Responsive image

Monday, 31 Mar 2025

หน้าแรก > ECONOMY-FINANCE/เศรษฐกิจ-การเงิน


กรุงศรี SME สานต่อขับเคลื่อนความยั่งยืนและดิจิทัล ควบคู่การดูแลคุณภาพของสินทรัพย์ มุ่งเน้นใกล้ชิดลูกค้า ผ่านการให้คำปรึกษาเชิงรุก

Wed 26/03/2568


กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เผยกลยุทธ์กลุ่มงานลูกค้าธุรกิจ SME ในปี 2568 ยังคงสานต่อกลยุทธ์ 3GO อันประกอบด้วย ‘GO Green, GO Digital และ GO Beyond’ พร้อมเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตของสินเชื่อและคุณภาพสินทรัพย์ โดยนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ครอบคลุมทั้งการดำเนินธุรกิจตามกรอบ ESG การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม รวมถึงแพลตฟอร์มที่ช่วยสร้างโอกาสธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจไทย รวมถึงให้ความสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ผ่านการเยี่ยมเยือนและให้คำปรึกษาเชิงรุกเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย

นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันในแต่ละภาคส่วน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจและการเติบโตของผู้ประกอบการ SME โดยเรามองว่ายังคงมีความเปราะบาง ทั้งนี้ กรุงศรียังคงสนับสนุนลูกค้าอย่างต่อเนื่องผ่านมาตรการช่วยเหลือ ส่งมอบโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการ และการสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถฟื้นตัวจากผลกระทบต่างๆ พร้อมทั้งพัฒนาแนวทางในการเสริมสร้างความยั่งยืนทั้งในด้านการเงินและสิ่งแวดล้อม โดยยึดหลักการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม เพื่อให้ลูกค้าก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง โดยในปี 2567 ยอดสินเชื่อคงค้างของกลุ่มลูกค้าธุรกิจ SME อยู่ที่กว่า 337,264 ล้านบาท”

สำหรับทิศทางการดำเนินงานและกลยุทธ์ในปี 2568 นี้ ธนาคารยังคงสานต่อความสำเร็จจากกลยุทธ์ 3GO จากปีที่ผ่านมา      

  • GO Green: การสนับสนุนการดำเนินธุรกิจตามกรอบของ ESG ซึ่งในปีที่ผ่านมา กรุงศรี ได้นำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อ SME เพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ประกอบด้วย 4 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ สินเชื่อสำหรับธุรกิจที่เป็นผู้ผลิต ผู้ติดตั้ง ผู้ค้าผลิตภัณฑ์ หรือผู้ให้บริการโซลูชันเพื่อสร้างความยั่งยืน สินเชื่อสำหรับธุรกิจที่ทำการลงทุนผลิตและขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ สินเชื่อสำหรับธุรกิจทั่วไปที่ต้องการลงทุนเพื่อบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และสินเชื่อสำหรับการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพื่อธุรกิจ อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังมีความรู้ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องในเรื่อง ESG โดยแนวทางในปี 2568 จะยังคงสานต่อการให้คำปรึกษาร่วมกับการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของ ESG ผ่านกิจกรรมต่างๆ ต่อเนื่อง ได้แก่ Krungsri ESG Academy รุ่นที่ 2 Krungsri ESG Awards 2568 ที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และงานสัมมนา Krungsri-MUFG Sustainability Forum
  • GO Digital:  ในปีที่ผ่านมา กรุงศรีมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลให้ครอบคลุมและครบวงจรสำหรับลูกค้า  SME ทุกขนาด ส่งผลให้ปริมาณการใช้บริการดิจิทัลแบงก์กิ้งเพื่อธุรกิจ Krungsri Biz Online เติบโตสูงถึง 70% และยังได้พัฒนา Krungsri Supply Chain and Banking Solution ที่ช่วยบริหารจัดการธุรกรรมทางการเงินสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สำหรับปี 2568 กรุงศรีต่อยอดการพัฒนา "Krungsri The Living Room...One Place for Business" แพลตฟอร์มพอร์ทัลที่รวมผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของธนาคารและข้อมูลสำคัญ เช่น อัตราแลกเปลี่ยน ข้อมูลความรู้ด้าน ESG และอื่นๆ ภายในแหล่งเดียว ช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และข้อมูลต่างๆ
  • GO Beyond:  การสนับสนุนลูกค้าในการขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศผ่านการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับภูมิภาคและผลิตภัณฑ์บริการด้านการค้าต่างประเทศ โดยในปีที่ผ่านมา ได้มีการขยายฐานสมาชิก Krungsri Business Link แพลตฟอร์มจับคู่ธุรกิจทั้งในและต่างประเทศของธนาคาร โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้นกว่า 9,000 บริษัท และส่งผลให้เกิดการจับคู่เจรจาธุรกิจกว่า 254 คู่ ทั้งนี้ ในปี 2568 นอกเหนือจากการช่วยขยายตลาดให้กับลูกค้า กรุงศรีจะขยายการให้สินเชื่อเพื่อการค้าต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าใหม่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต ได้แก่ เกษตร อาหารและเครื่องดื่ม อิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงพัฒนาบริการด้านธุรกรรมระหว่างประเทศผ่านช่องทางดิจิทัล Krungsri TradeLink และ Krungsri CashLink ให้สะดวกและครอบคลุมบริการที่หลากหลายยิ่งขึ้น

“ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจโลกปี 2568 ที่ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัย แม้เศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ผู้ประกอบการ SME ไทย ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาด้านโครงสร้างภายในประเทศและการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนดังกล่าว เราจึงมุ่งมั่นรักษาเสถียรภาพของสินเชื่อ SME สร้างสมดุลระหว่างการเติบโตและคุณภาพสินทรัพย์ เน้นการทำงานใกล้ชิดกับลูกค้าผ่านการเยี่ยมเยือนและให้คำปรึกษาเชิงรุกโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อร่วมกันวางแผนการบริหารความเสี่ยง พร้อมนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่เหมาะสมและตอบโจทย์ โดยเน้นที่การสนับสนุนด้านสินเชื่อหมุนเวียน เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องและต่อยอดการทำธุรกิจ ทั้งนี้ กรุงศรี จะยังคงมุ่งมั่นสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนในฐานะพันธมิตรที่พร้อมเดินเคียงข้างผู้ประกอบการสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นางสาวดวงกมล กล่าวปิดท้าย

 


Tags : กรุงศรี ธนาคารกรุงศรี กรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กรุงศรี SME ดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ธุรกิจ SME


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ตามที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ในประเทศพม่านั้น ในเหตุการณ์ครั้งนี้ มี “อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่” (อาคาร สตง.) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างได้ถล่มลงมาทั้งหลัง โดยโครงการก่อสร้างดังกล่าว ได้มีการทำประกันภัยไว้กับบริษัทผู้รับประกันภัยร่วมจำนวน 4 บริษัท ได้แก่ บมจ. ทิพยประกันภัย สัดส่วน 40% บมจ. กรุงเทพประกันภัย 25%  บมจ.อินทรประกันภัย 25%  บมจ.วิริยะประกันภัย 10% โดยมีทุนประกันภัยเป็น 3 หมวด ดังนี้ 1) มูลค่างานก่อสร้างตามสัญญา 2,136 ล้านบาท 2) ทรัพย์สินเดิมของผู้ว่าจ้าง 5 ล้านบาท 3) ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก 30 ล้านบาทต่อครั้ง และ 100 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาเอาประกันภัย โดยมีเงื่อนไขความรับผิดส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเอง 20% ของความเสียหายสำหรับแต่ละเหตุการณ์ ซึ่งในส่วน 40% ของทิพยประกันภัยนั้น บริษัทฯ ได้มีการจัดทำประกันภัยต่อไว้ในสัดส่วน 95% ของทุนเอาประกันภัยไว้กับบริษัทประกันภัยต่อชั้นนำของโลกที่มีระดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Credit Rating) ไม่ต่ำกว่า A นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดทำสัญญาประกันภัยต่อเพื่อความเสียหายส่วนเกินสำหรับความเสียหายจากภัยพิบัติหรือมหันตภัย (XOL) ไว้อีกด้วย ดังนั้น ทิพยประกันภัยยืนยันว่า แม้จะมีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนในกรณีนี้ บริษัทฯ ยังคงมีความมั่นคงทางการเงิน และไม่มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ อนึ่งในการพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีอาคาร สตง. นั้น จะต้องพิจารณาถึงมูลค่าของอาคาร ณ เวลาที่เกิดเหตุ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีการพิจารณาว่าอาคารดังกล่าว ได้มีการดำเนินการก่อสร้างไปแล้วเป็นร้อยละเท่าไรของมูลค่าโครงการทั้งหมด เช่น หากการก่อสร้างแล้วเสร็จ 50% ความเสียหายที่จะได้รับความคุ้มครองตามสัญญาประกันภัยก็จะเป็นเพียง 50% ของทุนเอาประกันภัยเท่านั้น ทั้งนี้ มูลค่าของโครงการนี้ ณ วันเวลาที่เกิดเหตุจะถูกประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญต่อไป นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการจัดเตรียมทีมงานและความพร้อมในการรับแจ้งเคลมตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเพื่อตอบข้อซักถาม และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า โดยพร้อมที่จะพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างรวดเร็ว ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบสามารถติดต่อแจ้งเคลมและขอรับความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าของทิพยประกันภัย โทร. 1736 กด 5199 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ Line : dhipayainsurance  หรือ อีเมล : general-claim@dhipaya.co.th    ทิพยประกันภัย มุ่งมั่นในการให้บริการที่เป็นเลิศ และจะเดินหน้าดูแลลูกค้าทุกท่านด้วยความรับผิดชอบ โปร่งใส และเป็นธรรม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดและความมั่นใจให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องต่อไป  

31 Mar 2025

...

  นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า จากเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน สำนักงาน คปภ. ร่วมกับ สมาคมประกันชีวิต และสมาคมประกันวินาศภัย เร่งติดตามสถานการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด พร้อมสั่งการให้บริษัทประกันภัยเตรียมพร้อมดำเนินการช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ และขอให้ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวตรวจสอบกรมธรรม์ของตนเอง หรือติดต่อบริษัทประกันภัยที่ได้ทำประกันภัยไว้ และขอย้ำว่าทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพร้อมดูแลและให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยอย่างใกล้ชิด เพื่อเร่งฟื้นฟูความเสียหายให้กลับคืนโดยเร็ว ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน คปภ. 1186 หรือ ช่องทาง Chatbot @oicconnect

30 Mar 2025

...

เนื่องในวาระก้าวสู่ปีที่ 113 วันที่ 1 เมษายน 2568 ธนาคารออมสินเตรียมมอบกระปุกออมสิน “อาชีพพลิกฝัน” เป็นของที่ระลึกสำหรับผู้ฝากเงิน ซึ่งมีแรงบันดาลใจการออกแบบลวดลายเป็นภาพอาชีพที่คุ้นเคยเพื่อจุดพลังและสนับสนุนให้ทุกอาชีพเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคง นำเสนอในรูปแบบการ์ตูนสีสันสดใส พร้อมลูกเล่นหมุนเปลี่ยนอาชีพได้ เพื่อให้ทุกการออมสนุกยิ่งขึ้น   โดยร่วมพัฒนาและออกแบบลวดลายโดยศิลปินจากโครงการ อาร์ต ฟอร์ แคนเซอร์ บาย ไอรีล (Art for Cancer by Ireal) กิจการเพื่อสังคม เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจการเป็นธนาคารเพื่อสังคม ในการดำเนินธุรกิจอย่างสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าร่วม ตลอดจนขยายผลสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนและสังคม ผู้ที่รักการออมเงินและการสะสมกระปุกออมสิน   เตรียมลงทะเบียนจองสิทธิ์ฝากเงินและรับกระปุกออมสิน “อาชีพพลิกฝัน” ได้ตั้งแต่วันที่ 28 – 31 มีนาคม 2568 ผ่าน 3 ช่องทางออนไลน์ ได้แก่ เว็บไซต์ www.gsb.or.th, Line Official : GSB Society และแอปพลิเคชัน MyMo และฝากเงิน 500 บาทขึ้นไป ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา แอป MyMo และเครื่องรับฝากเงินอัตโนมัติ พร้อมรับกระปุกออมสินตามสาขาที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์ไว้ตั้งแต่วันที่ 1 -  4 เมษายน 2568 (1 กระปุกต่อ 1 ท่าน) ของมีจำนวนจำกัด ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.gsb.or.th หรือ GSB Contact Center โทร. 1115  

29 Mar 2025

...

ไทยประกันชีวิตชูแนวคิด People Centric มุ่งพัฒนาบุคลากรให้เป็นทั้งคนเก่งและคนดี ส่งเสริมแนวคิดการเรียนรู้ไม่รู้จบ (Lifelong Learning) ผ่านโครงการ “School of Get” เน้นการเรียนรู้แบบ Feel Good Experience เพื่อพัฒนาศักยภาพ เพิ่มขีดความสามารถในการทำงานและการใช้ชีวิต     นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI เปิดเผยว่า ไทยประกันชีวิตดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืนที่ส่งมอบคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ทั้งลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น คู่ค้าพันธมิตร หน่วยงานกำกับดูแล และคนในสังคม ไทยประกันชีวิตจึงให้ความสำคัญกับการริเริ่มนวัตกรรมด้านต่างๆ ที่สร้างและส่งมอบประสบการณ์ที่มีคุณค่า และตรงความต้องการของแต่ละภาคส่วนอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน ไทยประกันชีวิตยังให้ความสำคัญกับบุคลากร ซึ่งถือเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวสู่ความยั่งยืน บริษัทฯ จึงดำเนินธุรกิจในลักษณะ People Centric มุ่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้เป็นทั้งคนเก่งและคนดี รวมถึงปรับทัศนคติให้พร้อมเรียนรู้ ให้เท่าทันกระแสการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ด้วยการเสริมสร้างทักษะความรู้เดิม (Upskill) และเพิ่มเติมทักษะใหม่ (Reskill) ที่จำเป็นสำหรับการทำงาน โดยการพัฒนาความรู้และวิธีการทำงานผ่านกระบวนการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ และให้ความสำคัญกับการสร้าง Mindset การเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างไม่สิ้นสุด (Lifelong Learning) ให้กับบุคลากร “บริษัทฯ จึงได้ริเริ่มโครงการ School of Get สำหรับผู้บริหารสำนักงานใหญ่และผู้บริหารฝ่ายขาย ด้วยแนวคิด Lifelong Learning เสริมทักษะแห่งอนาคต สร้าง Mindset แห่งการเรียนรู้ เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำยุคใหม่ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์แบบ One Team ให้บุคลากรพร้อมขับเคลื่อนองค์กรไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ เราต้องการสร้างผู้นำที่กล้าคิด กล้าตัดสินใจลงมือทำ พร้อมเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ เพื่อวางรากฐานสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนของไทยประกันชีวิต” นายไชยกล่าว School of Get คือ โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรรูปแบบใหม่ ที่มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้แบบ Feel Good Experience เน้นการพัฒนาศักยภาพในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อให้มีความสุขในการทำงานและการใช้ชีวิต ผ่านหลักสูตรที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ เน้นการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในโลกยุคใหม่ พร้อมกิจกรรมเสริมทักษะที่จะช่วยพัฒนาผู้เรียนในมิติต่างๆ อย่างครบถ้วน “ทุกวิชาในหลักสูตรของ School of Get จะได้รับการสอนโดยผู้เชี่ยวชาญและกูรูระดับประเทศ ในรูปแบบ "Edutainment" ที่ผสมผสานการเรียนรู้และความบันเทิงเข้าด้วยกัน เน้นการลงมือปฏิบัติ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างผู้เรียน เพื่อให้บุคลากรในหลักสูตรทุกท่านได้รับประสบการณ์แบบ Feel Good เพราะเราเชื่อว่า ‘ชีวิตคือการเรียนรู้ที่ไม่มีวันจบ และการเรียนรู้ที่เห็นผลที่สุด คือการเรียนรู้ที่ทำให้เรามีความสุข’ นายไชยกล่าว โครงการ School of Get รุ่นที่ 1 จัดขึ้นระหว่างเดือนธันวาคม 2567 – เดือนมีนาคม 2568 ซึ่งผู้เข้าร่วมอบรมสามารถนำทักษะความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมาเสริมสร้างศักยภาพในการทำงาน และเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองและองค์กรสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จได้อย่างดี

29 Mar 2025

Banner Banner Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner