Responsive image

Friday, 07 Mar 2025

หน้าแรก > INSURANCE/ประกันภัย-ประกันชีวิต


ไทยประกันชีวิตเผยผลประกอบการปี 2567 โชว์กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 11,682 ล้านบาท เติบโตมากถึง 20.4%

Thu 06/03/2568


ไทยประกันชีวิตเผยผลประกอบการปี 2567 โชว์กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 11,682 ล้านบาท เติบโตมากถึง 20.4% ผลจากกำไรจากการรับประกันภัยที่มีเสถียรภาพ ควบคู่กำไรจากการลงทุนเติบโต โดยมูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 7,336 ล้านบาท และมีอัตรากำไรของธุรกิจใหม่อยู่ที่ 60.8% ทั้งนี้มูลค่าพื้นฐานของกิจการเติบโตอีก 12.6% ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 180,773 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15.8 บาทต่อหุ้น นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติให้จ่ายเงินปันผล ในอัตรา 0.5 บาทต่อหุ้น

 

นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2567 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 11,682 ล้านบาท หรือเติบโต 20.4% จากปีก่อนหน้า  โดยกำไรจากการรับประกันภัยอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2566 แม้ว่าภาพรวมสินไหมค่ารักษาพยาบาลจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ เน้นการขายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นความคุ้มครอง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างความยั่งยืนของกำไรจากการรับประกันภัย

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีกำไรจากการลงทุนเติบโตขึ้นถึง 119.7% เป็นผลจากสภาวะตลาดหุ้นในต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น และการปรับพอร์ตการลงทุนของบริษัทฯ ให้สอดคล้องกลยุทธ์และมาตรฐานรายงานทางการเงินใหม่ที่เริ่มบังคับใช้ในปี 2568 ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนอย่างระมัดระวังเพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 สินทรัพย์ลงทุนของบริษัทฯ มากกว่า 80% ของสินทรัพย์ลงทุนทั้งหมด เป็นสินทรัพย์ประเภทตราสารหนี้

ขณะที่มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (Value of New Business : VONB) ในปี 2567 อยู่ที่ 7,336 ล้านบาท โดยอัตรากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB Margin) มีอัตรา 60.8% โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมสูงถึง 87,854 ล้านบาท

นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานของกิจการ (Embedded Value) เพิ่มขึ้น 12.6% จากปีก่อน เป็น 180,773 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน หรือ CAR Ratio ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 อยู่ที่ 619.4% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้อยู่ที่ 140% สะท้อนสถานะเงินทุนที่แข็งแกร่งอันเป็นรากฐานของการเติบโตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเพื่ออนุมัติให้จ่ายเงินปันผลจากผลกำไรในปี 2567 ในอัตรา 0.5 บาทต่อหุ้น ซึ่งเงินปันผลจะจ่ายหลังได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น และสำนักงาน คปภ. เรียบร้อยแล้ว

นายไชยกล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาการบริการเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ (Seamless Experience) และมอบบริการที่มากกว่าให้กับลูกค้า ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยพัฒนานวัตกรรมต่างๆ อาทิ การพัฒนาแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต ที่ลูกค้าสามารถเลือกรับกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Policy) และการสลักหลังกรมธรรม์แบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Endorsement) ทำให้ลูกค้าเข้าถึงกรมธรรม์ของตนเองได้สะดวกมากขึ้น

การให้บริการชำระเบี้ยประกันภัยผ่านการหักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติออนไลน์ หรือผ่าน QR Code บนแอปพลิเคชัน รวมถึงการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ Next Best Offer ลูกค้าสามารถพิจารณาตัวเลือกการประกันภัยเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความคุ้มครองได้ และฟีเจอร์ My Wellness การประเมินสุขภาพเบื้องต้นผ่านการสแกนใบหน้า หรือ Vital Scan

นอกเหนือจากการพัฒนาบริการหลังการขายแล้ว บริษัทฯ ยังได้เปิดตัวดิจิทัลแพลตฟอร์ม “Live Bright ผู้ช่วยสุดสมาร์ทที่ช่วยค้นหาสิ่งที่คุณอยากทำ” โดยใช้ Generative AI มาพัฒนาข้อมูลสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต กระตุ้นให้เกิดการลงมือทำ รวมถึงการวางแผนชีวิตในแบบเฉพาะบุคคล เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถวางแผนชีวิตของตนเองและคนที่รักได้ตรงตามความคาดหวังและความต้องการ

“วิสัยทัศน์ของไทยประกันชีวิต คือการมุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืนที่ส่งมอบคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสีย บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนระหว่างธุรกิจและสังคม ทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยกำหนดแผนแม่บทการพัฒนาสู่ความยั่งยืนและ Roadmap การดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม ซึ่งได้รับการยอมรับและประสบความสำเร็จ เห็นได้จากรางวัลต่างๆ ที่ได้รับ อาทิ รางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีการบริหารงานดีเด่น  อันดับ 1 ประจำปี 2567 จากสำนักงาน คปภ., รางวัล Best Corporate Life Insurance Company – Thailand 2024 จากงาน The Global Economics Awards, รางวัล Most Innovative ESG Insurance Provider 2024 จาก International Finance Awards 2024 ประเทศอังกฤษ, รางวัล Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) 2024 สาขา Corporate Sustainability Reporting จากสถาบัน Enterprise Asia ประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการจัดอันดับหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings 2024 ในระดับ “A” โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” นายไชยกล่าว


Tags : ไทยประกันชีวิต ไทยประกันชีวิตเผยผลประกอบการปี 2567 ไชย ไชยวรรณ


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. มีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี เพื่อให้ภาวะการเงินสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และช่วยกระตุ้นการเติบโตของภาคธุรกิจ ธนาคารออมสินจึงประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR และ MOR ลง 0.25% ต่อปี ตามมติ กนง. โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้าสินเชื่อรายใหญ่ (MLR) ลดเหลือ 6.65% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้าใช้วงเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ลดเหลือ 6.495% ต่อปี โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม – 31 สิงหาคม 2568 หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้ารายย่อย (MRR) ยังคงอัตราเดิมที่ 6.595% ต่อปี เนื่องจากที่ผ่านมา ธนาคารออมสินได้ปรับลดดอกเบี้ยมาก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้ปัจจุบันเป็นอัตราดอกเบี้ย MRR ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ย MRR ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 6 แห่ง ที่เฉลี่ยเท่ากับ 7.25% ต่อปี ทั้งนี้ ธนาคารจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อเป็นการส่งเสริมการออมตามภารกิจธนาคารเพื่อสังคม   

05 Mar 2025

...

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  เปิดเผยว่า จากที่ธนาคารออกจำหน่ายพันธบัตร ธพว. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ประเภท Social Bond จำนวน 9,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นพันธบัตรประเภท Social Bond  รุ่นแรกที่เปิดประมูลผ่านระบบ e-Bidding  ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568  ผลปรากฏว่า ได้การตอบรับอย่างดี จำหน่ายหมดโดยมีผู้ให้ความสนใจซื้อเกินกว่าวงเงินที่เปิดจำหน่ายถึง 3 เท่าตัว  สะท้อนถึงนักลงทุนมีความเชื่อมั่นและต้องการแสวงหาทางเลือกการลงทุนที่มีความมั่นคงปลอดภัย เพราะกระทรวงการคลังค้ำประกันทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย  อีกทั้ง ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่าการฝากเงิน   ตลอดจน นักลงทุนต้องการมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่เป็นสุขจากโครงการสินเชื่อของธนาคาร ที่จะนำทุนจากการจำหน่ายพันธบัตรในครั้งนี้ ไปปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ตลอดจนพัฒนาวิสาหกิจชุมชนให้เข้มแข็ง ยกระดับความสามารถการแข่งขัน ส่งต่อประโยชน์สู่การพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนของประเทศไทย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ฝ่ายบริหารเงิน โทร. 02 265 4465 และ 02 265 4469 หรือ Call Center 1357

21 Feb 2025

...

กบข. ร่วมรักษ์โลก งดผลิตใบแจ้งยอดเงินแบบกระดาษ และเปิดให้สมาชิกดาวน์โหลด e-Statement ประจำปี 2567 แล้ว พร้อมจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกขององค์กร สนับสนุน Net Zero ของประเทศ   นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. เปิดให้สมาชิก 1.2 ล้านราย เข้าดาวน์โหลดใบแจ้งยอดเงินสมาชิก ประจำปี 2567 ในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Statement) แล้ว ผ่าน 3 ช่องทางออนไลน์ ดังนี้ 1. My GPF Application 2. My GPF Website และ 3. LINE กบข. @gpfcommunity เข้าผ่านสมาร์ตโฟน เพื่ออำนวยความสะดวกให้สมาชิกเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย โดยนโยบายลดการใช้กระดาษอย่างจริงจังของ กบข. ส่งผลให้สามารถลดการใช้กระดาษได้กว่า 5 ล้านแผ่นต่อปี หรือประมาณ 25 ตัน มีส่วนช่วยลดการตัดต้นไม้กว่า 420 ต้น หรือเทียบเท่ากับช่วยประหยัดน้ำสะอาดได้ 7.86 แสนลิตร และไฟฟ้า 1.02 แสนกิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งจากการลดใช้กระดาษในครั้งนี้สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 52.6 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี สะท้อนถึงความตั้งใจของ กบข. และสมาชิก ในการร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม “กบข. ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลกผ่านการเปลี่ยนมาใช้ e-Statement ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและมีส่วนช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน” นายทรงพล กล่าว   นอกจากนี้ ในปี 2568 กบข. ยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานควบคู่กับการพัฒนาความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกเพื่อวัดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO) และดำเนินโครงการปรับปรุงระบบบริหารอาคารให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในปี 2567 กบข. ได้ดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาระบบทำความเย็นและระบบสุขาภิบาลในอาคารสำนักงานที่บริหารเองทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ อาคารอับดุลราฮิม อาคารจีพีเอฟ วิทยุ และอาคารบางกอกซิตี้ ทาวเวอร์ ส่งผลให้สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ถึงปีละ 3.29 แสนกิโลวัตต์-ชั่วโมง และลดการใช้น้ำได้ปีละ 11.25 ล้านลิตร เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2566 ด้านการลงทุน กบข. มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืน ตามแนวทางการเป็นนักลงทุนสถาบันที่มีความรับผิดชอบ (Principle for Responsible Investment) เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

18 Feb 2025

...

SME D Bank เตรียมเปิดจำหน่ายพันธบัตร  Social Bond  วงเงินรวม 9,000 ล้านบาท  แบ่งเป็นรุ่นอายุ 2 ปี 9 เดือน และรุ่นอายุ 4 ปี กระทรวงคลังค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย ในวันที่ 17 ก.พ. นี้ ผ่านวิธีประมูล e-Bidding  สร้างทางเลือกการลงทุนที่มั่นคงปลอดภัย ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก แจงวัตถุประสงค์ เพื่อระดมทุนนำไปปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่เอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชน ช่วยเสริมศักยภาพ ยกระดับขีดความสามารถการแข่งขัน พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน   นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  เผยว่า ธนาคารเตรียมจำหน่ายพันธบัตร ธพว. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568   โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เปิดโอกาสทางเลือกการลงทุนที่มีความมั่นคงปลอดภัยและให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก โดยเป็นพันธบัตรประเภท Social Bond  สำหรับส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ตลอดจนพัฒนาวิสาหกิจชุมชนให้เข้มแข็ง ผ่านการเข้าถึงสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ เพิ่มความสามารถการแข่งขัน ส่งต่อประโยชน์สู่การพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนของประเทศไทย สำหรับวงเงินพันธบัตร ธพว. ครั้งนี้  จำนวน 9,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 2 รุ่นด้วยกัน  ได้แก่ รุ่นอายุ 2 ปี 9 เดือน วงเงิน 5,000 ล้านบาท และรุ่นอายุ 4 ปี วงเงิน 4,000 ล้านบาท  เสนอขายแก่กลุ่มนักลงทุนทั่วไป (Public offering; PO) ทั้งนักลงทุนสถาบัน (II) ผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth ; HWN) นิติบุคคล และประชาชน  กำหนดประมูลในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 นี้  โดยมีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นผู้จัดจำหน่ายผ่านระบบ e-Bidding  ให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยมีวิธีการ ดังนี้ 1.จำหน่ายพันธบัตรโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทนให้แก่ผู้ใช้บริการ e-Bidding  ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการให้บริการธุรกรรมประมูลตราสารหนี้ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding)  พ.ศ. 2546 ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่นๆ ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย 2.จำหน่ายพันธบัตรโดยวิธีการเสนอซื้อให้แก่ มูลนิธิ สหกรณ์ นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่นๆ โดยมิได้มุ่งหวัง ประโยชน์มาแบ่งปันกัน และกองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ผลประโยชน์จากต้นเงิน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม  ฝ่ายบริหารเงิน โทร. 02 265 4465 และ 02 265 4469 หรือ Call Center 1357

12 Feb 2025

Banner Banner Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner