Responsive image

Tuesday, 30 Dec 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


OCEAN LIFE ไทยสมุทร เผยปี 65 มีรายได้จากเบี้ยประกันชีวิต 15,008 ล้านบาท ปี 66 มุ่งโฟกัส Love Your Health ดูแลสุขภาพคนไทยด้วยพลังความรักครบวงจร

Sat 11/03/2566


คุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2565 ถึงแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID – 19 เริ่มคลี่คลาย ภาวะเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว สำหรับ OCEAN LIFE ไทยสมุทร เราไม่หยุดที่จะเดินหน้าสร้างการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องด้วยพลังความรัก ภายใต้แนวคิด LOVE MINDSET เพื่อสนับสนุนให้คนไทยพร้อมรับมือทุกความไม่แน่นอนของชีวิต จนสามารถก้าวข้ามผ่านความท้าทายต่าง ๆ สร้างรายได้จากเบี้ยประกันชีวิตรับรวมจำนวน 15,008 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน และทำกำไรสุทธิที่ 1,215 ล้านบาท พร้อมชูกลยุทธ์ปี 2566 เดินหน้าโฟกัสที่ความสำคัญของการรักสุขภาพ Love Your Health โดยมีเป้าหมายสร้างโลกใหม่ที่ดีขึ้นเพื่อคนรักสุขภาพ “Healthiverse” ตอบรับกระแสความต้องการด้าน Wellness & Prevention ช่วยคนไทยไม่ให้ป่วย ด้วยการส่งเสริมการดูแลสุขภาพครอบคลุมทั้งสุขภาพกายใจ พร้อมดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วยการพัฒนา Solution ด้านสุขภาพ ทั้งผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม และบริการต่าง ๆ ครบวงจร

ปี 2565 เดินหน้าเอาชนะความท้าทายด้วย LOVE MINDSET

ปี 2565 บริษัทยังคงเดินหน้าต่อยอดสโลแกน “รักคือพลังของชีวิต” สู่แนวคิด LOVE MINDSET เพื่อสนับสนุนให้คนไทยพร้อมรับมือทุกความไม่แน่นอนของชีวิต ด้วยความรัก 3 ด้าน คือ รักสุขภาพ (Love Your Health) รักการออมวางแผนการเงิน (Love Your Wealth) และรักษ์โลกช่วยทำให้สังคมดีขึ้น (Love the World) ในขณะเดียวกันได้ใช้พลังความรักสร้างการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ พร้อมดูแลลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ และบริการดิจิทัลที่ครอบคลุมครบวงจร ส่งผลให้ในปี 2565 บริษัทสามารถสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับธุรกิจ มีรายได้จากเบี้ยประกันชีวิตรับรวม 15,008 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน โดยมีเบี้ยประกันชีวิตรายใหม่ จำนวน 2,857 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 4% และมีเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไปที่ 12,151 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 2% โดยมีอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ที่ 86% สามารถสร้างการเติบโตที่โดดเด่นในช่องทางดิจิทัลซึ่งตอบโจทย์ยุค Next Normal มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 22% และช่องทางธนาคาร (Bancassurance) มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ใช้ความสามารถในการบริหารพอร์ตลงทุน จนสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ถึง 5.04% ส่งผลให้มีกำไรสุทธิจำนวน 1,215 ล้านบาท เติบโตขึ้น 28.5 %

ไม่หยุดพัฒนาศักยภาพรอบด้าน สร้างความยั่งยืนในทุกมิติ

OCEAN LIFE ไทยสมุทร ยังคงเดินหน้าใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนไทย ในขณะเดียวกันได้เล็งเห็นโอกาสจากการที่ประชาชนหันมาสนใจวางแผนบริหารความเสี่ยงด้านสุขภาพมากขึ้น จึงได้เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพที่มีความหลากหลาย ครอบคลุมในทุกกลุ่มทุกไลฟ์สไตล์ สนองตอบความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทุกคนพร้อมเผชิญวิกฤตในอนาคต รวมทั้งได้เร่งสร้างสรรค์นวัตกรรมการบริการด้านสุขภาพออนไลน์ (Digital Healthcare Services) ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยดูแลสุขภาพแบบองค์รวมทั้งก่อนป่วย ระหว่างป่วย และหลังป่วย เพื่อสร้างสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดียิ่งกว่าให้กับลูกค้าของเรา ในขณะที่ช่องทางตัวแทนประกันชีวิตเป็นช่องทางหลักของธุรกิจ OCEAN LIFE ไทยสมุทรได้ยกระดับตัวแทนประกันชีวิต สู่ที่ปรึกษาประกันชีวิต ด้วยการอบรมพัฒนาความสามารถอย่างเข้มข้น พร้อมใช้นวัตกรรมสร้างเครื่องมือช่วยขายที่ทันสมัย ใช้งานง่าย ให้ที่ปรึกษาประกันชีวิตสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว และตรงตามความต้องการลูกค้าอย่างแท้จริง นอกจากนั้นบริษัทยังมุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการบริหารจัดการด้วยความรอบคอบและการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ พร้อมเปิดนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืน Sustainable with Love ซึ่งประกอบด้วย 3 แกนหลัก และ 2.แรงผลักดัน 1. Health – ความยั่งยืนด้านสุขภาพ สนับสนุนให้ทุกคนรักสุขภาพ ใช้ชีวิตไม่ประมาท 2. Wealth – ความยั่งยืนทางการเงิน สนับสนุนความรักการออมและวางแผนการเงิน 3. World – ความยั่งยืนของโลกและสังคมที่ดี สนับสนุนการรักษาและดูแลโลก สังคม สิ่งแวดล้อม และมีธรรมาภิบาลตามแนวทาง ESG โดยมี 2 พลังผลักดันสนับสนุนให้เกิดขึ้นจริง ได้แก่ People, Culture & Partnerships สร้างจิตสำนึกและพันธมิตรในการสร้างความยั่งยืน และ Technology & Innovation - สร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีช่วยขับเคลื่อนโครงการด้านความยั่งยืนให้เป็นเรื่องง่าย ทำให้ ณ สิ้นปี 2565 OCEAN LIFE ไทยสมุทร ยังคงยืนยันถึงความมั่นคงของบริษัทในการดำเนินธุรกิจด้านประกันชีวิตมากว่า 74 ปี ด้วยสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 98,167 ล้านบาท เงินสำรองประกันชีวิต จำนวน 78,785 ล้านบาท และมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน Capital Adequacy Ratio (CAR) อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 435.28% นับว่าเป็นอันดับต้น ๆ ของธุรกิจประกันชีวิต และสูงกว่าเงินกองทุนขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดที่ 120% ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และคนไทยที่มองประกันชีวิตและประกันสุขภาพเพื่อให้ความคุ้มครองที่คุ้มค่า

 

ปี 2566 ส่งมอบความรักสุขภาพให้คนไทย ด้วย 8 แนวคิดรักสุขภาพ

ปี 2566 OCEAN LIFE ไทยสมุทร เดินหน้าโฟกัส Love Your Health ให้คนไทยรักสุขภาพ ภายใต้แนวคิด LOVE MINDSET ด้วยการส่งเสริมให้คนไทยดูแลสุขภาพครอบคลุมทั้งสุขภาพกาย ใจ สังคม สิ่งแวดล้อม ครบทุกองค์ประกอบ ทั้งทางตรงและทางอ้อมที่มีผลต่อสุขภาพที่ดี พร้อมสร้างความตระหนักรู้ ก่อให้เกิดนวัตกรรม และกิจกรรมที่ทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องง่าย โดยผสานความร่วมมือกับพันธมิตร ผู้เชี่ยวชาญช่วยแนะนำให้คำปรึกษา เพื่อวางแผนให้ใช้ชีวิตโดยไม่ป่วย พร้อมปิดความเสี่ยงด้วยการประกันชีวิต มุ่งลดค่าใช้จ่ายสุขภาพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 8 แนวคิด โดยมีเป้าหมายสร้างโลกใหม่ที่ดีขึ้นเพื่อคนรักสุขภาพ “Healthiverse”

1.HEALTH Knowledge สื่อสารความรู้ข้อมูลสุขภาพที่ถูกต้อง และเป็นประโยชน์กับประชาชนโดยรวม ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของบริษัท โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ ด้วยความร่วมเป็นอย่างดีจากโรงพยาบาลเครือข่าย และพันธมิตรทางธุรกิจ

2.HEALTH Products พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ และโรคร้ายแรง ให้มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกกลุ่มทุกระดับ ง่ายสำหรับลูกค้าในการทำความเข้าใจผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยลูกค้าในการบริหารจัดการคุณภาพชีวิตให้ดีได้อย่างยั่งยืน 

3.HEALTH Consultant ยกระดับตัวแทนประกันชีวิต สู่การเป็นที่ปรึกษาประกันชีวิต ด้วยความสามารถในการนำเสนอการวางแผนด้านประกันชีวิตและสุขภาพให้กับคนไทย สอดรับกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงวัย และตามไลฟ์สไตล์ พร้อมส่งเสริมให้ที่ปรึกษาประกันชีวิตมีความรู้ความเข้าใจผลิตภัณฑ์อย่างลึกซึ้ง เพื่อให้สามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีคุณภาพ และตรงต่อความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า (Needs – Based Selling)

4.HEALTH Innovations ไม่หยุดที่จะพัฒนานวัตกรรมการดูแลสุขภาพครบวงจร เพื่อดูแลลูกค้าตั้งแต่ก่อนป่วย ในขณะที่ป่วย และหลังป่วย เพื่อส่งมอบสุขภาพที่ดี และคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งกว่าให้กับลูกค้า

5.HEALTH E-Services พัฒนาการบริการหลังการขายในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อรับบริการจากเราได้เพียงปลายนิ้ว ในทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ โดยล่าสุดได้เปิดตัวกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Policy เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากความคุ้มครองของประกันแบบต่าง ๆ ได้สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น

6.HEALTH Partners จับมือกับ Health Tech startup และพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อสร้างระบบนิเวศของการบริการสุขภาพ (Healthcare Ecosystem) ให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่เกิดขึ้นในสังคม โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วยในระบบบริการสุขภาพ ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงสุด

7.HEALTH Wellness & Prevention มุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิต ที่เสนอประกันสุขภาพในการดูแลสุขภาพลูกค้าในเชิงป้องกันและฟื้นฟู โดยการสนับสนุนการดูแลรักษาร่างกายตั้งแต่ยังไม่ป่วย ด้วยการดูแลตนเองให้ดี ใช้หลักกินดี นอนดี ขยันออกกำลังกาย และไม่เครียด 

8.HEALTH Lifestyle สร้างสรรค์กิจกรรมต่าง ๆ ผ่านเครื่องมือที่ล้ำสมัย ตอบสนองความต้องการยุคดิจิทัลที่หลายคนต้องการความสะดวกรวดเร็ว โดยเรามี OCEAN CLUB APP เป็นตัวช่วยในการดูแลสุขภาพลูกค้าตลอดช่วงชีวิต พร้อมสิทธิประโยชน์มากมายให้แลกรับ โดยล่าสุดได้จับมือกับ Yes Token เปลี่ยน OCHI Coin ที่สะสมให้เป็นเหรียญคริปโท และร่วมกับ AIS ด้วยการใช้ Ochi Coin โอนเป็น AIS Point

คุณนุสราฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ทั้ง 8 แนวคิดดังกล่าว นับเป็นการสร้างความยั่งยืนด้านสุขภาพ Sustainable Health ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้ชื่อ Sustainable with Love ซึ่ง OCEAN LIFE ไทยสมุทร ตั้งใจใช้พลังความรักช่วยสร้างโลกแห่งสุขภาพดีให้คนไทย เพื่อให้ทุกคนมีร่างกายที่แข็งแรง และจิตใจที่เข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกันพร้อมเผชิญหน้ากับความผันผวน ไม่แน่นอน ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างดีที่สุด”

สนใจร่วมสร้างสุขภาพดีไปกับ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ด้วยผลิตภัณฑ์ บริการ และกิจกรรมที่หลากหลาย ผ่านทาง OCEAN CLUB APPLICATION / LINE : @oceanlife / Facebook : Oceanlifepage และเว็บไซต์ www.ocean.co.th  หรือติดต่อศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร.0 2207 8888


 


Tags : OCEAN LIFE ไทยสมุทร นุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ไทยสมุทรประกันชีวิต ไทยสมุทรเผยรายได้ปี2565 ไทยสมุทรเผยแผนงานปี2566


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น (SOE Awards) ประจำปี 2568 ให้แก่ธนาคารออมสิน โดยมีผู้แทนรับมอบรางวัลได้แก่ รศ.ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการธนาคารออมสิน พร้อมด้วย นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และผู้บริหาร ซึ่งเป็นปีที่ธนาคารออมสินได้รางวัลในระดับดีเด่นและเกียรติยศ ครบทั้ง 8 ประเภทรางวัลที่ธนาคารได้รับ จัดขึ้นโดยคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568     นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในปี 2568 นี้ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ได้พิจารณามอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นแก่ธนาคารออมสิน จำนวน 8 รางวัล ประกอบด้วย 1) รางวัลเกียรติยศรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม ธนาคารได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง โดยเป็นรางวัลที่มอบให้กับรัฐวิสาหกิจที่มีความโดดเด่นและมีมาตรฐานการดำเนินงานทุก ๆ ด้าน สามารถตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของประชาชน     2) รางวัลเกียรติยศคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง จากการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ และผลักดันการบริหารงานให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี 3) รางวัลเกียรติยศการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 7 ต่อเนื่อง จากการรักษามาตรฐาน การบริหารจัดการเพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำพาองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ   4) รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น ที่มอบให้แก่นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผลงานเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน 5) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจดิจิทัล จากการสร้างสรรค์และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาองค์กร ในมิติต่าง ๆ พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล 6) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจยั่งยืน จากการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ จนเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม     7) รางวัลการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น โดยได้รับจากผลงานความสำเร็จของโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบองค์รวม (Holistic Area-Based Development) - โครงการลิบงสุขใจ ออมสินพัฒนา อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 8) รางวัลความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น จากโครงการ GEN AI Branch Assistant : ผู้ช่วยสาขาอัจฉริยะ ที่ธนาคารพัฒนาขึ้นโดยการนำ AI มาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของสาขา   นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของบุคลากรธนาคารออมสินทุกคนในการรักษามาตรฐานการบริหารจัดการองค์กรในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส และการให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล ควบคู่กับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “ธนาคารเพื่อสังคม” เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกและความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว    

26 Dec 2025

...

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับ เอ ไลฟ์ (ALive Powered by AIA) โดยบริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด ส่งความห่วงใยถึงคนไทยทั่วประเทศในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569 มอบแคมเปญ “ฟรี!!! ประกันอุบัติเหตุ กรมธรรม์ประกันภัยอุ่นใจข้ามปี” โดยมอบกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่ (ไมโครอินชัวรันส์) ฟรีให้แก่ประชาชนทั่วไป ระยะเวลาคุ้มครองนาน 30 วัน ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริงสูงสุด 5,000 บาท* เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมเพิ่มความอุ่นใจสำหรับการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนาเพื่อไปฉลองกับครอบครัว ซึ่งแคมเปญดังกล่าวยังเป็นการขานรับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อีกทั้งยังสานต่อพันธกิจของเอไอเอที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives ทั้งนี้ สำหรับประชาชนทุกคนที่สนใจขอรับกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มฟรี สามารถลงทะเบียนรับสิทธิออนไลน์ได้ง่าย ๆ เพียงไปที่เว็บไซต์ https://aiathailand.info/panyPR  ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2568 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2569   หมายเหตุ: *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด กำหนด

20 Dec 2025

...

รายงานข่าวจากธนาคารออมสิน ขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า ประเภทบุคคลธรรมดา ที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และยังไม่ได้ลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill ขอให้เร่งสมัครผ่านเว็บไซต์ของธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากขณะนี้เหลือเวลาเพียง 4 วันสุดท้าย ที่สามารถลงทะเบียนและเรียนให้จบหลักสูตร เพื่อรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ นับจากวันที่พัฒนาทักษะสำเร็จจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 สูงสุดไม่เกินรายละ 2,000 บาท หลักสูตร Smart Finance Upskill การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัสเป็นการเรียนออนไลน์กับธนาคารออมสิน ภายใต้โครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย ประเภทบุคคลธรรมดา มุ่งเสริมทักษะทางการเงินที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจ ครอบคลุมการทำบัญชี การคิดต้นทุน การตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ ผู้ที่เรียนจบและผ่านเกณฑ์ จะได้รับประกาศนียบัตรและรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐตามเงื่อนไขที่กำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 กด 7

19 Dec 2025

...

ธ.ก.ส. เร่งให้ความช่วยเหลือทหาร และ ตชด. วีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา โดยให้ความช่วยเหลือกับทหาร และ ตชด. ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือบิดา - มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต โดยยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกหนี้ และลดภาระให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชาได้กลับมาตึงเครียดในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี ตราด และสระแก้ว ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของเกษตรกรลูกค้าของธนาคาร โดยปัจจุบันมีทหารที่เป็นสมาชิกครอบครัวของลูกค้า ธ.ก.ส. เสียชีวิต และเพื่อให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกค้า ธ.ก.ส. และเป็นการลดภาระเพื่อให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง คณะกรรมการธนาคาร โดย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. ได้มีมติในการประชุมวันนี้ (9 ธันวาคม 2568) ให้ความช่วยเหลือลูกค้า กรณีทหาร หรือตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือแก่บิดา มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยธนาคารจะยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้ให้ความช่วยเหลือครอบครัวทหารไปแล้ว จำนวน 7 ราย ธ.ก.ส. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา คนข้างหลังไม่ต้องกังวล ธ.ก.ส. อยู่เคียงข้างและพร้อมก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง  

14 Dec 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner