Responsive image

Wednesday, 22 Oct 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


ไทยประกันชีวิตก้าวสู่บริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืนแห่งแรก วางยุทธศาสตร์ 3P ขับเคลื่อนองค์กรและสังคมให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

Sun 12/06/2565


ไทยประกันชีวิตประกาศมุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืนแห่งแรกของธุรกิจประกันชีวิต วางยุทธศาสตร์ 3P ขับเคลื่อนองค์กรและสังคมให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาล สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามแนวทาง ESG พร้อมเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต การประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงิน

นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (Thai Life Insurance : TLI) เปิดเผยว่า ไทยประกันชีวิตดำเนินธุรกิจโดยตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับบริษัทฯ และสังคมไทย โดยเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกที่ร่วมกับสถาบันไทยพัฒน์ จัดทำแผนแม่บทความรับผิดชอบต่อสังคมเชิงกลยุทธ์มาตั้งแต่ปี 2551 เพื่อนำใช้ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมกว่า 10 ปี

จนถึงปี 2562 ไทยประกันชีวิตยังเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกที่จัดทำแผนแม่บทด้านการพัฒนาสู่ความยั่งยืน (SD Master Plan) เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานขององค์กรให้สอดคล้องกับปัจจัยและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงเพื่อให้ส่วนงานต่างๆ ของบริษัทฯ มีกรอบในการดำเนินงานด้านการพัฒนาสู่ความยั่งยืนที่เชื่อมโยงสอดคล้องกันอย่างมีกลยุทธ์ โดยให้ความสำคัญต่อความรับผิดชอบต่อสังคมในกระบวนการธุรกิจ (CRR-In Process) ผนวกกับแนวคิดการสร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Value :CSV) อันนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งต่อองค์กรและสังคม

แต่จากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากภายหลังการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมการดำรงชีวิตของคนไทย ไทยประกันชีวิตจึงปรับกระบวนการดำเนินธุรกิจให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง (Resilience) พร้อมประกาศวิสัยทัศน์ “การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน” และกำหนดเจตนารมณ์ทางธุรกิจ (Business Purpose) เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “มุ่งเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล” หรือ Life Solutions Provider รวมถึงกำหนดเจตนารมณ์ของแบรนด์ (Brand Purpose) การเป็นแบรนด์ที่ได้รับความชื่นชอบ ได้รับความไว้วางใจ และเป็นแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจแก่คนในสังคม

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้ทบทวนและจัดทำแผนแม่บทด้านการพัฒนาสู่ความยั่งยืน 3 ปี (ปี 2665-2567) เพื่อให้สอดรับกับการดำเนินธุรกิจในยุควิถีใหม่ หรือ New Normal และสอดคล้องกับทิศทางในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในอนาคต ประกอบด้วยยุทธศาสตร์ 3 P คือ

Promise การยึดมั่นคำสัญญาที่มีต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน (Stakeholders) โดยเฉพาะลูกค้า ด้วยการบริหารจัดการภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี (Corporate Governance) พร้อมทั้งบริหารจัดการบุคลากรให้มีความเป็นมืออาชีพ มีจรรยาบรรณ

Protect การคุ้มครองป้องกัน เป็นยุทธศาสตร์ที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความรับผิดชอบ และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้แบบเฉพาะบุคคล (Personalize) ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม การบริหารความยั่งยืนของลูกค้า รวมถึงการบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างรับผิดชอบ

และ Prosper การสร้างความรุ่งเรืองเฟื่องฟู มุ่งสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจไปพร้อมกับการมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมและสภาพแวดล้อม ทั้งการบริหารจัดการชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน และการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม

การจัดทำตามแผนแม่บทด้านการพัฒนาสู่ความยั่งยืนดังกล่าว ยังถูกดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ UN Global Compact ขององค์การสหประชาชาติ และสอดคล้องกับบริบทของธุรกิจประกันภัย ซึ่งบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับเป้าหมาย 9 ด้าน ได้แก่ การขจัดความยากจน การขจัดความหิวโหย สุขภาวะ การศึกษาที่เท่าเทียม ความเท่าเทียมทางเพศ เศรษฐกิจและการจ้างงาน การลดความเหลื่อมล้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบ และความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

นายไชยกล่าวว่า และเพื่อให้การดำเนินการด้านความยั่งยืนสอดคล้องสถานการณ์ในปัจจุบัน บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนตามแนวทาง ESG ประกอบด้วย ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) เน้นการบริหารความเสี่ยงและผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเกิดความต่อเนื่อง ไม่ส่งผลกระทบต่อ Stakeholders ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง การจัดทำแผนการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และแผนการบริหารจัดการในภาวะภัยพิบัติ รวมถึงการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านการริเริ่มโครงการต่างๆ ที่ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ อาทิ การนำระบบดิจิทัลมาทดแทนเพื่อลดการใช้ทรัพยากร การลดการใช้พลังงาน หรือการลดปัญหาขยะ

ด้านสังคม (Social) ให้ความสำคัญกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ไทยประกันชีวิตจึงดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักมนุษยนิยม ถือว่าบุคลากรเป็นทรัพย์สิน (Asset) และเป็นทุน (Capital) ที่สำคัญที่สุด มุ่งมั่นเสริมสร้างบุคลากรให้เป็นทั้งคนเก่งและคนดี ที่พร้อมอยู่เคียงข้างลูกค้าและสังคม บริหารจัดการบุคลากรโดยเคารพต่อสิทธิมนุษยชน ความเสมอภาค ความปลอดภัย และได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม โดยสอดคล้องกับระเบียบบริษัทฯ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ภายใต้ค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรที่เชื่อมั่นว่าความร่วมมือ ร่วมใจ ความผูกพันเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จร่วมกัน

“บริษัทฯ มุ่ง Upskill และ Reskill รวมถึงการปรับ Mindset บุคลากรให้มีความรู้ ความเข้าใจข้อมูล (Data Literacy) มีความเข้าใจในดิจิทัล (Digital Mindset) การทำงานแบบคล่องตัว (Agility Mindset) โดยยกระดับตัวแทนฯ ให้เป็น Life Solutions Agent พร้อมดูแลเคียงข้างลูกค้าในทุกช่วงชีวิต (Life Stage) ทุกจังหวะชีวิต (Life Event) และทุกการใช้ชีวิต (Lifestyle)” นายไชยกล่าว

นอกจากนี้ ไทยประกันชีวิตยังให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้า ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองทุกความต้องการ และสร้างโอกาสให้คนไทยเข้าถึงการประกันชีวิตได้ง่ายขึ้น สะดวกรวดเร็วขึ้น โดยวางแนวทางขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูลในลักษณะ Data Driven Company นำเทคโนโลยีด้านต่างๆ เข้ามาสนับสนุนการทำงาน เพื่อให้องค์กรเกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด (Innovation for Customer) และสร้างสรรค์นวัตกรรมในการบริหารองค์กร (Innovation for Organization)

ไม่เพียงเท่านั้นบริษัทฯ ยังมุ่งบริหารจัดการชุมชนและสังคมให้เกิดความยั่งยืน ผ่านการยกระดับคุณภาพชีวิต และการเสริมสร้างความรู้ด้านการประกันภัย อาทิ ริเริ่มโครงการไทยประกันชีวิตเสริมโอกาส สุขยั่งยืน ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งส่งเสริมศักยภาพรอบด้านให้กับวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ

ด้านธรรมาภิบาล (Governance) ไทยประกันชีวิตดำเนินธุรกิจด้วยการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Corporate Governance) มีการติดตามผลการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ และปลูกฝังให้บุคลากรมีจรรยาบรรณทางธุรกิจ (Code of Conduct) อาทิ การต้านทุจริต การปฏิบัติตามกฎหมายเรื่องสังคมและเศรษฐกิจ ฯลฯ ขณะเดียวกันยังตระหนักถึงการปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market Conduct) ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างรับผิดชอบ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าการนำเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ เป็นไปอย่างครบถ้วน โปร่งใส รวมถึงมีการรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่รัดกุม

“ในฐานะสถาบันการเงิน ไทยประกันชีวิตจึงให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาลเป็นลำดับแรก โดยเฉพาะการปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างโปร่งใส เป็นธรรม รวมถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล รองลงมาคือด้านสังคม เพราะประกันชีวิตเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคนและชุมชน แต่เราก็ไม่ลืมที่จะคำนึงถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมควบคู่กันด้วย” นายไชยกล่าว

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังดำเนินนโยบายการลงทุนอย่างยั่งยืน ในลักษณะ ESG Investing ซึ่งเป็นการลงทุนในตราสารทุนที่พิจารณาจากปัจจัย 3R ได้แก่ ความเสี่ยง (Risk) ผลตอบแทน (Return) และผลกระทบที่บริษัทนั้นๆ มีต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม (Real Impact) โดยบริษัทฯ จัดสรรเงินสำหรับลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

“การดำเนินของบริษัทฯ ทั้งในส่วนของการริเริ่มและการปรับปรุงการดำเนินงานต่างๆ จะบูรณาการปัจจัยด้านธรรมาภิบาล สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างครอบคลุม ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างคุณค่าให้กับทั้งบริษัทฯ และ Stakeholders ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ประกอบด้วย 6 คุณค่า คือ สร้างคุณค่าให้ลูกค้า เป็นบริษัทประกันชีวิตที่ลูกค้าชื่นชอบ, สร้างคุณค่าคนในองค์กร เป็นองค์กรที่ห่วงใยบุคลากร, สร้างคุณค่าให้คู่ค้า เป็นบริษัทประกันชีวิตที่คู่ค้าเลือก, สร้างคุณค่าให้ผู้ถือหุ้น เป็นองค์กรที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ยั่งยืน, สร้างคุณค่าให้สังคม เป็นองค์กรที่รับผิดชอบและยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างคุณค่าให้หน่วยงานกำกับดูแล เป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างรัดกุม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน” นายไชยกล่าว  

 


Tags : ไทยประกันชีวิต ไชย ไชยวรรณ


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาด จับรายชื่อลูกค้าผู้โชคดีครั้งที่ 1 ภายใต้แคมเปญพิเศษ ฉลองครบรอบ 28 ปี กรุงไทย-แอกซ่า “แจกใหญ่ แจกเต็ม” เพื่อแทนคำขอบคุณลูกค้าคนสำคัญที่ไว้วางใจให้บริษัทฯ ได้ดูแลให้ความคุ้มครองตลอดมา โดยลูกค้าที่เข้าร่วมแคมเปญเป็นไปตามเงื่อนไขใน ช่วงวันที่ 25 กรกฎาคม – 17 กันยายน 2568  ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ประกาศรายชื่อผู้โชคดีผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ https://www.krungthai-axa.co.th/th/luckydraw-2025-r1-announcement  ซึ่งผู้โชคดีจากแคมเปญดังกล่าวจะได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากผู้แทนบริษัทฯ เพื่อแจ้งรายละเอียดและยืนยันการรับสิทธิ์ สำหรับแคมเปญ “แจกใหญ่ แจกเต็ม” เปิดโอกาสให้ลูกค้าสะสมสิทธิ์และลุ้นรับรางวัลใหญ่จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยกำหนดการจับรางวัลอีก 3 รอบ  ตามรายละเอียดด้านล่างนี้ ครั้งที่ 2: จับรางวัลในวันที่ 24 ตุลาคม 2568          ประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ครั้งที่ 3: จับรางวัลในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568   ประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ครั้งที่ 4: จับรางวัลในวันที่ 23 มกราคม 2569        ประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 1 กุมภาพันธ์  2569 หมายเหตุ: ชิ้นส่วนที่เหลือจากการจับรางวัลในแต่ละครั้ง จะถูกนำมารวบรวมเพื่อจับรางวัลในรอบถัดไป ทั้งนี้ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรม การบริการ และผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้ที่ www.krungthai-axa.co.th และศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร.1159

17 Oct 2025

...

นายธีรลักษ์ แสงสนิท รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการสรรหาผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ได้มีมติเห็นชอบให้ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน โดยผู้ที่สนใจสามารถยื่นใบสมัครพร้อมเอกสารหลักฐานประกอบการสมัครได้ตั้งแต่วันอังคารที่ 14 ตุลาคม - วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2568 สำหรับคุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัคร กำหนดให้ต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 58 ปีบริบูรณ์ในวันยื่นใบสมัคร สามารถทำงานให้ธนาคารได้เต็มเวลา และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามประกาศคณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สำหรับคุณสมบัติเฉพาะต้องมีความรู้ ความสามารถ ด้านเศรษฐกิจ การเงิน การตลาด และการธนาคารเป็นอย่างดี มีวิสัยทัศน์ในการบริหารจัดการองค์กร มีภาวะความเป็นผู้นำสูง มีความรอบรู้และประสบการณ์ในการบริหารจัดการองค์กร กรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองผู้บริหารสูงสุดขององค์กร และมีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งนั้นรวมกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันยื่นใบสมัคร หรือกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารจากหน่วยงานภาคเอกชน ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองผู้บริหารสูงสุดขององค์กรที่มีรายได้ขององค์กรไม่น้อยกว่า 15,000 ล้านบาทต่อปี หรือเคยบริหารกิจการที่มีสินทรัพย์ขององค์กรไม่น้อยกว่า 200,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ต้องมีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่า รองผู้บริหารสูงสุดขององค์กรนั้นต่อเนื่องกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันยื่นใบสมัคร สามารถดาวน์โหลดใบสมัครและศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.gsb.or.th โดยยื่นใบสมัครด้วยตนเอง หรือมอบให้ตัวแทนเป็นผู้ยื่น โดยมีหนังสือมอบอำนาจ พร้อมเอกสารหลักฐานประกอบการสมัครได้ที่ ส่วนสรรหาและแต่งตั้งโยกย้าย ฝ่ายบริหารงานทรัพยากรบุคคล อาคาร 32 ชั้น ชั้น 15 ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันอังคารที่ 14 ตุลาคม - วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2568 ระหว่างเวลา 09.00 – 16.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2299-8000 ต่อ 810371 - 74          

11 Oct 2025

...

ธนาคารออมสิน เตรียมจัดงานใหญ่ GSB SAVINGS FORUM 2025 เนื่องในวันออมแห่งชาติ 31 ตุลาคม 2568 ภายใต้แนวคิด “AI & AOM ออมยุคใหม่ สร้างสังคมไทยให้ยั่งยืน” เพื่อเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์ด้านการออมในโลกดิจิทัล สะท้อนการผสานพลัง “AI” (Artificial Intelligence) เข้ากับ “AOM” (การออม) ในการสร้างวินัยทางการเงินและสังคมแห่งการออมที่ยั่งยืน หนึ่งในไฮไลท์สำคัญคือ กิจกรรมประกวดออกแบบ “กระปุกออมสินแห่งโลกยุคดิจิทัล” เชิญชวนคนรุ่นใหม่ร่วมสร้างสรรค์งานออกแบบผ่าน AI Generative Tools ถ่ายทอดแนวคิดการออมในมิติใหม่ พร้อมชิงเงินรางวัลมูลค่ารวม 110,000 บาท ตอกย้ำภารกิจสำคัญของธนาคารในการส่งเสริมการออมและสร้างวินัยทางการเงินอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมประกวดออกแบบ “กระปุกออมสินแห่งโลกยุคดิจิทัล” เปิดรับผลงานจากผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป โดยผู้ที่สนใจสามารถส่งผลงานออกแบบชิ้นงานใดก็ได้ ที่สร้างสรรค์ด้วย AI Generative Tools คนละ 1 ชิ้น ขนาดไฟล์ไม่เกิน 5MB ในรูปแบบ JPEG หรือ PNG ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 15 ตุลาคม 2568 โดยธนาคารจะคัดเลือกและประกาศรายชื่อผู้ที่จะได้เข้าร่วมแข่งขันในวันที่ 21 ตุลาคม 2568 จากนั้นจะจัดการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาผู้ชนะเลิศ ในงาน GSB SAVINGS FORUM วันที่ 31 ตุลาคม 2568 (วันออมแห่งชาติ) ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ซึ่งผู้ร่วมแข่งขันจะต้องออกแบบ “กระปุกออมสิน” ภายใต้โจทย์และเวลาที่กำหนดโดยใช้ AI Generative Tools โดยการตัดสินได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากธนาคารออมสิน และผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าจากวงการ AI และโฆษณา อาทิ คุณเมธากวี สีตบุตร ผู้เชี่ยวชาญด้าน Generative AI และ Trainer ของ MidJourney และ คุณวีรยุทธ์ คุณวิทยไพศาล Executive Producer บริษัท Montage Studio และกรรมการตัดสิน Adman Awards 2023 ทั้งนี้ ผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล จำนวน 50,000 บาท รางวัลที่ 2 จำนวน 30,000 บาท รางวัลที่ 3 จำนวน 20,000 บาท และรางวัล Popular Vote จำนวน 10,000 บาท รวมมูลค่ารางวัลทั้งสิ้น 110,000 บาท ผู้สนใจสามารถสมัครและดูรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านลิงก์หรือสแกนคิวอาร์โค้ด (QR Code) ที่กำหนด   สมัครพร้อมติดตามรายละเอียดและกติกาการแข่งขันเพิ่มเติมได้ที่ Link https://forms.gle/1wHqR8V8e337M8wg8  หรือ QR Code  

06 Oct 2025

...

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้รับใบประกาศเกียรติคุณชั้นที่ 2 จากสภากาชาดไทย ในฐานะองค์กรที่ให้การสนับสนุนและความร่วมมือในการจัดหาผู้บริจาคโลหิตเป็นหมู่คณะอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการบริจาคโลหิตมาตั้งแต่ปี 2531 และจัดกิจกรรมทุก 3 เดือน เพื่อสนับสนุนการสำรองโลหิตให้เพียงพอสำหรับการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ถือเป็นการต่อชีวิตและยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในสังคม ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ตลอดระยะเวลากว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน ด้วยการเชิญชวนผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้า คู่ค้า ตลอดจนประชาชนทั่วไป เข้าร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิต รวมถึงการบริจาคอวัยวะและดวงตา เพื่อสนับสนุนภารกิจของสภากาชาดไทย อันเป็นการสืบสานเจตนารมณ์แห่งการให้และการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง

06 Oct 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner