Responsive image

Sunday, 08 Sep 2024

หน้าแรก > INSURANCE/ประกันภัย-ประกันชีวิต


กรุงเทพประกันภัย ประกาศแผนปี 2567 ตั้งเป้าเบี้ยฯ 32,500 ล้านบาท เติบโต 8% พร้อมนำหุ้น BKIH เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มความคล่องตัวขยายการลงทุนในธุรกิจ

Tue 09/04/2567


(ภาพจากซ้าย)  คุณชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ ,  ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI


กรุงเทพประกันภัย ต่อยอดความสำเร็จพร้อมขยายสู่โอกาสใหม่ ประกาศแผนปี 2567 ตั้งเป้าเบี้ยฯ 32,500 ล้านบาท มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เข้าใจไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ สู่การฟื้นฟูยกระดับสร้างมูลค่าเพิ่มให้องค์กรเติบโตแข็งแกร่งมากกว่าเดิม พร้อมนำหุ้น BKIH เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแทนที่หุ้นของกรุงเทพประกันภัย ประมาณช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2567 โดยถือเป็นหนึ่งในกระบวนการสำคัญในการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มความคล่องตัวในการขยายการลงทุนในธุรกิจ

 

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2566 ว่า บริษัทฯ สามารถสร้างเบี้ยประกันภัยรับรวมได้ถึง 29,915.7 ล้านบาท เติบโตจากปี 2565 ร้อยละ 12.1 มีกำไรจากการรับประกันภัย 2,070.1 ล้านบาท มีรายได้สุทธิจากการลงทุน 1,299.5 ล้านบาท และบริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,043.8 ล้านบาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 5.50 บาท รวมทั้งปี 16.75 บาท พร้อมยืนหยัดความแข็งแกร่งทางด้านการเงินด้วยการมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) สูงกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยอยู่ที่ร้อยละ 185.9 (ณ 30 ก.ย. 66) และรักษาอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินในระดับสูงหรือ Credit Rating A- (Stable) (ณ พ.ย. 66) โดย Standard & Poor’s (S&P) สถาบันการจัดอันดับทางการเงินชั้นนำของโลก

สำหรับแนวโน้มของธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2567 สมาคมประกันวินาศภัยไทยประเมินว่าจะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 5.0 - 6.0 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า โดยได้รับผลบวกจากประกันภัยสุขภาพที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ขณะเดียวกันด้านตลาดที่อยู่อาศัยแม้จะได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือนและอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูงจนส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค แต่ด้วยต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้นผนวกกับผู้ประกอบการได้เปิดโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่มีรายได้สูงมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อน้อยกว่า ทำให้มูลค่าที่อยู่อาศัยต่อหน่วยที่เข้าสู่ระบบประกันภัยปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อเนื่องไปยังเบี้ยประกันอัคคีภัย สำหรับประกันภัยรถยนต์นั้น แม้ยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่โดยรวมจะมีแนวโน้มหดตัวลงต่อเนื่องจากปีที่แล้ว แต่ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) คาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งรถยนต์ EV มีอัตราเบี้ยประกันภัยโดยเฉลี่ยที่สูงกว่ารถยนต์ใช้เชื้อเพลิง ส่งผลให้ปริมาณเบี้ยประกันภัยรถยนต์โดยรวมน่าจะยังคงเติบโตได้

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจประกันวินาศภัยจะได้รับผลกระทบจากมูลค่าการลงทุนภาครัฐที่คาดว่าจะหดตัวลงอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา จากความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 เช่นเดียวกับผลกระทบจากสงครามและความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ยืดเยื้อ ซึ่งจะส่งผลต่อมูลค่าการส่งออกสินค้าที่อาจไม่สามารถเติบโตได้เท่าที่ควร จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในการขนส่งสินค้าทางเรือที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางเสี่ยงภัย รวมถึงปัญหา Supply Chain Disruption ที่กระทบต่อการผลิตเพื่อการส่งออก

นอกจากนี้ ธุรกิจประกันวินาศภัยจะยังคงได้รับประโยชน์จากการที่ตลาดรับประกันภัยต่อโดยรวมมีการปรับอัตราเบี้ยประกันภัยขึ้น แม้จะเป็นการเพิ่มในอัตราที่ลดลงจากปีที่ผ่านมา และจะยังคงมีแรงกดดันจากภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงและมีความถี่สูงขึ้นจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (Climate Change) โดยเฉพาะภัยจากพายุฝนและน้ำท่วม ตลอดจนต้นทุนการชดใช้ค่าสินไหมทดเเทนที่ยังคงปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ตลาดเริ่มเห็นสัญญาณของอัตราเบี้ยประกันภัยที่คงที่หรือเริ่มลดลงในบาง Segment อันเป็นผลจากการที่ตลาดรับประกันภัยต่อมีกำไรจากการดำเนินงานที่ดีในปีที่ผ่านมา เนื่องจากไม่มีมหันตภัยขนาดใหญ่ที่ก่อให้เกิดค่าสินไหมทดแทนจำนวนมหาศาล รวมถึงการปรับเพิ่มอัตราเบี้ยประกันภัยต่อมาหลายปีติดต่อกัน

2024 Year of Transformation and Embracing Regenerative Approach towards Sustainability

หลังจากในปี 2566 เป็นปีแห่งการ Resilience พลิกฟื้นบริษัทฯ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ให้กลับไปสู่จุดที่แข็งแกร่งและมั่นคงยิ่งกว่าเดิมในทุกมิติ ผ่านการปลูกฝัง Mindset แก่บุคลากรให้เรียนรู้จากวิกฤตเพื่อให้เกิดการพัฒนาและปรับตัวให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงสร้างจิตสำนึกความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว จนทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างเบี้ยประกันภัยและผลกำไรให้เติบโตได้อย่างโดดเด่นเป็นประวัติการณ์ 

โดยในปี 2567 บริษัทฯ ได้พัฒนาต่อยอดสู่การเป็นปีแห่ง Regenerative ซึ่งหมายถึง การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทุกกิจกรรมในห่วงโซ่คุณค่าที่บริษัทฯ จะส่งมอบให้แก่ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม รวมถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมได้รับผลกระทบเชิงบวกจากผลิตภัณฑ์ บริการ และกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ ของบริษัทฯ เพิ่มเติมจากคุณค่าที่เคยได้รับ ซึ่งผลกระทบเชิงบวกนั้นจะช่วยชดเชย ซ่อมเสริม หรือพลิกฟื้นสิ่งที่เคยสูญเสีย หรือบกพร่องให้กลับสู่สภาพปกติ ไม่ว่าจะเป็นด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ หรือคุณภาพชีวิต ซึ่งผลลัพธ์ที่คาดหวังนั้น นอกจากจะเป็นการสร้างผลิตภัณฑ์ประกันภัยและการบริการที่เหนือความคาดหวัง สามารถตอบโจทย์ทุก Pain Point ของลูกค้าและคู่ค้า ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจประกันวินาศภัยแล้ว ยังช่วยสร้างความยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ตลอดจนสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันอีกด้วย

 

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน 


สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 นี้ กรุงเทพประกันภัยได้ตั้งเป้าหมายด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 32,500 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 8.0 แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 13,690 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่ประกันภัยรถยนต์หรือ Non-Motor 18,810 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด พร้อมยกระดับนวัตกรรมการบริการให้ดียิ่งขึ้น นำมาซึ่งการสร้างความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าและคู่ค้า

พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงและเข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่

สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ๆ เพื่อรองรับโครงสร้างประชากรไทยและวิถีชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับความเสี่ยงต่างๆ ในรูปแบบ Personalized Insurance พร้อมส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดี และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า

  • ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 อุ่นใจวัยเก๋า

            พร้อมก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยบริษัทฯ ได้พัฒนาแผนประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 อุ่นใจวัยเก๋า เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าวัย 55 - 75 ปี ที่ชื่นชอบขับรถด้วยตนเอง  ซึ่งนอกจากจะได้รับความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 แล้ว ยังเพิ่มเติมความคุ้มครองอื่นๆ ได้อย่างครอบคลุม รองรับกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อมอบความอุ่นใจให้ผู้สูงวัยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดจนต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล อาทิ เงินชดเชยกายภาพบำบัด เงินชดเชยค่าเวชภัณฑ์คงทนใช้ภายนอกร่างกาย (เวชภัณฑ์ 2) ที่จำเป็นต้องใช้หลังเกิดอุบัติเหตุ เช่น ไม้เท้า ไม้ค้ำยัน รถเข็นผู้ป่วย เฝือกพยุงคอ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีบริการ Nursing Care Service at Home ด้วยการมีบุคลากรทางการแพทย์มาดูแลลูกค้าถึงบ้านอีกด้วย

  • ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 เพิ่มความคุ้มครองสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) โดยไม่เพิ่มเบี้ยประกันภัย

ด้วยเทรนด์ Pet Humanization ที่กำลังมาแรง ประชาชนให้ความสำคัญกับการเลี้ยงสัตว์เสมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวที่ต้องทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันมากขึ้น กรุงเทพประกันภัยเข้าใจในความต้องการของลูกค้า จึงมอบสิทธิพิเศษให้แก่ผู้เอาประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 ทุกแผนประกันภัย ทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าที่ต่ออายุ ด้วยความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) ที่อยู่ภายในรถยนต์เมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการชน 10,000 บาท/ตัว/ครั้ง และกรณีเสียชีวิตจะได้รับความคุ้มครอง 10,000 บาท/ตัว/ครั้ง โดยไม่ต้องเสียค่าเบี้ยประกันภัยเพิ่มแต่อย่างใด

  • ประกันภัยสุขภาพ (เพิ่มความคุ้มครองจิตเวช)

ท่ามกลางสภาวะทางสังคมที่ไม่แน่นอน เปราะบาง และมีแรงกดดันมากขึ้น บริษัทฯ จึงมุ่งให้ความสำคัญกับเรื่องจิตใจของผู้คนในสังคม ผ่านแผนประกันภัยสุขภาพที่มอบความคุ้มครองทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยจะมีการเพิ่มความคุ้มครอง เช่น การตรวจรักษาอาการหรือโรคที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะทางจิตใจ (Mental Health) การดูแลโดยพยาบาลเฝ้าไข้พิเศษ การรักษาโดยแพทย์ทางเลือก การตรวจสุขภาพ เงินชดเชยรายวันระหว่างการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล อันเนื่องมาจากการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย โดยมีแผนประกันภัยให้ลูกค้าเลือกตามความเหมาะสม ทุนประกันภัยตั้งแต่ 300,000 - 1,000,000 บาท รับประกันภัยอายุ 16 - 70 ปี และสามารถต่ออายุได้ถึง 80 ปี

 

(ภาพจากซ้าย)  คุณลสา โสภณพนิช , ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน , คุณปวีณา จูชวน 


      วิกฤตโควิด-19 เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เร่งให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทางการแพทย์ ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคพลิกโฉมไปอย่างรวดเร็ว บริการแพทย์ทางไกลในรูปแบบ Telemedicine จึงเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยบริษัทฯ เตรียมนำเสนอแผนประกันภัยสุขภาพ สำหรับ Telemedicine ซึ่งจะเป็นการปรึกษาแพทย์ทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน Clicknic ที่รองรับถึง 55 อาการของโรคที่สามารถรับคำปรึกษาจากแพทย์ทางไกลได้ เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย มีไข้ เจ็บคอ ผื่นคัน ตาเจ็บ ฯลฯ พร้อมช่วยลดความกังวลด้วยบริการจัดส่งยาให้ถึงบ้านภายใน 1 ชั่วโมงสำหรับในเขตกรุงเทพฯ และเฟสถัดไปในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 นี้ บริษัทฯ จะยกระดับบริการด้าน Telemedicine ด้วยการขยายความคุ้มครองให้ครอบคลุมถึงบริการปรึกษาแพทย์ทางไกลสำหรับการตรวจรักษา อาการหรือโรคที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะทางจิตใจ เพื่อรองรับสภาพแวดล้อมทางสังคมที่ทำให้ประชาชนต้องประสบกับภาวะความเครียด ซึ่งก่อให้เกิดโรคทั้งทางร่างกายและจิตใจ

  • ประกันภัยสำหรับคอนโด

            ด้วยรูปแบบวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลง ผู้คนอยู่อาศัยภายในคอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  บริษัทฯ
จึงได้พัฒนาแผนประกันภัยที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ โดยกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับคอนโดให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินภายในคอนโดมิเนียมอันมีสาเหตุจากไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด ภัยเนื่องจากน้ำ ภัยจากลมพายุ ลูกเห็บ หรือน้ำท่วม รวมถึงคุ้มครองความสูญเสียหรือความเสียหายต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เกิดเหตุภายในคอนโดมิเนียม และกรณีความเสียหายจากการถูกโจรกรรมที่มีวงเงินความคุ้มครองตั้งแต่ 50,000 - 200,000 บาท เพื่อเพิ่มความสบายใจให้แก่ลูกค้า อีกทั้งยังครอบคลุมถึงความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก เช่น กรณีน้ำรั่วซึมไปยังห้องอื่นๆ จนเกิดความเสียหาย ฯลฯ โดยเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 1,290 บาท

“แคร์คุณทุกย่างก้าว” ด้วยการให้บริการที่ใส่ใจ 

กรุงเทพประกันภัยมุ่งพัฒนานวัตกรรมการบริการที่เหนือความคาดหวัง สะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่าย รวมทั้งดูแลเอาใจใส่ในทุกความต้องการของลูกค้า

  • ระบบติดตามสถานะการดำเนินงาน (Progress Tracking)

            ด้วยการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งเพื่อส่งมอบบริการที่มีคุณภาพ มุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดี รวดเร็วและเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบติดตามสถานะการดำเนินงาน (Progress Tracking) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าและคู่ค้าให้สามารถตรวจสอบสถานะในขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ซึ่งจะครอบคลุมทั้งงานด้านรับประกันภัย การชำระเบี้ยประกันภัย และงานสินไหมทดแทน เช่น ตรวจสอบสถานะผลการตรวจสภาพรถยนต์ ขั้นตอนการจัดส่งกรมธรรม์ประกันภัย การชำระเบี้ยประกันภัย รวมไปถึงการตรวจสอบสถานะการเคลมสินไหมทดแทนว่าอยู่ในขั้นตอนใด เช่น  การรับเอกสารการเคลม การตรวจสอบเอกสารการเคลม การประเมินราคา การจัดซ่อม การส่งมอบรถ การอนุมัติค่าสินไหมทดแทน และการโอนค่าสินไหมทดแทน เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะด้านสินไหมทดแทนยานยนต์ (Motor Claims) ได้โดยผ่านช่องทาง LINE @bangkokinsurance และลำดับถัดไปจะขยายช่องทางการให้บริการผ่าน Mobile Application และเพิ่มเติมบริการให้ครอบคลุมงานด้านรับประกันภัย งานสินไหมทดแทนทั่วไป (Non-Motor Claims) และทางด้านการเงิน ทั้งนี้ สำหรับตัวแทนและนายหน้าซึ่งเป็นคู่ค้าของบริษัทฯ สามารถตรวจสอบสถานะดังกล่าวได้อย่างรวดเร็วผ่านช่องทาง Web Partner           

 

เพิ่มศักยภาพเทคโนโลยี ก้าวทันโลกดิจิทัล
            กรุงเทพประกันภัยมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อต่อยอดสู่ความเป็นเลิศในการให้บริการที่ก้าวทันกับความต้องการตามเทรนด์ของลูกค้ายุคใหม่  

  • AI Outbound Voice Chatbot

            จากความใส่ใจและคำนึงถึงลูกค้าในทุกๆ ด้าน นำมาสู่การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) มาใช้ในการแจ้งเตือนการต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ลูกค้าทางโทรศัพท์ โดยระบบดังกล่าวจะสื่อสารกับลูกค้าด้วยน้ำเสียงเสมือนจริง ที่มากับความพร้อมในการตอบคำถามและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยของลูกค้า รวมถึงช่องทางการชำระเงินหรือเรื่องอื่นๆ ทั้งนี้ การนำเทคโนโลยี AI มาช่วยในเรื่องดังกล่าว นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกในการต่ออายุเพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังส่งเสริมให้บริษัทฯ เพิ่มศักยภาพในการทำงานจากการที่ AI สามารถจัดสรรงานให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยดูแลลูกค้าที่ต้องการรับบริการด้านอื่นๆ ได้อีกด้วย โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการดังกล่าวได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

            ด้วยความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการได้อย่างรวดเร็วและฉับไว พร้อมสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า บริษัทฯ จึงได้นำ AI มาประยุกต์ใช้เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างตรงใจมากยิ่งขึ้น ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลจากการติดต่อของลูกค้าในช่องทางต่างๆ ทั้งทางโทรศัพท์และสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยจะนำข้อมูลมาวิเคราะห์ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าและประมวลผลออกมาเป็นประเภทหมวดหมู่อย่างชัดเจน เช่น การติดตามงานด้านรับประกันภัย งานด้านสินไหมทดแทน การชำระเงิน ข้อเสนอแนะเชิงบวกและเชิงลบ ตลอดจนข้อร้องเรียนต่างๆ ซึ่งระบบ Cognitive Customer Portal จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทั้งด้านพฤติกรรมและประสบการณ์การใช้งาน นอกจากนี้ ยังสามารถเรียกดูข้อมูลเชิงสถิติในรูปแบบ Dashboard เพื่อการติดตามผล สรุปปัญหาต่างๆ ที่ต้องนำมาปรับปรุง พัฒนา และแก้ไขให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าต่อไป

 

BKIH การเปลี่ยนแปลงกับโอกาสครั้งสำคัญ

            กรุงเทพประกันภัยเดินหน้าเข้าสู่ก้าวใหม่ หลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างบริษัทฯ ผ่านการจัดตั้งบริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH เมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ให้มีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) โดยบริษัทฯ ได้กำหนดระยะเวลาในการแลกเปลี่ยนหุ้น “BKI” เป็นหุ้น “BKIH” ในช่วงระหว่างวันที่ 25 มีนาคม – 5 มิถุนายน 2567 รวมทั้งสิ้น 45 วันทำการ จากนั้นจะนำหุ้น BKIH เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแทนที่หุ้นของกรุงเทพประกันภัย ประมาณช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2567 โดยถือเป็นหนึ่งในกระบวนการสำคัญในการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มความคล่องตัวในการขยายการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลายและมีศักยภาพต่อยอดสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

 

คุณชัย โสภณพนิช


 

ธุรกิจประกันภัยที่ร่วมสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืน

บริษัทฯ พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสังคมควบคู่กับการสร้างการเติบโตด้วยผลการดำเนินงานที่ดี เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ “มุ่งเป็นที่สุดในใจลูกค้า” ด้วยผลิตภัณฑ์ บริการ และกระบวนการดำเนินธุรกิจที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า โดยยึดมั่นในแนวทางการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงหลักธรรมาภิบาล สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการกำหนดกลยุทธ์และกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ ของบริษัทฯ ให้ดำเนินไปอย่างสอดคล้องและเกื้อหนุนกัน อาทิ งานด้านการรับประกันภัยและงานด้านสินไหมทดแทนที่มีส่วนในการส่งเสริมให้ผู้เอาประกันภัยคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เช่น การออกกรมธรรม์ประกันภัยบ้านอยู่อาศัย Green Guarantee การเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าบริจาคเงินให้องค์กรการกุศลแทนการรับของสมนาคุณ​ กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลและประกันภัยสุขภาพที่หักค่าเบี้ยประกันภัยส่วนหนึ่ง​ให้แก่องค์กรการกุศล รวมถึงการสนับสนุนธุรกิจรายย่อยให้มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ​ผ่านการขยายระยะเวลาการชำระเบี้ยประกันภัยของลูกค้า SMEs​ จากเดิม 30 วัน เป็น 60 วัน​ เป็นต้น ตลอดจนส่งเสริมกระบวนการดำเนินธุรกิจต่างๆ ภายในบริษัทฯ ให้มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ

ในปี 2567 นี้ นับเป็นอีกปีเเห่งโอกาสครั้งสำคัญที่จะต่อยอดความสำเร็จ พร้อมขยายธุรกิจเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงกับสภาวะทางเศรษฐกิจ สังคม และความท้าทายของโลกยุคใหม่ ผ่านการฟื้นฟูยกระดับการสร้างมูลค่าเพิ่มตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าให้องค์กรเติบโตแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อมุ่งสู่ความมั่นคงอย่างยั่งยืนต่อไป


Tags : กรุงเทพประกันภัย ฺBKI BKIH ชัยโสภณพนิช ดร.อภิสิทธิ์อนันตนาถรัตน แผนงานกรุงเทพประกันภัยปี2567 แนวโน้มของธุรกิจประกันวินาศภัยในปี2567


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

เอไอเอ ประเทศไทย จับมือกับ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด ในเครือบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ร่วมมอบประกันอุบัติเหตุฟรี ผลประโยชน์ความคุ้มครองสูงถึง 100,000 บาท พร้อมค่าชดเชยรายได้เมื่อนอนโรงพยาบาลจากอุบัติเหตุวันละ 500 บาท* คุ้มครองนาน 30 วันนับจากวันลงทะเบียน พิเศษสำหรับสมาชิก แอปพลิเคชัน Max Me โดยสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน  ถึง 31 ตุลาคม 2567 เพื่อสนับสนุนให้ผู้ขับขี่บนท้องถนนได้มีประกันอุบัติเหตุเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงที่อาจขึ้นได้แบบไม่คาดคิด นอกจากนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ยังได้มอบสิทธิพิเศษ กรมธรรม์ประกันชีวิตวงเงินคุ้มครอง 50,000 บาท ให้แก่สมาชิก PT Max Card Plus อีกด้วย สอดคล้องกับพันธกิจของเอไอเอ ที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’ นายเอกรัตน์ ฐิติมั่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในนามของเอไอเอ ประเทศไทย เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันอย่าง กลุ่มบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี ในการมอบสิทธิประโยชน์ด้านประกันอุบัติเหตุให้แก่สมาชิก แอปพลิเคชัน Max Me รวมทั้งมอบกรมธรรม์ประกันชีวิตแก่สมาชิก PT Max Card Plus โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และนอกเหนือจากนี้ เรายังร่วมกันอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิก PT Max Card ได้เข้าถึงข้อมูลประกันชีวิตและประกันสุขภาพได้ง่าย ๆ ผ่าน แอปพลิเคชัน Max Me อีกทั้งเพื่อสนับสนุนให้คนไทยได้มีประกันเพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยเฉพาะความเสี่ยงจากการขับขี่บนท้องถนน เรายังได้นำเสนอแบบประกันออนไลน์  อาทิ แบบประกันอุบัติเหตุ Micro100 ให้แก่สมาชิก PT Max Card ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลประกันต่าง ๆ ผ่านช่องทางของ แอปพลิเคชัน Max Me ได้ และในอนาคตอันใกล้นี้  เอไอเอ และ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส ยังมีแผนร่วมกันนำเสนอสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่น่าสนใจแก่สมาชิก PT Max Card อีกมากมาย เพื่อเดินหน้าส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น” นายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด เปิดเผยว่า “ความร่วมมือกับ เอไอเอ เป็นการต่อยอดความสำเร็จของการให้บริการเงินแก่สมาชิก PT Max Card ผ่านแอปพลิเคชัน Max Me นอกเหนือจากบริการสินเชื่อ และประกันวินาศภัย ซึ่งเป็นการดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ของ กลุ่ม บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี ที่ต้องการเชื่อมให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข" ในทุกด้านของช่วงชีวิต โดยเรามองว่า ประกันชีวิตเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญกับคนไทยทุกคน เป็นทั้งหลักประกันความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเราอยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและสมาชิก PT Max Card เข้าถึงข้อมูล ความรู้ และเข้าใจถึงความสำคัญของประกันชีวิตผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน Max Me พร้อมรับสิทธิประโยชน์มากมาย เพื่อตอบแทนลูกค้าและสมาชิกผู้มีอุปการะคุณเสมอมา จึงได้เกิดความร่วมมือกับ เอไอเอ ในครั้งนี้ขึ้น” นอกจากนี้เรายังมอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในกรณี สมาชิก PT Max Card ซื้อประกันเอไอเอที่ร่วมรายการ โดยมีเบี้ยประกันภัยรวมต่อปีขั้นต่ำ 10,000 บาท รับ Max Point สุดคุ้ม สูงสุด 1,000 แต้ม* เมื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านช่องทางที่กำหนด ผู้ที่สนใจรับสิทธิ์ประกันอุบัติเหตุฟรี สามารถลงทะเบียนได้ที่ แอปพลิเคชัน Max Me ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน  ถึง 31 ตุลาคม 2567 สำหรับสมาชิก PT Max Card Plus สามารถลงทะเบียนรับกรมธรรม์ประกันชีวิตวงเงินคุ้มครอง 50,000 บาท ได้ที่ website : https://crmpartner.pt.co.th/maxplus  ตั้งแต่ วันที่ 1 กันยายน ถึง 31 ธันวาคม 2567 หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนรับสิทธิ์สามารถติดต่อ PT Call Center โทร 1614 หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครอง กรุณาติดต่อ เอไอเอ คอลเซ็นเตอร์ โทร. 1581   หมายเหตุ: *ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์ **เงื่อนไขโปรโมชันเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด เอไอเอขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง ยกเลิก แก้ไขรายละเอียดหรือเงื่อนไขต่างๆ โดยแจ้งให้ทราบล่วงหน้าผ่านช่องทางสื่อสารของบริษัท ****ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครอง รวมทั้งข้อยกเว้นไม่คุ้มครอง ของผลิตภัณฑ์ประกันภัย และเงื่อนไขที่เอไอเอประกาศ ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง  

07 Sep 2024

...

  เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกกำลังพันธมิตรบัตรเครดิตชั้นนำ จัดแคมเปญ ผ่อนชิล รับเงินคืนฉ่ำ ๆ โปรโมชันผ่อนค่าเบี้ยสบาย ๆ 0% หรือรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13% กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ตอบโจทย์ความต้องการ และเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้าในการชำระเบี้ยประกันภัย     นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  เมืองไทยประกันชีวิต ยังคงเดินหน้าส่งมอบความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าอย่าง       ไม่หยุดยั้งผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ นวัตกรรม และเครือข่ายพันธมิตรที่ครอบคลุมทุกรูปแบบ     การใช้ชีวิต ล่าสุด บริษัทฯ ได้ผนึกกำลังพันธมิตรบัตรเครดิตชั้นนำ ประกอบด้วย บัตรเครดิตกสิกรไทย    บัตรเครดิตเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์  บัตรเครดิตยูโอบี  และบัตรเครดิต KTC  จัดโปรโมชันสุดพิเศษ         เพื่อตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่ต้องการชำระค่าเบี้ยประกันภัยผ่านบัตรเครดิต ให้สะดวกสบายและปลอดภัยในการทำธุรกรรมการเงิน โดยมีโปรโมชันให้เลือก ดังนี้ โปรโมชันผ่อนชิล ผ่อน 0% นาน 6 เดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ และชำระค่าเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตแบบรายปีเท่านั้น  ยอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป/กรมธรรม์/เซลล์สลิปผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย บัตรเครดิตเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท หรือบัตรเครดิตยูโอบี  โปรโมชันผ่อน 0% นาน 4 เดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ชำระค่าเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตแบบรายปีเท่านั้น  ยอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป/กรมธรรม์/เซลล์ สลิป ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย หรือบัตรเครดิตเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท หรือโปรโมชันผ่อนสั้น ๆ  0%  นาน 3 เดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่และชำระด้วยบัตรเครดิตแบบรายปีเท่านั้น ยอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป/กรมธรรม์/เซลล์สลิปผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย     บัตรเครดิตเครือ กรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท บัตรเครดิตยูโอบี และบัตรเครดิต KTC ที่มียอดชำระเบี้ยประกันภัย 10,000 บาทขึ้นไปต่อกรมธรรม์และต่อเซลส์สลิป  ทั้งนี้จะต้องเป็นแบบประกันภัยที่สามารถชำระเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตได้ ยกเว้นแบบประกันชีวิตชำระเบี้ยประกันภัยครั้งเดียว หรือชำระเบี้ยประกันภัยต่ำกว่า 5 ปี, แบบประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA), แบบประกันชีวิตควบการลงทุนทั้งแบบยูนิต ลิงค์ (Unit-Linked) และแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life) การชำระเบี้ยประกันภัยนั้นต้องเป็นเบี้ยประกันภัยปีแรกและชำระแบบรายปี โดยแนบสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพหรือโรคร้ายแรงแบบใดก็ได้ รวมถึงกรมธรรม์แบบบำนาญสามารถชำระเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตได้ โดยไม่จำเป็นต้องแนบสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพและโรคร้ายแรง สำหรับการซื้อประกันภัยใหม่ในทุกช่องทางการขายของบริษัท ยกเว้น การขายผ่านธนาคารกสิกรไทย โปรดตรวจสอบ  โปรโมชันการชำระผ่านบัตรเครดิตเพิ่มเติมที่สาขาธนาคารกสิกรไทยทั่วประเทศ สิทธิพิเศษ...สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ แบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life)       รับสิทธิผ่อนชำระ 0% นาน 6 เดือน  เมื่อเลือกชำระด้วยบัตรเครดิตแบบรายปี ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย และมียอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 40,000 บาทขึ้นไป (เบี้ยประกันภัยหลักรวมเงินออมเพิ่มเติม)    ต่อกรมธรรม์และต่อเซลล์สลิป หรือโปรโมชันผ่อนสั้นๆ  0%  นาน 3 เดือน เมื่อเลือกชำระด้วยบัตรเครดิตแบบรายปี ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย และมียอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป  (เบี้ยประกันภัยหลักรวมเงินออมเพิ่มเติม) ต่อกรมธรรม์และต่อเซลล์สลิป และสำหรับลูกค้าต่ออายุกรมธรรม์ รับสิทธิผ่อนชำระค่าเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ 0% นาน 3 เดือน ช่องทางแอปพลิเคชัน MTL Click ผ่านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย และบัตรเครดิตเครือ   กรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท  โดยมียอดชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไปต่อกรมธรรม์และ  ต่อเซลล์สลิป และทุกโหมดการชำระเบี้ยประกันภัย  โดยโปรโมชันผ่อนชำระ 0% ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ สามารถใช้โปรโมชันได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2567 นี้ และยังมีโปรโมชันสุดคุ้ม รับเงินคืนฉ่ำ ๆ  สำหรับการชำระผ่านบัตรเครดิต KTC รับเครดิต     เงินคืนสูงสุด 13% และสิทธิพิเศษ 2 ต่อ โดยต่อที่ 1 รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 1% (รับสิทธิ์ทันทีโดยไม่ต้องแลกคะแนน) เมื่อชำระเบี้ยประกันภัยปีแรกและเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ สำหรับทุกโหมดชำระเบี้ยประกันภัย เฉพาะการชำระเบี้ยประกันภัยเต็มจำนวนเท่านั้น สำหรับแบบประกันภัยที่สามารถชำระเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตได้ ยกเว้นแบบประกันชีวิตควบการลงทุน Unit-linked  และต่อที่ 2  คะแนน KTC FOREVER ทุก 1,000 คะแนน แลกรับเครดิตเงินคืน 12% หรือ 120 บาทเมื่อชําระค่าเบี้ยประกันภัยของเมืองไทยประกันชีวิต ทั้งเบี้ยประกันภัยปีแรกและ/หรือเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ โปรโมชันเริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 สิงหาคม –  31 ธันวาคม 2567 สำหรับการชำระผ่านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย เมื่อแบ่งจ่ายรายเดือนผ่าน KBank Smart Pay 0% นาน 6 เดือน สำหรับลูกค้าซื้อกรมธรรม์ใหม่แบบรายปีเท่านั้น รับคะแนน K Point เพิ่มสูงสุด 50,000 คะแนน เมื่อมียอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไปต่อกรมธรรม์และต่อเซลล์สลิป ลงทะเบียนทุกครั้งก่อนทำรายการ  และโปรโมชันแลกคะแนน K Point รับเครดิตเงินคืน 10% สำหรับยอดชำระเต็มจำนวนหรือแบ่งจ่าย ผ่านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย  โปรโมชันเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2567 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.muangthai.co.th/th/campaign/promotion   หมายเหตุ - เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตและธนาคารกำหนด -โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย -ลูกค้าธนาคาร UOB ที่ถือบัตรเครดิตภายใต้แบรนด์ Citi สามารถเข้าร่วมโปรโมชันนี้ได้ -ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี    

03 Sep 2024

...

SME D Bank ออกมาตรการเร่งด่วน ช่วยเหลือเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากอุทกภัย วาตภัย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ ผ่านมาตรการ “พัก-ลด-ขยาย-ปรับ-เติม” บรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระค่าใช้จ่าย ช่วยฟื้นฟูกิจการ ผ่านสินเชื่อ​ “Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้” วงเงินสูงสุด 5 ล้านบาท ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำธุรกิจมาเพียง 1 ปี ก็กู้ได้          นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  เปิดเผยว่า ตามที่หลายจังหวัด ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย วาตภัย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ  ธนาคารได้ออกมาตรการเร่งด่วน “พัก-ลด-ขยาย-ปรับ-เติม” ช่วยเหลือลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบ ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง แพร่ เพชรบูรณ์ อุดรธานี ระยอง และภูเก็ต ครอบคลุมพื้นที่ตามที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย จะมีประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติเพิ่มเติมต่อไป  ได้แก่ “พัก” พักชำระหนี้เงินต้น สูงสุด 12 เดือน ,  “ลด” ลดค่างวดผ่อนชำระเหลือจ่ายดอกเบี้ยเพียง 50% สูงสุด 12 เดือน​ , “ขยาย” ขยายระยะเวลาการชำระหนี้สูงสุด 7 ปี / ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาเงินสูงสุด 120 วัน , “ปรับ” ปรับเปลี่ยนหนี้ระยะสั้นเป็นหนี้ระยะยาว ผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี และ “เติม”เติมทุนฟื้นฟูกิจการ ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อ​ “Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้”  เงื่อนไขผ่อนปรน สร้างโอกาสให้เข้าถึงแหล่งทุน ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำธุรกิจมาเพียง 1 ปี สามารถกู้ได้ วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท  อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น MLR-1.0% หรือ 6.50% ต่อปี ผ่อนชำระนานสูงสุด 7 ปี พร้อมปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 6 เดือน  โดยการช่วยเหลือจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามผลกระทบและความสามารถในการชำระของแต่ละกิจการ นอกจากนั้น ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ธนาคารจากส่วนกลาง และในพื้นที่เข้าเยี่ยมเยือนและสำรวจความเสียหายเพื่อช่วยเหลือได้ทันท่วงที รวมถึง ดำเนินการมอบสิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน   พร้อมเปิด Call Center 1357  ไว้คอยรับแจ้งขอความช่วยเหลือ   ดังนั้น  ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในครั้งนี้ มั่นใจได้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือและดูแลจาก SME D Bank อย่างใกล้ชิด ทั่วถึง และทันท่วงที  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357  

29 Aug 2024

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในหลายจังหวัดของประเทศ ได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของลูกค้าประชาชนเป็นอย่างมาก ธนาคารออมสินได้ออกชุดมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน ตามนโยบายรัฐบาล ทั้งพักหนี้ ลดดอกเบี้ย และมาตรการสินเชื่อ สำหรับมาตรการพักหนี้เพื่อแบ่งเบาภาระลูกหนี้ธนาคารออมสินที่ได้รับผลกระทบในช่วงนี้ โดยให้พักชำระเงินต้น เวลา 3 เดือน จ่ายดอกเบี้ยครึ่งหนึ่ง ส่วนดอกเบี้ยที่เหลืออีกครึ่งธนาคารลดให้ เป็นระยะเวลา 3 เดือน สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ทั้งบุคคล และ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท ไม่รวมลูกค้าสินเชื่อแก่ลูกหนี้ตามธุรกรรมนโยบายรัฐ (PSA) หรือโครงการผ่อนปรนอื่น ๆ ซึ่งลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ขอเข้ามาตรการผ่านทางเว็บไซต์ธนาคารออมสิน หรือติดต่อธนาคารออมสินในพื้นที่ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม หลังครบกำหนดผ่อนผันพักชำระหนี้ครบ 3 เดือนแล้ว ให้ชำระเงินงวดตามสัญญาเดิม หากยังไม่สามารถชำระหนี้ต่อได้ สามารถปรึกษากับเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินเพื่อหาแนวทางอื่นต่อไป     ส่วนผู้ประสบภัยที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้ฉุกเฉิน สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ 2 ประเภท ได้แก่ สินเชื่อฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ผ่อนเกณฑ์อนุมัติ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวัน หรือฟื้นฟูอาชีพ ไม่ต้องมีหลักประกันและไม่มีผู้ค้ำประกัน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกินรายละ 10,000 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 15 เดือน โดย 3 เดือนแรก อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0% ต่อเดือน และปลอดชำระเงินงวดนาน 3 เดือน หลังจากนั้นเดือนที่ 4 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ 0.60% ต่อเดือน สามารถติดต่อขอสินเชื่อที่ธนาคารออมสินสาขาภายใน 30 วันนับตั้งแต่ประสบภัย โดยเปิดให้ยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สินเชื่อเคหะแก่ผู้ประสบภัย สำหรับลูกค้าเดิมและประชาชนทั่วไปที่บ้านเรือนหรือที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม มีความจำเป็นต้องต่อเติมหรือซ่อมแซมในส่วนที่เสียหาย ให้วงเงินกู้สูงถึง 100% ของราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ยลดพิเศษเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.233% ต่อปี ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย 2% ปีที่ 2 - 3 = 3.85% ต่อปี (MRR-2.745%) และปีที่ 4 เป็นต้นไป = 5.845% ต่อปี (MRR-0.750%)     อนึ่ง ธนาคารออมสิน พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยมอบหมายให้ธนาคารออมสินในพื้นที่ออกเยี่ยมเยียนมอบถุงยังชีพและความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ลูกค้าประชาชนที่ประสบเหตุ พร้อมทั้งเตรียมขยายผลไปยังพื้นที่รับน้ำอื่น ๆ รวมถึงเตรียมร่วมมือกับภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะวิทยาลัยเทคนิคในพื้นที่ จัดตั้ง “คลินิกสารพัดซ่อม” เพื่อให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูเยียวยาหลังน้ำลด ในการดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซม ทั้งบ้านเรือนที่อยู่อาศัย อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน รถจักรยานยนต์ และอื่น ๆ ที่ได้รับความเสียหาย ตลอดจนสำรวจความต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมด้านต่าง ๆ ต่อไป  

28 Aug 2024

Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner