Responsive image

Saturday, 05 Jul 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


ไทยประกันชีวิต โชว์ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 กำไรสุทธิแข็งแกร่ง 2,683 ล้านบาท เติบโต 39.5% เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีมอบประสบการณ์ไร้รอยต่อให้ลูกค้า

Fri 16/05/2568


ไทยประกันชีวิตแจ้งผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ภายใต้มาตรฐานบัญชีใหม่ โชว์กำไรสุทธิแข็งแกร่ง 2,683 ล้านบาท มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่เติบโต 39.5% จากกลยุทธ์เน้นผลิตภัณฑ์ที่สร้างกำไรระยะยาว เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อส่งมอบประสบการณ์ไร้รอยต่อให้ลูกค้า

บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ รายงานผลประกอบการภายใต้มาตรฐานรายงานทางการเงินฉบับใหม่ (TFRS 17 และ TFRS 9) โดยยังคงมีผลกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 2,683 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) 20.4% ขณะที่มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 2,561 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการกำหนดกลยุทธ์การเน้นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าในระยะยาว

 

นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า การเติบโตของ VONB มาจากยอดขายผ่านช่องทางตัวแทนฯ เป็นหลัก โดยเฉพาะการขายสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพ ที่ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นจากการประกาศใช้แนวปฏิบัติประกันสุขภาพแบบมีส่วนร่วมจ่าย หรือ Copayment ขณะเดียวกันตัวแทนฯ ของบริษัทฯ ยังสามารถนำเสนอขายผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนและมีมูลค่าสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) อยู่ที่ 3,718 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ของบริษัทฯ หลังจากปรับใช้มาตรฐานบัญชีฉบับใหม่ ยังสูงถึง 2,683 ล้านบาท เทียบเท่ากับอัตรากำไรสุทธิ หรือ Net Profit Margin ที่ 20.4% แม้จะมีผลกระทบบางส่วนจากการเปลี่ยนแปลงการจัดประเภทการลงทุน แต่บริษัทฯ ยังมีกำไรจากการรับประกันภัยเป็นหลัก อยู่ที่ 2,428 ล้านบาท

สำหรับกำไรในส่วนที่ไม่รวมรายการพิเศษและผลกระทบจากความผันผวนของตลาด สูงถึง 2,752 ล้านบาท เติบโต 4.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรจากการลงทุนที่ไม่รวมรายการพิเศษ และผลกระทบจากความผันผวนของตลาดยังคงมีความมั่นคง สอดคล้องกับกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นการเติบโตที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ ในช่วงปลายปี 2567 บริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศ จากการลงทุนผ่านหน่วยลงทุน เป็นกองทุนส่วนบุคคล เพื่อให้สามารถวัดมูลค่ายุติธรรมการลงทุนผ่านกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น (Fair Value through Other Comprehensive Income – FVOCI) แทนการรับรู้ผ่านกำไรสุทธิ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดในระยะสั้น ทำให้กำไรสุทธิหลังปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่สะท้อนเฉพาะผลตอบแทนจากการลงทุนที่ยั่งยืน และเป็นไปตามแนวทางที่เน้นการลงทุนระยะยาวเพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง  นอกจากนี้ พอร์ตการลงทุนของบริษัทฯ มีการกระจายความเสี่ยงทั้งในและนอกประเทศ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 มากกว่า 90% ของสินทรัพย์ลงทุนทั้งหมดอยู่ในรูปแบบตราสารหนี้ที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับที่น่าลงทุน

ด้านสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) ที่ 551% สูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงาน คปภ. กำหนดที่ 140% และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch Ratings ที่ระดับ A- (IFS Rating) และ AAA(tha) (National IFS Rating) โดยมีมุมมองมีเสถียรภาพ

ไม่เฉพาะการสร้างความมั่นคงทางการเงินและการสร้างกำไรที่ยั่งยืน บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นยกระดับการดำเนินงานในทุกด้านตามเจตนารมณ์ทางธุรกิจที่มุ่งเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล ด้วยการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ในทุกช่วงชีวิต ทุกจังหวะชีวิต และทุกการใช้ชีวิตของคนไทย และพัฒนาประสิทธิภาพการบริการเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีและไร้รอยต่อให้กับลูกค้า ผ่าน “แอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต” ที่มีลูกค้าลงทะเบียนใช้งานมากกว่า 1 ล้านคน มีการเพิ่มบริการ Live Chat เพื่อให้บริการข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์ผ่านแอปฯ พร้อมเปิดตัวบริการ “ไทยประกันชีวิต AI Chat” บน LINE Official Account : Thai Life Insurance โดยได้นำเทคโนโลยี Generative AI  พัฒนาเพื่อให้บริการข้อมูลด้านผลิตภัณฑ์และบริการแก่ลูกค้าและผู้สนใจผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต

นายไชยกล่าวว่า “ไทยประกันชีวิตเดินหน้าสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืนที่ส่งมอบคุณค่าให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยให้ความสำคัญกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมตามแนวทาง ESG ผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม อาทิ หนึ่งคนให้ หลายคนรับ เพื่อชีวิตใหม่หัวใจเด็ก, ไทยประกันชีวิต เสริมโอกาส สร้างอาชีพ, Thai Life Insurance Sports Showcase, ไทยประกันชีวิต Read for Life และโครงการที่สร้างคุณค่าร่วมกับชุมชนอีกหลายโครงการ

ในด้านสิ่งแวดล้อม อาคารไทยประกันชีวิตได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียวของสหรัฐอเมริกา หรือ LEED (The Leadership in Energy and Environmental Design) ระดับ GOLD โดยผ่านการรับรองมาตรฐานจาก U.S. Green Building Council (USGBC) & Green Business Certification Institute (GBCI) และบริษัทฯ ยังได้รับการรับรองการวัดผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามมาตรฐาน ISO 14064-1:2018

นอกจากนี้ การลงทุนของบริษัทฯ ยังมีการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคม และความยั่งยืนมูลค่า 25,831 ล้านบาท คิดเป็น 4.46% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมดในปี 2567 เหล่านี้ล้วนสะท้อนความมุ่งมั่นในการส่งมอบคุณค่าให้กับชีวิตคนไทยอย่างแท้จริง”


Tags : ไทยประกันชีวิต ไชยไชยวรรณ ไทยประกันชีวิตโชว์ผลประกอบการไตรมาส1/2568


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารประสบความสำเร็จได้รับรางวัลระดับเอเชีย Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) 2025 สาขา Social Empowerment จาก MyMo Secure Plus นวัตกรรมความปลอดภัยบน Mobile Banking ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ให้ลูกค้า บูรณาการร่วมกับ แคมเปญเตือนภัยมิจฉาชีพ เพื่อสื่อสารสร้างการรับรู้และเสริมภูมิคุ้มกันภัยทางการเงิน พร้อมกันนี้ ธนาคารออมสินยังได้รับรางวัลเกียรติคุณ Silver Emblem of Sustainability ในฐานะองค์กรที่มีความโดดเด่นและมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนในทุกมิติจนได้รับรางวัล AREA มาแล้ว 5 ปี จาก Enterprise Asia องค์กรพัฒนาเอกชนชั้นนำที่ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการที่มีความรับผิดชอบในเอเชีย เพื่อเชิดชูและให้เกียรติองค์กรธุรกิจที่มีการดำเนินงานตามแนวทาง ESG และเป็นต้นแบบองค์กรชั้นนำในภูมิภาคเอเชียที่ขับเคลื่อนองค์กรสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ     ธนาคารออมสินถือเป็นธนาคารแรกที่พัฒนาโหมดปลอดมิจฉาชีพ ภายใต้ชื่อ MyMo Secure Plus เพื่อช่วยดูแลเงินฝากขั้นสูงสุดให้กับลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มที่ไม่รู้เท่าทันมิจฉาชีพที่เปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงตลอดเวลา ออกแบบโดยเน้นการทำธุรกรรมทางการเงินแบบจำกัดเฉพาะรายการที่จำเป็น อาทิ การโอนเงินไปยังบัญชีตนเองภายในธนาคารและต่างธนาคารที่ลงทะเบียนไว้ และการจำกัดวงเงินในการทำธุรกรรมต่อวัน ทั้งนี้ ธนาคารออมสินไม่เพียงพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นธนาคารแรกที่ดำเนินกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ (IMC) ผ่าน แคมเปญเตือนภัยมิจฉาชีพ ดำเนินการอย่างเข้มข้นผ่านช่องทางการสื่อสารที่ครบวงจร ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ สื่อนอกบ้าน หรืออินฟลูเอนเซอร์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางและครอบคลุมมากที่สุด เนื่องจากธนาคารตระหนักดีถึงความสูญเสียของประชาชนและวิกฤตของอาชญากรรมออนไลน์ที่นับวันจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นภัยคุกคามระดับประเทศ จึงเป็นความพยายามของธนาคารในการที่จะกระตุ้นเตือนให้ประชาชนรู้เท่าทันกลลวงและไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพทางการเงิน     รางวัลเกียรติคุณ Silver Emblem of Sustainability และ Social Empowerment ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงบทบาทของธนาคารออมสินในฐานะ Social Bank ที่ไม่เพียงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้าเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อนการสร้าง Social Impact เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนช่วยบรรเทาปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ธนาคารยังคงยึดมั่นในหลักการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบตามแนวทาง ESG เพื่อก้าวสู่เป้าหมายความยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม ตลอดจนเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว  

01 Jul 2025

...

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 MCOT HD เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568  

29 Jun 2025

...

  บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมออกบูทในงานมหกรรมจำหน่ายรถยนต์ครบวงจร FAST Auto Show Thailand 2025   ระหว่างวันที่ 2 – 6 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ EH 102 - 103  ในงานนี้ บริษัทฯ ได้จัดเต็มโปรโมชันสุดพิเศษ โดยมอบส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยสูงสุด 23% สำหรับผู้ที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ภายในงาน โดยมีทีมงานรับประกันภัยพร้อมบริการให้คำปรึกษา และคำแนะนำเกี่ยวกับแผนประกันภัยที่เหมาะสมกับความคุ้มครองที่หลากหลาย โดยนอกจากประกันภัยรถยนต์แล้วยังมีประกันอัคคีภัย ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันภัยการเดินทาง ประกันภัยสุขภาพ ประกันภัยโรคมะเร็ง และประกันภัยอื่นๆ ที่ให้ความคุ้มครองรองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า นอกจากนี้ ยังสามารถผ่อนชำระเบี้ยประกันภัย ดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน หรือ 10 เดือนผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ พร้อมรับของที่ระลึกที่เตรียมไว้สำหรับงานนี้โดยเฉพาะ  พบกับกรุงเทพประกันภัยได้ที่บูท B11 ณ ศูนย์ประชุมนิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา ฮอลล์ EH 102 - 103 ในวันที่ 2 - 6 กรกฎาคม 2568    

29 Jun 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner