Responsive image

Saturday, 17 May 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


ไทยประกันชีวิต โชว์ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 กำไรสุทธิแข็งแกร่ง 2,683 ล้านบาท เติบโต 39.5% เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีมอบประสบการณ์ไร้รอยต่อให้ลูกค้า

Fri 16/05/2568


ไทยประกันชีวิตแจ้งผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ภายใต้มาตรฐานบัญชีใหม่ โชว์กำไรสุทธิแข็งแกร่ง 2,683 ล้านบาท มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่เติบโต 39.5% จากกลยุทธ์เน้นผลิตภัณฑ์ที่สร้างกำไรระยะยาว เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อส่งมอบประสบการณ์ไร้รอยต่อให้ลูกค้า

บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ รายงานผลประกอบการภายใต้มาตรฐานรายงานทางการเงินฉบับใหม่ (TFRS 17 และ TFRS 9) โดยยังคงมีผลกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 2,683 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) 20.4% ขณะที่มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 2,561 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการกำหนดกลยุทธ์การเน้นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าในระยะยาว

 

นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า การเติบโตของ VONB มาจากยอดขายผ่านช่องทางตัวแทนฯ เป็นหลัก โดยเฉพาะการขายสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพ ที่ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นจากการประกาศใช้แนวปฏิบัติประกันสุขภาพแบบมีส่วนร่วมจ่าย หรือ Copayment ขณะเดียวกันตัวแทนฯ ของบริษัทฯ ยังสามารถนำเสนอขายผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนและมีมูลค่าสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) อยู่ที่ 3,718 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ของบริษัทฯ หลังจากปรับใช้มาตรฐานบัญชีฉบับใหม่ ยังสูงถึง 2,683 ล้านบาท เทียบเท่ากับอัตรากำไรสุทธิ หรือ Net Profit Margin ที่ 20.4% แม้จะมีผลกระทบบางส่วนจากการเปลี่ยนแปลงการจัดประเภทการลงทุน แต่บริษัทฯ ยังมีกำไรจากการรับประกันภัยเป็นหลัก อยู่ที่ 2,428 ล้านบาท

สำหรับกำไรในส่วนที่ไม่รวมรายการพิเศษและผลกระทบจากความผันผวนของตลาด สูงถึง 2,752 ล้านบาท เติบโต 4.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรจากการลงทุนที่ไม่รวมรายการพิเศษ และผลกระทบจากความผันผวนของตลาดยังคงมีความมั่นคง สอดคล้องกับกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นการเติบโตที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ ในช่วงปลายปี 2567 บริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศ จากการลงทุนผ่านหน่วยลงทุน เป็นกองทุนส่วนบุคคล เพื่อให้สามารถวัดมูลค่ายุติธรรมการลงทุนผ่านกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น (Fair Value through Other Comprehensive Income – FVOCI) แทนการรับรู้ผ่านกำไรสุทธิ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดในระยะสั้น ทำให้กำไรสุทธิหลังปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่สะท้อนเฉพาะผลตอบแทนจากการลงทุนที่ยั่งยืน และเป็นไปตามแนวทางที่เน้นการลงทุนระยะยาวเพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง  นอกจากนี้ พอร์ตการลงทุนของบริษัทฯ มีการกระจายความเสี่ยงทั้งในและนอกประเทศ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 มากกว่า 90% ของสินทรัพย์ลงทุนทั้งหมดอยู่ในรูปแบบตราสารหนี้ที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับที่น่าลงทุน

ด้านสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) ที่ 551% สูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงาน คปภ. กำหนดที่ 140% และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch Ratings ที่ระดับ A- (IFS Rating) และ AAA(tha) (National IFS Rating) โดยมีมุมมองมีเสถียรภาพ

ไม่เฉพาะการสร้างความมั่นคงทางการเงินและการสร้างกำไรที่ยั่งยืน บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นยกระดับการดำเนินงานในทุกด้านตามเจตนารมณ์ทางธุรกิจที่มุ่งเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล ด้วยการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ในทุกช่วงชีวิต ทุกจังหวะชีวิต และทุกการใช้ชีวิตของคนไทย และพัฒนาประสิทธิภาพการบริการเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีและไร้รอยต่อให้กับลูกค้า ผ่าน “แอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต” ที่มีลูกค้าลงทะเบียนใช้งานมากกว่า 1 ล้านคน มีการเพิ่มบริการ Live Chat เพื่อให้บริการข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์ผ่านแอปฯ พร้อมเปิดตัวบริการ “ไทยประกันชีวิต AI Chat” บน LINE Official Account : Thai Life Insurance โดยได้นำเทคโนโลยี Generative AI  พัฒนาเพื่อให้บริการข้อมูลด้านผลิตภัณฑ์และบริการแก่ลูกค้าและผู้สนใจผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต

นายไชยกล่าวว่า “ไทยประกันชีวิตเดินหน้าสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืนที่ส่งมอบคุณค่าให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยให้ความสำคัญกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมตามแนวทาง ESG ผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม อาทิ หนึ่งคนให้ หลายคนรับ เพื่อชีวิตใหม่หัวใจเด็ก, ไทยประกันชีวิต เสริมโอกาส สร้างอาชีพ, Thai Life Insurance Sports Showcase, ไทยประกันชีวิต Read for Life และโครงการที่สร้างคุณค่าร่วมกับชุมชนอีกหลายโครงการ

ในด้านสิ่งแวดล้อม อาคารไทยประกันชีวิตได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียวของสหรัฐอเมริกา หรือ LEED (The Leadership in Energy and Environmental Design) ระดับ GOLD โดยผ่านการรับรองมาตรฐานจาก U.S. Green Building Council (USGBC) & Green Business Certification Institute (GBCI) และบริษัทฯ ยังได้รับการรับรองการวัดผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามมาตรฐาน ISO 14064-1:2018

นอกจากนี้ การลงทุนของบริษัทฯ ยังมีการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคม และความยั่งยืนมูลค่า 25,831 ล้านบาท คิดเป็น 4.46% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมดในปี 2567 เหล่านี้ล้วนสะท้อนความมุ่งมั่นในการส่งมอบคุณค่าให้กับชีวิตคนไทยอย่างแท้จริง”


Tags : ไทยประกันชีวิต ไชยไชยวรรณ ไทยประกันชีวิตโชว์ผลประกอบการไตรมาส1/2568


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

                                พิชัย ชุณหวชิร                                                                                                                  พิชิต มิทราวงศ์  นายพิชิต มิทราวงศ์ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ร่วมพิธีเปิดงาน “มหกรรมการเงินกรุงเทพ” ครั้งที่ 25 (MONEY EXPO 2025 BANGKOK) ระหว่างวันที่ 15-18 พฤษภาคม 2568 โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธี   อีกทั้ง ได้รับเกียรติจาก นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน  ให้เกียรติเปิดบูธหมายเลข K5 ของ SME D Bank ที่มาร่วมในงานนี้ด้วย โดยมีผู้บริหารและพนักงาน SME D Bank ให้การต้อนรับ     สำหรับในงานนี้ SME D Bank ได้จัดเตรียมบริการด้านสินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม และทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทยไว้รองรับ ไฮไลท์อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3%ต่อปี  คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท  แถมพิเศษ  เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชั่นเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อสูงสุด 0.50% และต่อที่ 2 :  รับบัตรกำนัล  มูลค่า 500 บาท    นอกจากนั้น  ยังจัดเตรียมบริการด้าน “การพัฒนา”  ผ่านแพลตฟอร์ม  “DX by SME D Bank”  (dx.smebank.co.th)  ช่วยยกระดับเสริมศักยภาพเอสเอ็มอีไทยครบถ้วนในจุดเดียว  พร้อมเชิญเล่นเกม รับของที่ระลึกมากมาย  ณ  ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี  วันที่ 15 พ.ค. 2568  

17 May 2025

...

  ธนาคารออมสิน เตรียมเข้าร่วมงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 25 Money Expo 2025 Bangkok โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินครบครัน พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษเพื่อสร้างสังคมที่ดีไปด้วยกัน เริ่มต้นจากการสร้างการออมกับ เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 99 วัน รับอัตราดอกเบี้ยแบบ Step up เฉลี่ย 2.55% ต่อปี หรือเทียบเท่าเงินฝากประจำ 3.00% ต่อปี จองสิทธิ์ภายในงาน จำนวนจำกัด วันละ 200 สิทธิ์ และ 1 คนต่อ 1 สิทธิ์ เปิดบัญชีขั้นต่ำ 10,000 บาท ฝากสูงสุด 500,000 บาทต่อราย ระยะเวลาฝากเงินระหว่างวันที่ 15 พ.ค. – 24 พ.ค. 68 ผู้ที่เปิดบัญชีรับกระปุกออมสิน GSB Green Power และโค้งสุดท้ายกับการลุ้นรางวัลใหญ่ครั้งแรกในแคมเปญแห่งปี “ออมร้อย ชิงร้อยล้าน” รางวัลพิเศษ มูลค่า 1 ล้านบาท งวดวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 จำนวน 30 รางวัล และรางวัลพิเศษ มูลค่า 70 ล้านบาท งวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 เพียง 1 รางวัลเท่านั้น มูลค่ารางวัลพิเศษรวม 100 ล้านบาท สำหรับผู้ฝากสลากออมสินพิเศษ 1 ปี ตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 15 กรกฎาคม 2568   ส่วนผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งการซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม ไฮไลท์ด้วย สินเชื่อเคหะ Refinance ดอกเบี้ยคงที่ปีแรก เริ่มต้น 1.45% ต่อปี (สำหรับวงเงินกู้สินเชื่อตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป และผู้กู้ประสงค์ทำประกันฯ) เฉลี่ย 3 ปีต่ำสุด 2.85% ต่อปี ลงทะเบียนจองสิทธิ์ภายในงาน วงเงินกู้ตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป อนุมัติและทำนิติกรรมสัญญาแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 สำหรับลูกค้า 99 รายแรก รับบัตรของขวัญ Central Gift Card มูลค่า 3,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อสร้างธุรกิจกับ สินเชื่อ GSB D-VERs เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ ลงทุนในสินทรัพย์ถาวร หรือไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น ให้กู้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว วงเงินเริ่มต้นตั้งแต่ 1 บาท สูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาท ทั้งนี้ วงเงินกู้ไม่เกิน 20 ล้านบาท สำหรับกรณีทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อและค้ำประกันเต็มวงเงินกู้ คิดอัตราดอกเบี้ย 2 ปีแรก = MOR/MLR-0.50% ปีที่ 3 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย = MOR/MLR+0.25% แต่หากกู้ในวงเงินมากกว่า 20 - 100 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ย 2 ปีแรก = MOR/MLR-0.75% ปีที่ 3 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย = MOR/MLR (ปัจจุบัน MOR ของธนาคาร = 6.345% และ MLR = 6.575%) งานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 25 Money Expo 2025 Bangkok จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 - 18 พฤษภาคม 2568 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด “Resilient Wealth การสร้างความมั่งคั่งแบบยืดหยุ่นเพื่อความยั่งยืน” เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว    

17 May 2025

...

  ตามที่รัฐบาลโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมายให้สถาบันการเงินเข้าช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะ กลุ่มผู้ปกครองที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลานในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ทั้งค่าชุดเครื่องแบบนักเรียน หนังสือ อุปกรณ์การเรียน และอื่น ๆ ด้วยการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุนในระบบ เพื่อเสริมสภาพคล่อง ลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ และส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนไทยได้เข้าถึงการศึกษาอย่างต่อเนื่อง นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารได้ออกมาตรการ “สินเชื่อธนาคารประชาชนต้อนรับเปิดเทอม” ที่ผ่อนเกณฑ์อนุมัติให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น และเป็นการเดินหน้าภารกิจเชิงสังคมในการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม สำหรับผู้ปกครองที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนในการเตรียมความพร้อมแก่บุตรหลานในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่เพียง 0.60% ต่อเดือน วงเงินกู้ตามความจำเป็นสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทต่อราย ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 1 ปี (12 งวด) ผ่อนชำระประมาณ 894 บาทต่อเดือน (รวมเงินต้นและดอกเบี้ย) ทั้งนี้ สำหรับผู้มีอาชีพ รายได้ และที่อยู่อาศัยแน่นอน สามารถยื่นขอสินเชื่อโดยไม่ต้องมีหลักประกัน ผ่านแอปพลิเคชัน MyMo หรือติดต่อธนาคารออมสินสาขาเพื่อขอคำแนะนำในการสมัครสินเชื่อ ได้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม 2568  

08 May 2025

...

SME D Bank ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ดูแลกลุ่มเอสเอ็มอีที่มีสิทธิ์กว่า 17,200 ราย อย่างใกล้ชิด พาเข้าร่วมแล้ว ณ วันที่ 23 เม.ย. 68 กว่า 7,200 ราย หรือคิดเป็นกว่า 40% จากลูกหนี้ทั้งหมดที่มีสิทธิ์ ประกาศข่าวดี ขยายระยะเวลาสมัครลงทะเบียนสมัครถึงวันที่ 30 มิ.ย. 68 นี้ เพื่อรับประโยชน์ช่วยลดภาระ สร้างโอกาสกลับมาเริ่มต้นธุรกิจอีกครั้ง นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า จากที่รัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย มีนโยบายแก้หนี้ให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่ง SME D Bank ขานรับนโยบายเข้าร่วมโครงการ ด้วยการเปิดให้ลูกหนี้ของธนาคารที่เข้าเกณฑ์จำนวนกว่า  17,200 ราย มูลหนี้ประมาณ  16,800  ล้านบาท   ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ผ่านเว็บไซต์ของธนาคาร (www.smebank.co.th)   รวมถึง ทำงานเชิงรุกด้วยการส่งจดหมายแนะนำโครงการไปถึงลูกหนี้ทุกรายที่มีสิทธิ์ ควบคู่กับให้ทีมงานธนาคารติดต่อลูกหนี้ทุกรายที่มีสิทธิ์ เพื่อให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด แนะนำถึงประโยชน์ของการเข้าร่วมโครงการ อีกทั้งเปิด Call Center สายพิเศษ รองรับให้บริการในโครงการนี้โดยเฉพาะผ่านเลขหมาย 1357 กด 99 ทั้งนี้  นับตั้งแต่เปิดลงทะเบียนเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 จนถึงวันที่ 23 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา มีลูกหนี้ลงทะเบียนเข้าโครงการแล้วกว่า 7,200 ราย หรือคิดเป็นกว่า 40% ของลูกหนี้ทั้งหมดของธนาคารที่มีสิทธิ์ ผ่านเกณฑ์โครงการกว่า 4,650 ราย  แยกตามประเภทอุตสาหกรรม  ภาคการค้า ประมาณ 38% ภาคบริการ ประมาณ 34% และภาคการผลิต ประมาณ 28%  โดยเป็นสัดส่วนกลุ่มธุรกิจที่ผ่านมาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” และทำสัญญาแล้ว จำนวนกว่า 2,900 ราย มูลหนี้กว่า 3,800 ล้านบาท   สำหรับกลุ่มที่ลงทะเบียนแบ่งเป็นกลุ่ม Lower SE (รายได้เกิน 1.8 ถึง 15  ล้านบาทต่อปี) จำนวน 58%  กลุ่ม Micro (รายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี)  จำนวน 24%  กลุ่ม Upper SE (รายได้เกิน 15 ถึง 100  ล้านบาทต่อปี) จำนวน  16% และกลุ่ม ME (รายได้เกิน  100  ล้านบาทต่อปี) จำนวน 2%  เมื่อรวมกลุ่มผู้ประกอบการที่เป็นรายเล็กกับรายย่อย ( Lower SE , Micro ) จำนวนรวมถึงกว่า 82% สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการรายเล็กของไทยมีศักยภาพเปราะบาง ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด  นอกจากนั้น ธนาคารยังช่วยเหลือด้านการพัฒนา เน้นการเพิ่มรายได้ขยายตลาด เช่น เชิญร่วมโครงการ  “SME D Market”  ซึ่งธนาคารจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน เปิดโอกาสให้มาออกบูธจำหน่ายสินค้า  ณ  สำนักงานใหญ่ SME D Bank โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เชิญร่วมกิจกรรมคาราวานสินค้า สร้างโอกาสทางการตลาด และจับคู่ธุรกิจ  นอกจากนั้น เชิญร่วมโครงการไลฟ์คอมเมิร์ซ เวิร์คช้อปการทำตลาดยุคดิจิทัล พร้อมโอกาสเพิ่มรายได้ด้วยการให้คนดังบนโลกออนไลน์ช่วยบอกต่อ เป็นต้น   ทั้งนี้ จากที่โครงการดังกล่าว ได้ขยายเวลาลงทะเบียนออกไปถึงวันที่ 30 มิถุนายน  2568  นับเป็นโอกาสดีที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงประโยชน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือลดค่างวดชำระ  3 ปี  เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่อง โดยปีแรกชำระเพียง 50% เท่านั้น    โดยค่างวดที่ชำระนำไปตัดเงินต้นทั้งหมด อีกทั้ง ไม่เก็บดอกเบี้ย  3 ปี  เมื่อทำตามเงื่อนไข และหากชำระค่างวดมากกว่าขั้นต่ำ ตัดเงินต้นเพิ่ม ปิดหนี้จบได้อย่างรวดเร็ว   จึงขอเชิญชวนลูกหนี้ทุกรายที่มีสิทธิ์ รีบแจ้งความประสงค์ เพื่อรับผลประโยชน์ในการช่วยเหลือ  ลดภาระหนี้ และสร้างโอกาสให้กลับมาเริ่มต้นดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง  สามารถแจ้งความประสงค์ผ่านเว็บไซต์ของธนาคาร (www.smebank.co.th)   หรือเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (www.bot.or.th/khunsoo) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357 กด 99   

05 May 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner