Responsive image

Wednesday, 31 Dec 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


สมาคมประกันวินาศภัยไทย และ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ถือฤกษ์ดี วันที่ 11 เดือน 11 จัดพิธีเปิดอาคารสำนักงานแห่งใหม่อย่างเป็นทางการพร้อมกัน

Tue 15/11/2565


 

สมาคมประกันวินาศภัยไทย และ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เรียนเชิญอดีตนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทยสมัยต่าง ๆ ได้แก่ นายสุจินต์ หวั่งหลี นายยุตติ ล่ำซำ นายชัย โสภณพนิช นายประสาน นิลมานัตต์ นางสาวมาลินี เลี่ยวไพรัตน์ นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล พร้อมด้วยอดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ดร.สมพร สืบถวิลกุล และนายนพดล สันติภากรณ์ พร้อมด้วยนายชูฉัตร ประมูลผล รองเลขาธิการ ด้านกำกับ สำนักงาน คปภ. ให้เกียรติร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารที่ทำการสมาคมประกันวินาศภัยไทย และ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด โดยถือฤกษ์มงคลวันที่ 11 เดือน 11 เวลา 11.11 น. ทำพิธีเปิดป้ายอาคารทั้งสองเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีแขกผู้มีเกียรติในวงการประกันภัยให้เกียรติร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง

 

นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย และประธานกรรมการบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของการสร้างอาคารสมาคมประกันวินาศภัยไทย และ อาคารบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ว่า สมาคมประกันวินาศภัยไทยนั้น ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2510 โดยการรวมตัวกันของสมาคมประกันภัย 3 สมาคม ได้แก่ สมาคมบริษัทประกันภัยไทย สมาคมบริษัทประกันภัยจีน และสมาคมบริษัทประกันภัยต่างประเทศ กำหนดวิสัยทัศน์ในการเป็นองค์กรที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ธุรกิจประกันวินาศภัยเป็นเสาหลักของระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งตลอดระยะเวลา 55 ปีที่ผ่านมา แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยต่าง ๆ รอบด้าน สมาคมประกันวินาศภัยไทยก็สามารถดำเนินภารกิจได้เป็นอย่างดีเนื่องมาจากการสนับสนุนและความร่วมมือของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ งานที่สัมฤทธิ์ผลและยังประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนธุรกิจประกันวินาศภัยไทย เป็นผลจากการทุ่มเทเสียสละของท่านอดีตนายกสมาคมฯ ทุก ๆ ท่าน รวมทั้งอดีตคณะกรรมการบริหาร อดีตผู้บริหาร และพนักงานในทุกระดับ ที่มุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มความสามารถทำให้สมาคมฯ ยืนหยัดอยู่เคียงคู่กับธุรกิจประกันวินาศภัยตลอดมา

สำหรับบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัดนั้น จัดตั้งตามมาตรา 10 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2540 และได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2541 วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งบริษัท คือ ให้บริการเกี่ยวกับการรับคำร้องขอและการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นและการจ่ายค่าสินไหมทดแทนหรือเงินต่าง ๆ ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มีสาขาให้บริการแก่ผู้ประสบภัยได้ครบ 76 จังหวัดทั่วประเทศไทยตามที่กฎหมายกำหนด ต่อมาเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2542 คณะรัฐมนตรีได้มีมติ ให้บริษัทกลางฯ รับประกันภัยเฉพาะรถจักรยานยนต์ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของประชาชนในการจัดทำประกันภัยประเภทนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2542 เป็นต้นมา

นายอานนท์ วังวสุ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับที่มาของการจัดพิธีเปิดอาคารทั้งสองอาคารในวันนี้ เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้น เมื่อสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ มีนโยบายไม่ต่อสัญญาเช่าพื้นที่ให้กับสมาคมฯ ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ และที่ประชุมบริษัทสมาชิก จึงได้มีมติให้ตั้งสำรองเงินงบประมาณในการจัดหาสถานที่เพื่อก่อสร้างที่ทำการสมาคมประกันวินาศภัยไทยแห่งใหม่ขึ้น ตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา พร้อมทั้งได้มีการสรรหาสถานที่และสำรวจที่ดินเพื่อทำการก่อสร้างสำนักงานสมาคมฯ แห่งใหม่

เช่นเดียวกันกับ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ซึ่งในขณะนั้นได้มีนโยบายในการสร้างอาคารสำนักงานเป็นของตนเอง เนื่องจากตลอดระยะเวลา 21 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้เช่าอาคารสำนักงานในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด ประกอบกับสัญญาเช่าอาคารได้สิ้นสุดลง จึงได้มีการจัดหาสถานที่เพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงาน จนในที่สุดได้พบกับที่ดินว่างเปล่า ที่อยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 64/1 และ 64/2 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมและมีขนาดเพียงพอต่อการก่อสร้างอาคารที่ทำการแห่งใหม่ของทั้งสองหน่วยงาน

 

จากนั้นในปี 2560 ทั้งสมาคมฯ และบริษัทกลางฯ ก็ได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารที่ทำการแห่งใหม่ขึ้น โดยเป็นอาคารสูง 7 ชั้น ตั้งตระหง่านเคียงคู่กันจนแล้วเสร็จ ในปี 2562 และทั้งสองหน่วยงานได้ย้ายที่ทำการมา ณ อาคารใหม่แห่งนี้ โดยบริษัทกลางฯ ย้ายมาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 และสมาคมฯ ย้ายมาเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2562 ซึ่งตลอด 3 ปีที่ผ่านมานั้นยังไม่มีโอกาสในการกำหนดจัดพิธีเปิดอาคารสำนักงานแห่งใหม่อย่างเป็นทางการเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ดังนั้นในวาระโอกาสอันเป็นมงคล ในวันที่ 11 เดือน 11 นี้ ผมในฐานะนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย และประธานกรรมการบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด จึงขอถือโอกาสจัดพิธีเปิดอาคารแห่งใหม่ทั้งสองอาคารพร้อมกัน เพื่อความเป็นสิริมงคล และความเจริญก้าวหน้ารุ่งเรือง ซึ่งที่ทำการทั้งสองอาคารนี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจของทั้งสมาคมฯ และบริษัทกลางฯ ที่ได้มีอาคารสำนักงานที่มั่นคงถาวร และถือเป็นอีกหนึ่ง Landmark สำคัญของธุรกิจประกันภัยในการให้บริการประชาชนและบริษัทสมาชิก อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของภาคธุรกิจประกันวินาศภัยในการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจประกันวินาศภัยให้เจริญก้าวหน้า สร้างความเชื่อมั่นไว้วางใจต่อประชาชน และมีเสถียรภาพเคียงคู่เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ นายอานนท์ วังวสุ กล่าวทิ้งท้าย

 


Tags : สมาคมประกันวินาศภัยไทย บริษัทกลางฯ กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ อานนท์ วังวสุ ดร.สมพร สืบถวิลกุล นพดล สันติภากรณ์


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้เกิดความสูญเสียต่อกำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของประเทศ ล่าสุด ธนาคารออมสิน ออกชุดมาตรการเฉพาะกิจ ประกาศยกหนี้ปิดบัญชีสินเชื่อเป็นกรณีพิเศษ แก่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และกำลังพลหน่วยอื่น ๆ ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 เป็นต้นมา โดยการยกหนี้ยังครอบคลุมถึงบัญชีสินเชื่อของทายาท 3 ลำดับ ได้แก่ บิดามารดา คู่สมรส และบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงการมอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวกำลังพลที่เสียชีวิต ตลอดจนกำลังพลและพลเรือนที่บาดเจ็บจากการสู้รบ เพื่อเชิดชูเกียรติที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ และเป็นขวัญกำลังใจแก่ครอบครัวในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้   ด้านความช่วยเหลือสำหรับผู้อพยพที่ต้องได้รับผลกระทบเพราะเข้าพื้นที่ทำมาหากินไม่ได้ เป็นเหตุให้ต้องขาดรายได้ในช่วงเวลานี้ ธนาคารได้ออก มาตรการพักหนี้โดยให้พักชำระเงินต้นและไม่คิดดอกเบี้ย สำหรับลูกหนี้สินเชื่อธนาคารออมสินทุกประเภท* ครอบคลุมสินเชื่อองค์กรชุมชน ที่มีภูมิลำเนา ที่อยู่อาศัย หรือสถานที่ประกอบอาชีพในพื้นที่ภัยพิบัติตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ให้เริ่มพักชำระหนี้งวดแรกหลังจากได้รับอนุมัติ เป็นระยะเวลา 3 งวด/เดือน และไม่ถือเป็นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ให้คงชั้นหนี้เดิมก่อนเข้าร่วมมาตรการ โดยธนาคารจะยกดอกเบี้ยให้ทั้งหมด ส่วนเงินต้นที่พักไว้ 3 งวด จะถูกรวมไปชำระในงวดสุดท้าย ทั้งนี้ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาให้ลูกหนี้กลับมาชำระเงินงวดตามเงื่อนไขสัญญาเดิม ในกรณีสัญญาครบกำหนดแต่ไม่อาจชำระหนี้เงินต้นส่วนที่พักไว้ได้ ลูกหนี้สามารถติดต่อธนาคารเพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ได้ในภายหลัง โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา หรือที่ศูนย์พักพิงของจังหวัดซึ่งธนาคารได้จัดทีมงานเข้าไปอำนวยความสะดวกให้ด้วย และทางแอปพลิเคชัน MyMo ภายในวันที่ 31 มกราคม 2569     นอกจากนี้ ธนาคารยังคงสนับสนุนงบประมาณให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะ ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยการสนับสนุนภารกิจของศูนย์พักพิง ได้แก่ การมอบถุงยังชีพ “ออมสินห่วงใย” รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น และน้ำดื่ม แก่ผู้อพยพ และกำลังพลในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี สระแก้ว และจังหวัดตราด รวมมูลค่ากว่า 7.3 ล้านบาท ธนาคารออมสินขอแสดงความห่วงใยและส่งกำลังใจไปยังทหารและตำรวจตระเวนชายแดนที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งอยู่ในพื้นที่ ตลอดจนครอบครัวของทหารกล้าผู้เสียสละชีวิตปกป้องอธิปไตยของประเทศ และพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยมุ่งหวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและกลับสู่สภาวะปกติในเร็ววัน *หมายเหตุ : มาตรการพักหนี้ไม่รวมสินเชื่อบางประเภท เช่น สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่, สินเชื่อชีวิตสุขสันต์, สินเชื่อสำหรับผู้มีรายได้ประจำ โดยสินเชื่อ Soft loan สินเชื่อองค์กรชุมชน และสินเชื่อตามนโยบายรัฐ (PSA) และเงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด  

30 Dec 2025

...

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น (SOE Awards) ประจำปี 2568 ให้แก่ธนาคารออมสิน โดยมีผู้แทนรับมอบรางวัลได้แก่ รศ.ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการธนาคารออมสิน พร้อมด้วย นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และผู้บริหาร ซึ่งเป็นปีที่ธนาคารออมสินได้รางวัลในระดับดีเด่นและเกียรติยศ ครบทั้ง 8 ประเภทรางวัลที่ธนาคารได้รับ จัดขึ้นโดยคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568     นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในปี 2568 นี้ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ได้พิจารณามอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นแก่ธนาคารออมสิน จำนวน 8 รางวัล ประกอบด้วย 1) รางวัลเกียรติยศรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม ธนาคารได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง โดยเป็นรางวัลที่มอบให้กับรัฐวิสาหกิจที่มีความโดดเด่นและมีมาตรฐานการดำเนินงานทุก ๆ ด้าน สามารถตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของประชาชน     2) รางวัลเกียรติยศคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง จากการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ และผลักดันการบริหารงานให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี 3) รางวัลเกียรติยศการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 7 ต่อเนื่อง จากการรักษามาตรฐาน การบริหารจัดการเพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำพาองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ   4) รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น ที่มอบให้แก่นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผลงานเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน 5) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจดิจิทัล จากการสร้างสรรค์และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาองค์กร ในมิติต่าง ๆ พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล 6) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจยั่งยืน จากการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ จนเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม     7) รางวัลการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น โดยได้รับจากผลงานความสำเร็จของโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบองค์รวม (Holistic Area-Based Development) - โครงการลิบงสุขใจ ออมสินพัฒนา อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 8) รางวัลความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น จากโครงการ GEN AI Branch Assistant : ผู้ช่วยสาขาอัจฉริยะ ที่ธนาคารพัฒนาขึ้นโดยการนำ AI มาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของสาขา   นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของบุคลากรธนาคารออมสินทุกคนในการรักษามาตรฐานการบริหารจัดการองค์กรในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส และการให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล ควบคู่กับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “ธนาคารเพื่อสังคม” เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกและความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว    

26 Dec 2025

...

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับ เอ ไลฟ์ (ALive Powered by AIA) โดยบริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด ส่งความห่วงใยถึงคนไทยทั่วประเทศในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569 มอบแคมเปญ “ฟรี!!! ประกันอุบัติเหตุ กรมธรรม์ประกันภัยอุ่นใจข้ามปี” โดยมอบกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่ (ไมโครอินชัวรันส์) ฟรีให้แก่ประชาชนทั่วไป ระยะเวลาคุ้มครองนาน 30 วัน ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริงสูงสุด 5,000 บาท* เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมเพิ่มความอุ่นใจสำหรับการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนาเพื่อไปฉลองกับครอบครัว ซึ่งแคมเปญดังกล่าวยังเป็นการขานรับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อีกทั้งยังสานต่อพันธกิจของเอไอเอที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives ทั้งนี้ สำหรับประชาชนทุกคนที่สนใจขอรับกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มฟรี สามารถลงทะเบียนรับสิทธิออนไลน์ได้ง่าย ๆ เพียงไปที่เว็บไซต์ https://aiathailand.info/panyPR  ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2568 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2569   หมายเหตุ: *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด กำหนด

20 Dec 2025

...

รายงานข่าวจากธนาคารออมสิน ขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า ประเภทบุคคลธรรมดา ที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และยังไม่ได้ลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill ขอให้เร่งสมัครผ่านเว็บไซต์ของธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากขณะนี้เหลือเวลาเพียง 4 วันสุดท้าย ที่สามารถลงทะเบียนและเรียนให้จบหลักสูตร เพื่อรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ นับจากวันที่พัฒนาทักษะสำเร็จจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 สูงสุดไม่เกินรายละ 2,000 บาท หลักสูตร Smart Finance Upskill การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัสเป็นการเรียนออนไลน์กับธนาคารออมสิน ภายใต้โครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย ประเภทบุคคลธรรมดา มุ่งเสริมทักษะทางการเงินที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจ ครอบคลุมการทำบัญชี การคิดต้นทุน การตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ ผู้ที่เรียนจบและผ่านเกณฑ์ จะได้รับประกาศนียบัตรและรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐตามเงื่อนไขที่กำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 กด 7

19 Dec 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner