 เนื่องจากพบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในคลัสเตอร์โรงฆ่าสัตว์ของพื้นที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นแหล่งจำหน่ายเนื้อสุกรสำคัญของประเทศ ส่งผลให้เนื้อสุกรออกสู่ตลาดลดลง และการเจรจาทางการค้าของภาครัฐกับเวียดนาม เพื่อชี้แจงการไม่พบโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรของไทย ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาการส่งออกสุกรขุนมีชีวิตจากไทยไปเวียดนามได้

ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่  ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 10,544 -10,641 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 2.03 - 2.93 เนื่องจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ จึงเป็นอุปสรรคในเรื่องการขนส่งสินค้าและค่าระวางเรือไปยังตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกข้าวหอมมะลิสำคัญ ทำให้เกิดปัญหาการส่งมอบข้าวของไทย  น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาอยู่ที่ 16.40-17.18 เซนต์/ปอนด์ (11.48 - 12.02 บาท/กก.) ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 2.00 - 6.50 เนื่องจากผลผลิตน้ำตาลของประเทศอินเดียที่เพิ่มขึ้น โดยสมาคมโรงงานน้ำตาลแห่งอินเดีย รายงานว่า ผลผลิตน้ำตาลของอินเดียเพิ่มขึ้นจาก 27.1 ล้านตัน มาอยู่ที่ 30.7 ล้านตัน (ช่วงเดือนตุลาคม 2563 - กลางเดือนมิถุนายน 2564) จากการ    หีบอ้อยที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมีข้อมูลว่าผลผลิตน้ำตาลของบราซิลจะเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เบื้องต้นจากปริมาณน้ำฝนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทำให้คลายกังวลจากภัยแล้ง ส่งผลให้กองทุนและนักเก็งกำไรเร่งขายตั๋วน้ำตาลมากขึ้น 

ปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ 5.47-5.73 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.17 - 4.70 เนื่องจากประเทศมาเลเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของโลกได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ปิดประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้สามารถส่งออกน้ำมันปาล์มได้เพียงบางส่วน ประกอบกับสต็อกน้ำมันปาล์มของมาเลเซียยังคงอยู่ในระดับที่สูง จึงกดดันราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกให้ลดลง  
 

กุ้งขาวแวนนาไม ราคาอยู่ที่ 140.58 – 141.29 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.50 - 1.00 เนื่องจากมีมาตรการห้ามนั่งรับประทานอาหารที่ร้านในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด และมาตรการเข้มงวดในการเดินทางข้ามจังหวัดในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 ซึ่งจะกระทบต่อความต้องการบริโภคในประเทศให้ลดลง อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การส่งออกกุ้งแปรรูปของไทยที่ขยายตัวได้ดี ตามทิศทางการค้ากุ้งโลกที่ฟื้นตัว อาจทำให้ราคากุ้งมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้  และโคเนื้อ ราคาเฉลี่ยจะปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.03 -0.34 อยู่ที่ราคา 95.80 - 96.10 บาท/กก. เนื่องจากความกังวลในโรคลัมปีสกินที่ระบาดในโคเนื้อ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการบริโภคเนื้อโค ทั้งนี้ ภาครัฐและเอกชนควรส่งเสริมความรู้ในการป้องกันโรคลัมปีสกินให้ประชาชนทั่วไปให้มีความเข้าใจอย่างทั่วถึง


Tags : ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. สมเกียรติ กิมาวหา ธ.ก.ส. ราคาสินค้าเกษตรเดือนกรกฏาคม 2564


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank โดย นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 MCOT HD เมื่อเร็ว ๆ นี้      

14 Jul 2025

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้ธนาคารออมสินจัดทำมาตรการแก้ไขหนี้รายย่อยในโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยประชาชนในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยไม่มีหลักประกัน ที่มีสถานะหนี้เสีย (NPLs) จำนวนรวมกว่า 500,000 บัญชี ให้สามารถหลุดพ้นจากประวัติหนี้เสีย โดยธนาคารจะดำเนินการทันทีเพื่อที่ในอนาคตลูกหนี้จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้นเมื่อมีความจำเป็น โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการปิดบัญชีหนี้ ตัดหนี้สูญ และไม่ติดตามหนี้ ของลูกหนี้ NPLs จำนวนกว่า 200,000 บัญชี ในโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐที่ได้รับงบประมาณชดเชยแล้ว ระยะที่ 2 ธนาคารจะทยอยดำเนินการปิดบัญชีหนี้แก่ลูกหนี้ NPLs โครงการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 จำนวนกว่า 300,000 บัญชี ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับมาตรการปลดหนี้สินเชื่อตามโครงการของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้แล้วเป็นจำนวนกว่า 1.3 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมกว่า 11,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้รายย่อย และช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางให้สามารถประคับประคองสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวให้เดินต่อได้ มุ่งเน้นดำเนินการเพียงครั้งเดียวเพื่อไม่ให้ลูกหนี้ต้องเสียวินัยทางการเงิน และยังสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้อีกในอนาคต  

07 Jul 2025

...

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ปรับปรุงแนวทางการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาประกันภัยระยะสั้น พร้อมทั้งทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณเงินกองทุนด้านความเสี่ยง เพื่อยกระดับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นการพิจารณาข้อมูลในระดับประเภทการรับประกันภัยแทนการพิจารณาภาพรวมทั้งบริษัท เพื่อให้การประเมินภาระผูกพันและการจัดสรรเงินกองทุนมีความละเอียด แม่นยำ และสอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยงที่แท้จริงยิ่งขึ้น โดยระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง และจัดการประชุมชี้แจงไปเมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2568 รวมทั้งได้จัดการประชุมกลุ่มย่อยเชิงเทคนิค (Focus Group) เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้งนี้ ในการประชุมฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับสำรองเบี้ยประกันภัย ได้แก่ 1. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย 2. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต และ 3. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดประเภทและชนิดของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคำนวณเงินกองทุนของบริษัทประกันวินาศภัย สำหรับหลักการที่ได้มีการปรับปรุง คือ ปรับปรุงวิธีการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัย และเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงจากสำรองเบี้ยประกันภัย จากเดิม พิจารณาที่ระดับผลรวมทั้งหมดของสัญญาประกันภัยระยะสั้น เปลี่ยนเป็น พิจารณาที่ระดับประเภทการรับประกันภัย  ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะเผยแพร่ประกาศอย่างเป็นทางการในลำดับถัดไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ดังนั้น บริษัทประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันเริ่มมีผลบังคับใช้

07 Jul 2025

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner