Responsive image

Tuesday, 15 Jul 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


เมืองไทยประกันชีวิต เปิดให้บริการ “ยื่นเคลมผู้ป่วยนอก (OPD)” แบบไม่ต้องสำรองจ่าย ผ่านระบบเครดิตคู่สัญญา (Cashless Claim) กับสถานพยาบาลชั้นนำ

Mon 14/07/2568


 

เมืองไทยประกันชีวิต มุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์การดูแลสุขภาพลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดให้บริการ “ยื่นเคลมผู้ป่วยนอก (OPD)” แบบไม่ต้องสำรองจ่าย ผ่านระบบเครดิตคู่สัญญา (Cashless Claim) กับสถานพยาบาลชั้นนำ เพื่อมอบความสะดวกสบาย อุ่นใจกับค่ารักษาพยาบาล พร้อมเปิดตัว 3 พันธมิตรใหม่ เพิ่มความมั่นใจให้แก่ลูกค้าทุกช่วงเวลาของการดูแลสุขภาพ

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  “ในยุคที่สุขภาพเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญอันดับต้นของชีวิต เมืองไทยประกันชีวิตยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและยกระดับการบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เราให้ความสำคัญกับการส่งเสริมคุณภาพการเข้าถึงบริการสุขภาพ ที่ทั้งสะดวก รวดเร็ว และลดภาระทางการเงิน อันเป็นหัวใจของการสร้างความอุ่นใจให้แก่ลูกค้าทุกคน

ดังนั้น เมืองไทยประกันชีวิต จึงเดินหน้า สร้างสรรค์บริการที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าให้มากที่สุด บริการยื่นเคลมการรักษาแบบผู้ป่วยนอก (OPD) ผ่านระบบเครดิตคู่สัญญา (Cashless Claim)  โดยไม่ต้องสำรองจ่ายที่เรานำมาให้บริการในครั้งนี้ คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ของความตั้งใจในการใส่ใจดูแลลูกค้าอย่างแท้จริง ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของการจ่ายค่าสินไหมเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของ ‘ประสบการณ์ของลูกค้า’ ที่เราพยายามเติมเต็มให้ดีที่สุดในทุกจุดสัมผัสของการบริการ” โดยลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตสามารถใช้บริการยื่นเคลม OPD แบบไม่ต้องสำรองจ่ายตามสิทธิความคุ้มครองของกรมธรรม์ ได้แล้ววันนี้  ณ สถานพยาบาลชั้นนำที่เข้าร่วมโครงการ  โดยล่าสุดมีสถานพยาบาลพันธมิตรใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3 แห่ง ได้แก่

1. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย (อาคารนวัตบริบาล) สำหรับลูกค้าที่มีประกันสุขภาพรายบุคคลและรายกลุ่ม เปิดให้บริการวันจันทร์ – ศุกร์ (เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 08.00 – 16.00  น.  ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูล และนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ โทร. 02 256 4000  เพื่อเข้ารับบริการตามนัดหมาย ณ จุดตรวจสอบสิทธิ ชั้น 1 อาคารนวัตบริบาล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

2. ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันและบูรณาการสมดุลชีวิต (SIRIRAJ H SOLUTIONS)  สำหรับลูกค้าที่มีประกันสุขภาพรายบุคคลและรายกลุ่ม เปิดให้บริการ วันจันทร์ - วันอาทิตย์ เวลา 07.00-22.00 น.   สอบถามข้อมูลได้ที่โทรศัพท์  02 414 1144 และเข้ารับบริการได้ ณ ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันและบูรณาการสมดุลชีวิต (SIRIRAJ H SOLUTIONS) ชั้น 5 ICS Lifestyle Complex (ตรงข้าม ICONSIAM)

 3. ศูนย์บริการสุขภาพรามาธิบดี พาราไดซ์พาร์ค ซึ่งให้บริการสำหรับประกันสุขภาพรายกลุ่ม เปิดให้บริการวันจันทร์ - วันอาทิตย์ เวลา 08.00-20.00 น.  ยกเว้นช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ โดยสอบถามข้อมูล โทร. 02 201 0640 – 45 หรือติดต่อผ่าน Line Official : @ramaparadise และเข้ารับบริการได้  ณ ศูนย์บริการสุขภาพรามาธิบดี พาราไดซ์พาร์ค ชั้น 3 ศูนย์การค้าพาราไดซ์พาร์ค 

สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับบริการจะต้องทำการนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ ตามเบอร์ติดต่อของสถานพยาบาลแต่ละแห่ง  และเงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ และสถานพยาบาลกำหนด  

“เมืองไทยประกันชีวิต มุ่งมั่นพัฒนาบริการและนวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อดูแลลูกค้าในทุกมิติของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ การเงิน หรือการบริการ ด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด เพราะเรารู้ว่า...ความมั่นใจในวันนี้ คือจุดเริ่มต้นของชีวิตที่มั่นคงในวันข้างหน้า และเราพร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ที่คุณไว้วางใจได้เสมอ เพื่อให้ทุกจังหวะชีวิตของคุณ เต็มไปด้วยความอุ่นใจ ห่วงใยจากเรา” นายสาระ กล่าวสรุป

 

 

 

 

 


Tags : เมืองไทยประกันชีวิต สาระ ล่ำซำ ยื่นเคลมผู้ป่วยนอก (OPD)


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank โดย นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 MCOT HD เมื่อเร็ว ๆ นี้      

14 Jul 2025

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้ธนาคารออมสินจัดทำมาตรการแก้ไขหนี้รายย่อยในโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยประชาชนในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยไม่มีหลักประกัน ที่มีสถานะหนี้เสีย (NPLs) จำนวนรวมกว่า 500,000 บัญชี ให้สามารถหลุดพ้นจากประวัติหนี้เสีย โดยธนาคารจะดำเนินการทันทีเพื่อที่ในอนาคตลูกหนี้จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้นเมื่อมีความจำเป็น โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการปิดบัญชีหนี้ ตัดหนี้สูญ และไม่ติดตามหนี้ ของลูกหนี้ NPLs จำนวนกว่า 200,000 บัญชี ในโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐที่ได้รับงบประมาณชดเชยแล้ว ระยะที่ 2 ธนาคารจะทยอยดำเนินการปิดบัญชีหนี้แก่ลูกหนี้ NPLs โครงการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 จำนวนกว่า 300,000 บัญชี ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับมาตรการปลดหนี้สินเชื่อตามโครงการของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้แล้วเป็นจำนวนกว่า 1.3 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมกว่า 11,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้รายย่อย และช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางให้สามารถประคับประคองสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวให้เดินต่อได้ มุ่งเน้นดำเนินการเพียงครั้งเดียวเพื่อไม่ให้ลูกหนี้ต้องเสียวินัยทางการเงิน และยังสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้อีกในอนาคต  

07 Jul 2025

...

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ปรับปรุงแนวทางการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาประกันภัยระยะสั้น พร้อมทั้งทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณเงินกองทุนด้านความเสี่ยง เพื่อยกระดับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นการพิจารณาข้อมูลในระดับประเภทการรับประกันภัยแทนการพิจารณาภาพรวมทั้งบริษัท เพื่อให้การประเมินภาระผูกพันและการจัดสรรเงินกองทุนมีความละเอียด แม่นยำ และสอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยงที่แท้จริงยิ่งขึ้น โดยระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง และจัดการประชุมชี้แจงไปเมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2568 รวมทั้งได้จัดการประชุมกลุ่มย่อยเชิงเทคนิค (Focus Group) เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้งนี้ ในการประชุมฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับสำรองเบี้ยประกันภัย ได้แก่ 1. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย 2. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต และ 3. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดประเภทและชนิดของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคำนวณเงินกองทุนของบริษัทประกันวินาศภัย สำหรับหลักการที่ได้มีการปรับปรุง คือ ปรับปรุงวิธีการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัย และเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงจากสำรองเบี้ยประกันภัย จากเดิม พิจารณาที่ระดับผลรวมทั้งหมดของสัญญาประกันภัยระยะสั้น เปลี่ยนเป็น พิจารณาที่ระดับประเภทการรับประกันภัย  ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะเผยแพร่ประกาศอย่างเป็นทางการในลำดับถัดไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ดังนั้น บริษัทประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันเริ่มมีผลบังคับใช้

07 Jul 2025

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner